ตลาดคึก! XRP มีลุ้นแตะ $3.39 หาก SEC ตัดสินใจปิดฉากคดีดัง

ราคา XRP กำลังเป็นที่จับตามองของนักลงทุนทั่วโลก หลังจากราคาพุ่งขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ท่ามกลางข่าวดีด้านกฎหมายคริปโตในสหรัฐฯ และการคาดการณ์ว่าสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (SEC) อาจตัดสินใจยุติคดีความกับ Ripple ในเร็วๆ นี้ ปัจจัยเหล่านี้ส่งผลให้นักวิเคราะห์หลายคนมองว่า ราคา XRP มีโอกาสทะยานสู่เป้าหมายใหม่ที่ $3.39 ในปี 2025 ซึ่งเป็นสัญญาณบวกที่ชัดเจนสำหรับผู้ถือเหรียญ การเคลื่อนไหวของ ราคา XRP ในช่วงนี้จึงขึ้นอยู่กับปัจจัยมหภาคและข่าวสารเฉพาะตัวอย่างใกล้ชิด

สำหรับการประเมินแนวโน้มในอนาคต การศึกษาข้อมูลเชิงลึกเป็นสิ่งสำคัญ ซึ่งนักลงทุนสามารถอ่านบท วิเคราะห์ราคาเหรียญ XRP อย่างละเอียด เพื่อประกอบการตัดสินใจได้

นอกจากปัจจัยพื้นฐานแล้ว สัญญาณทางเทคนิคและการเคลื่อนไหวของนักลงทุนรายใหญ่ก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่น่าจับตา โดยล่าสุด XRP ได้รับแรงหนุนจากวาฬและนักวิเคราะห์ ซึ่งชี้ให้เห็นถึงแนวโน้มเชิงบวกในระยะกลาง

SEC อาจถอนฟ้อง Ripple! สร้างแรงหนุนสำคัญต่อราคา XRP

ประเด็นที่สำคัญที่สุดที่ส่งผลต่อ ราคา XRP ในขณะนี้ คือการประชุมลับของ SEC ซึ่งอาจมีการลงมติเพื่อถอนการอุทธรณ์ในคดีกับ Ripple หลังจากที่ผู้พิพากษา Analisa Torres ได้มีคำตัดสินในปี 2023 ว่าการขาย XRP แบบ Programmatic Sales (การขายบนแพลตฟอร์ม) ไม่ถือเป็นสัญญาการลงทุน ซึ่งเป็นชัยชนะครั้งสำคัญของ Ripple หาก SEC ตัดสินใจถอนฟ้องจริง จะเป็นการยุติคดีความที่ยืดเยื้อมานาน และสร้างความชัดเจนทางกฎหมายให้กับสถานะของ XRP ซึ่งจะส่งผลบวกโดยตรงต่อ ราคา XRP ในระยะยาว

ความเชื่อมั่นของนักลงทุนยังได้รับแรงหนุนจากการที่ Ripple เดินหน้าเชื่อมต่อผู้กำหนดนโยบายสหรัฐฯ ซึ่งถือเป็นสัญญาณบวกที่อาจนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงที่สำคัญในตลาด

ขณะเดียวกัน ปัจจัยทางการเมืองก็ส่งผลกระทบต่อตลาดคริปโตโดยตรงเช่นกัน โดยล่าสุด ราคา XRP พุ่งขึ้นหลังทรัมป์ประกาศสนับสนุนคริปโต อย่างชัดเจน

การยุติคดีไม่เพียงแต่จะลบความเสี่ยงทางกฎหมายที่กดดัน ราคา XRP มาตลอด แต่ยังเป็นการยืนยันว่า XRP ไม่ใช่หลักทรัพย์ ซึ่งจะเปิดประตูสู่โอกาสใหม่ๆ มากมาย อย่างไรก็ตาม Marc Fagel อดีตทนายความของ SEC ได้ให้ความเห็นว่า แม้จะมีการคาดการณ์ว่า SEC จะถอนฟ้องในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า แต่ยังไม่มีใครทราบแน่ชัดว่าจะเกิดขึ้นเมื่อใด นักลงทุนจึงยังคงต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เพราะทุกการตัดสินใจของ SEC จะส่งผลกระทบต่อทิศทางของ ราคา XRP อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

XRP-Spot ETF ใกล้เป็นจริง? กฎหมายชัดเจนหนุนราคา XRP

ความชัดเจนทางกฎหมายที่อาจเกิดขึ้นจากการยุติคดีความระหว่าง SEC และ Ripple ได้จุดประกายความหวังเกี่ยวกับการเปิดตัว XRP-Spot ETF ในสหรัฐฯ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่จะผลักดันให้ ราคา XRP เติบโตอย่างก้าวกระโดด นักวิเคราะห์เชื่อว่าหาก XRP ได้รับการยืนยันว่าไม่ใช่หลักทรัพย์ จะเป็นการปูทางให้บริษัทจัดการสินทรัพย์ยักษ์ใหญ่สามารถยื่นขอจัดตั้งกองทุน ETF ได้โดยง่าย เหมือนกับที่เกิดขึ้นกับ Bitcoin และ Ethereum

Steven McLurg ซีอีโอของ Canary Capital ได้แสดงความเชื่อมั่นว่า XRP-Spot ETF มีแนวโน้มที่จะได้รับความสนใจจากนักลงทุนมากกว่า ETH และ SOL ETF ด้วยซ้ำ เนื่องจาก XRP มีกรณีการใช้งานจริงในโลกธุรกิจผ่านผลิตภัณฑ์ชำระเงินข้ามพรมแดนของ Ripple ที่มีเครือข่ายทั่วโลก การมีอยู่จริงในภาคธุรกิจนี้อาจทำให้ ราคา XRP มีความน่าสนใจและมีเสถียรภาพมากกว่าในสายตานักลงทุนสถาบัน หาก XRP-Spot ETF ได้รับการอนุมัติจริง อาจทำให้ ราคา XRP สามารถทวงคืนตำแหน่งเหรียญคริปโตอันดับ 2 ตามมูลค่าตลาดกลับมาได้

เมื่อพิจารณาถึงศักยภาพในการแข่งขันของ XRP การเปรียบเทียบกับคู่แข่งโดยตรงอย่าง XLM ก็เป็นข้อมูลที่น่าสนใจ ซึ่งมีการ วิเคราะห์เปรียบเทียบ XRP และ XLM พบว่า XRP มีความได้เปรียบด้านกฎหมายและการยอมรับจากสถาบัน

ราคา XRP ขยับแรง! ปัจจัย 3 ด้านส่งสัญญาณขาขึ้น

เมื่อวันอังคารที่ 16 กรกฎาคมที่ผ่านมา ราคา XRP พุ่งขึ้นถึง 4.11% หลังจากที่ลดลง 1.33% ในวันจันทร์ โดยปิดที่ระดับราคา $3.0399 ซึ่งถือว่า XRP ทำผลงานได้ดีกว่าตลาดคริปโตโดยรวมที่เพิ่มขึ้นเพียง 1.87% ทำให้มูลค่าตลาดรวมขยับไปแตะที่ $3.74 ล้านล้าน

ในระยะสั้น แนวทางการเคลื่อนไหวของราคาสำหรับ XRP จะขึ้นอยู่กับปัจจัยสำคัญสามประการ ได้แก่ การพิจารณาร่างกฎหมายเกี่ยวกับคริปโต, การโหวตเรื่องอุทธรณ์ของ SEC, และความคืบหน้าเกี่ยวกับ XRPspot ETF ในสหรัฐฯ

หาก XRP สามารถทะลุระดับสูงสุดของวันที่ 16 กรกฎาคมที่ $3.1017 ได้สำเร็จ อาจเปิดโอกาสให้ราคาไต่ขึ้นไปถึงระดับสูงสุดในปี 2025 ที่ $3.3999 และหากราคาสามารถยืนเหนือระดับ $3.3999 ได้อย่างมั่นคง นักลงทุนกลุ่มกระทิงอาจตั้งเป้าหมายไปที่ระดับสูงสุดตลอดกาลในปี 2018 ที่ $3.5505

ในทางกลับกัน หากราคาหลุดระดับ $3 ลง อาจเกิดแรงกดดันที่ทำให้ราคาลดลงไปแตะระดับต่ำสุดของสัปดาห์นี้ที่ $2.8056

TOKEN6900 พุ่งแรง! เหรียญ Meme ไร้ Roadmap แต่โดนใจนักลงทุน

ในขณะที่นักลงทุนกำลังจับตา ราคา XRP อย่างใกล้ชิด อีกมุมหนึ่งของตลาดคริปโตก็มีความเคลื่อนไหวที่น่าสนใจไม่แพ้กัน โดยเฉพาะในตลาดเหรียญ Meme ที่มีโอกาสสร้างผลตอบแทนมหาศาล และ TOKEN6900 (T6900) ก็คือหนึ่งในนั้น

TOKEN6900 ได้รับแรงบันดาลใจจากความสำเร็จของ SPX6900 ที่เคยสร้างผลตอบแทนกว่า 47 ล้านเปอร์เซ็นต์ โดย T6900 วางตัวเป็นเหรียญ Meme สายเสียดสีที่ซื่อสัตย์ที่สุดในตลาด ประกาศชัดเจนว่า ไม่มี Utility, ไม่มี Roadmap, ไม่มี VC มีเพียงพลังของชุมชนและความจริงใจล้วนๆ ซึ่งเป็นจุดขายที่แตกต่างและดึงดูดนักเทรดสาย degen ที่เบื่อหน่ายโปรเจกต์ลวงโลก

โปรเจกต์นี้เปิดขายโทเคนถึง 80% ของ Supply ทั้งหมดในรอบ Presale ด้วย Hard Cap เพียง 5 ล้านดอลลาร์ ทำให้มีโอกาสเติบโตแบบไวรัลสูง ปัจจุบันราคา Presale อยู่ที่เพียง $0.0064 และกำลังจะปรับขึ้น 11.3% ในรอบถัดไป ซึ่งเป็นโอกาสสุดท้ายสำหรับนักลงทุนที่ต้องการเข้าซื้อในราคาเริ่มต้น นอกจากนี้ยังมีระบบ Staking ใน “Brain Rot Vault” ที่ให้ผลตอบแทนต่อเนื่องนาน 2 ปีเต็ม สำหรับผู้ที่ต้องการถือยาว

ด้วยความที่มันเป็นเหรียญที่ “ตั้งใจไม่มีค่า” จึงทำให้ TOKEN6900 มีโอกาสกลายเป็นไวรัลได้อย่างแท้จริง และอาจเป็นโอกาสครั้งใหญ่สำหรับนักลงทุนที่มองหาผลตอบแทนแบบก้าวกระโดดในปี 2025

• ศึกษาวิธีซื้อ Token6900 ด้วยขั้นตอนง่ายๆ
• บทวิเคราะห์แนวโน้มราคา Token6900
• เว็บไซต์ทางการ: https://token6900.com/th
• ติดตามใน Instagram: @token_6900
• ติดตามใน X (Twitter): @Token_6900

Phitchaya Rattanavong

พิชญา รัตนวงศ์ เป็นนักข่าวและนักวิเคราะห์ด้านคริปโตเคอเรนซีและเทคโนโลยีบล็อกเชน ผู้มีความเชี่ยวชาญในการถ่ายทอดข้อมูลที่ซับซ้อนให้เข้าใจง่ายสำหรับผู้อ่านทุกระดับ ไม่ว่าจะเป็นนักลงทุนมือใหม่หรือผู้เชี่ยวชาญในวงการ ด้วยประสบการณ์กว่า 8 ปีในสายงานข่าวการเงินดิจิทัลและการกำกับดูแล Web3 พิชญาเคยร่วมงานกับทั้งสื่อในประเทศและต่างประเทศ เช่น Bangkok Biz, Asia Blockchain Review และ BeInCrypto เธอมุ่งมั่นในการเชื่อมโยงข้อมูลข่าวสารระหว่างผู้กำหนดนโยบาย ผู้พัฒนาเทคโนโลยี และนักลงทุน พร้อมส่งเสริมความรู้ความเข้าใจเรื่องกฎระเบียบคริปโตในบริบทไทย-อาเซียน ผลงานของเธอมีจุดเด่นด้านการวิเคราะห์ข่าว DeFi การลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัล และการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของ Web3 ที่กำลังเปลี่ยนโฉมเศรษฐกิจดิจิทัลของภูมิภาค