ในช่วงตลาดกระทิง นักลงทุนต่างจับตามองไปที่ XRP และ Dogecoin เพราะราคาเหรียญทั้ง 2 เหรียญได้พุ่งแรงกว่า 10% หลัง Bitcoin แตะ 123,000 ดอลลาร์
คำถามสำคัญในวันนี้คือ ระหว่าง XRP เน้นการใช้งานจริงกับ Dogecoin ที่ขับเคลื่อนด้วยกระแสและแรงเก็งกำไร เหรียญไหนจะสามารถทำราคาเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่าได้เร็วกว่ากัน?
XRP: เหรียญที่มีปัจจัยพื้นฐานแกร่ง

ในทางตรงกันข้าม XRP มีเส้นทางการเติบโตที่แตกต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง เหรียญนี้ถูกขับเคลื่อนโดยบริษัท Ripple ซึ่งมุ่งเน้นการสร้างประโยชน์ใช้สอยในโลกแห่งความเป็นจริง โดยเฉพาะในภาคการเงินและสถาบันการเงินต่าง ๆ
การเติบโตของ XRP จึงไม่ได้ขึ้นอยู่กับกระแสเพียงอย่างเดียว แต่มีรากฐานมาจากเทคโนโลยีและการใช้งานจริง ทำให้เป็นเหรียญคริปโตที่มีความน่าสนใจในระยะยาว
ล่าสุด Ripple ได้เปิดตัวแพลตฟอร์มสำหรับพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ในรูปแบบโทเคน (Tokenized U.S. Treasuries) บน XRP Ledger (XRPL) พร้อมยกระดับระบบให้สอดคล้องกับกฎระเบียบเพื่อดึงดูดนักลงทุนสถาบันโดยเฉพาะ
นอกจากนี้ยังมีการเปิดตัว Stablecoin ที่ผูกกับเงินดอลลาร์ และโซลูชัน Ripple Payments ที่ช่วยให้ธนาคารสามารถชำระเงินข้ามพรมแดนได้รวดเร็วและประหยัดกว่าเดิม
ทั้งหมดนี้คือปัจจัยที่ทำให้ XRP เป็นเหรียญคริปโตที่มีโอกาสดึงดูดเม็ดเงินมหาศาลจากกลุ่มสินทรัพย์ในโลกจริง (Real-World Asset) และสถาบันการเงินในอนาคต
การลงทุนในเหรียญคริปโตที่มีพื้นฐานเช่นนี้จึงมีแนวโน้มที่จะมั่นคงกว่า
Dogecoin: เหรียญมีมที่รอวันปะทุ

Dogecoin เป็นที่รู้จักกันดีในฐานะราชาแห่งเหรียญมีม พลังขับเคลื่อนหลักของเหรียญไม่ได้มาจากเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยหรือการพัฒนาโครงการอย่างต่อเนื่อง แต่มาจากกระแสบนเครือข่ายสังคมออนไลน์และสภาพคล่องในตลาดโลกเป็นหลัก
ในอดีตเราเคยเห็น Dogecoin พุ่งทะยานอย่างรุนแรงในปี 2021 และมีการพุ่งขึ้นอีกครั้งในช่วงปลายปี 2024
แม้จะไม่ถึงจุดสูงสุดเดิมก็ตาม สิ่งนี้แสดงให้เห็นว่าราคาของเหรียญคริปโตชนิดนี้อ่อนไหวต่อกระแสข่าวและอารมณ์ของตลาดอย่างมาก
อย่างไรก็ตาม จุดอ่อนสำคัญของ Dogecoin คือการขาดปัจจัยพื้นฐานที่จับต้องได้ ทีมผู้พัฒนาแทบไม่มีการอัปเดตหรือเพิ่มฟีเจอร์ใหม่ ๆ ให้กับตัวเหรียญคริปโตนี้เลย
นั่นหมายความว่า Dogecoin ไม่มีประโยชน์ใช้สอยใหม่ ๆ เพิ่มขึ้นเพื่อดึงดูดผู้ใช้งานในระยะยาว
เมื่อกระแสจางลง เงินทุนก็พร้อมจะไหลออกจาก Dogecoin ไปหาโอกาสที่ดีกว่า ทำให้การเติบโตของราคาไม่ยั่งยืน
แม้ว่าการที่ Dogecoin อาจจะมีโอกาสทำราคาเพิ่มขึ้น 2 เท่าจากกระแสเก็งกำไรอาจเกิดขึ้นได้รวดเร็วในตลาดกระทิงรอบนี้ แต่นักลงทุนก็ต้องเผชิญกับความเสี่ยงที่ราคาจะร่วงกลับมาที่เดิมได้เร็วไม่แพ้กัน
การลงทุนในเหรียญคริปโตประเภทนี้จึงต้องอาศัยการจับจังหวะที่แม่นยำ
เทียบหมัดต่อหมัด: เหรียญคริปโตไหนเหมาะกับใคร?
เมื่อนำเหรียญทั้ง 2 เหรียญมาเปรียบเทียบกันจะเห็นภาพที่ชัดเจน
Dogecoin คือตัวแทนของการลงทุนแบบเก็งกำไรที่อาศัยกระแสสังคมเป็นหลัก มีโอกาสทำกำไรสูงในเวลาอันสั้น แต่ก็มาพร้อมกับความเสี่ยงที่สูงมากเช่นกัน
ราคาของเหรียญอาจพุ่งขึ้น 2 เท่าได้ก่อน แต่ก็ไม่มีอะไรรับประกันว่าจะสามารถรักษาระดับราคานั้นไว้ได้นานแค่ไหน
การลงทุนในเหรียญคริปโตประเภทนี้จึงเหมาะกับนักลงทุนที่ยอมรับความเสี่ยงสูงและติดตามตลาดอย่างใกล้ชิด
ในขณะที่ XRP คือการลงทุนที่เน้นปัจจัยพื้นฐานและประโยชน์ใช้สอยในระยะยาว การเติบโตของราคาอาจไม่หวือหวาเท่าเหรียญมีม แต่เป็นการเติบโตที่ค่อยเป็นค่อยไปและมีความยั่งยืนมากกว่า
การพัฒนาของ Ripple อย่างต่อเนื่องทำให้ XRP มีโอกาสที่จะถูกนำไปใช้งานในวงกว้างโดยสถาบันการเงิน ซึ่งจะสร้างความต้องการที่แท้จริงและส่งผลให้มูลค่าเพิ่มขึ้นอย่างมั่นคง
การลงทุนในเหรียญที่มีพื้นฐานแข็งแกร่งเช่นนี้จึงเหมาะกับนักลงทุนที่มองหาการเติบโตในระยะยาวและต้องการลดความเสี่ยงจากความผันผวนของตลาดเหรียญคริปโต
ขอบคุณข้อมูลจาก https://www.fool.com/investing/2025/07/18/which-cryptocurrency-will-double-faster-xrp-vs-dog/
ฮือฮา! Token6900 โทเค็นไร้ประโยชน์แต่ระดมทุนรอบพรีเซลทะลุ 680,000 ดอลลาร์ใน 4 สัปดาห์

ในช่วงตลาดกระทิงนี้ Token6900 เป็นอีกหนึ่งเหรียญที่กำลังเป็นที่จับตามอง เพราะโครงการได้ประกาศออกมาอย่างตรงไปตรงมาว่าได้สร้างโทเค็นทั้งหมด 930,993,091 โทเค็นและไม่มีประโยชน์ใช้สอยใด ๆ
ความน่าสนใจอยู่ที่ราคาขาย Token6900 รอบพรีเซลในปัจจุบันคือ 0.0066 ดอลลาร์ เมื่อนำไปพิจารณากับจำนวนโทเค็นทั้งหมด — Token6900 เป็นโทเค็นที่สามารถปั่นราคาได้อย่างง่ายดาย!?
การขาย Token6900 รอบพรีเซลกำลังดำเนินอยู่ โดยราคาจะถูกปรับเพิ่มขึ้นทุก 2-3 วันตลอดการขายและโทเค็นได้ถูกวางแผนที่จะนำขึ้นสู่กระดานเทรดชั้นนำ
ผู้ที่สนใจสามารถเรียนรู้รายละเอียดโครงการ Token6900 เพิ่มเติมและวิธีการซื้อโทเค็นอย่างละเอียดได้ที่นี่
สุกฤษ วิทยา เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านบล็อกเชนและสินทรัพย์ดิจิทัลที่คร่ำหวอดในวงการมากว่า 10 ปี เขาเริ่มต้นจากการพัฒนาแอปพลิเคชันด้านฟินเทคก่อนจะหันมาให้ความสนใจในการถ่ายทอดความรู้เกี่ยวกับเทคโนโลยีบล็อกเชนและสกุลเงินดิจิทัลในช่วงปี 2017 ผ่านการเขียนบล็อก ปัจจุบัน สุกฤษเป็นทั้งนักวิเคราะห์เทคโนโลยี Web3 นักเขียน และที่ปรึกษาด้านกลยุทธ์การลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลให้กับทั้งสตาร์ทอัปและองค์กรภาครัฐ ผลงานของเขามุ่งเน้นที่การเชื่อมโยงระหว่างเทคโนโลยีกับการใช้งานจริงในโลกการเงิน โดยเฉพาะการอธิบายแนวคิดซับซ้อนให้เข้าใจง่าย พร้อมทั้งนำเสนอบทวิเคราะห์ที่ช่วยให้ผู้อ่านมองเห็นโอกาสและความเสี่ยงในระบบเศรษฐกิจดิจิทัลอย่างรอบด้าน