Home » Trump สั่งลุย! กฎหมาย GENIUS Act จ่อดัน Stablecoin

Trump สั่งลุย! กฎหมาย GENIUS Act จ่อดัน Stablecoin

19.06.2025 13:23 1 นาทีที่อ่าน Tanawat Thanichapol
แบ่งปัน: หุ้น
Trump สั่งลุย! กฎหมาย GENIUS Act จ่อดัน Stablecoin

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ออกมาเรียกร้องให้สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ เร่งผ่านร่างกฎหมาย GENIUS Act ซึ่งเป็นกฎหมายกำกับดูแล Stablecoin ฉบับสำคัญโดยไม่มีการแก้ไขเพิ่มเติม หลังจากที่วุฒิสภาได้ลงมติเห็นชอบไปแล้วด้วยคะแนนเสียงท่วมท้น การเคลื่อนไหวครั้งนี้อาจเป็นจุดเปลี่ยนครั้งประวัติศาสตร์สำหรับอุตสาหกรรมสินทรัพย์ดิจิทัลในสหรัฐฯ และทั่วโลก

Trump ทวีตเดือด สั่งสภาฯ ผ่านกฎหมาย Stablecoin ทันที

โดนัลด์ ทรัมป์ ได้โพสต์ข้อความผ่าน Truth Social เรียกร้องให้สภาผู้แทนราษฎรเคลื่อนไหว “เร็วเหมือนสายฟ้า” (LIGHTNING FAST) เพื่อผ่านร่างกฎหมาย GENIUS Act ฉบับสมบูรณ์โดยไม่ต้องรอช้า ไม่ต้องมีการแก้ไขเพิ่มเติมใดๆ

ทรัมป์กล่าวยกย่องกฎหมายฉบับนี้ว่า “น่าทึ่ง” และเป็นหนทางที่จะทำให้ “อเมริกาเป็นผู้นำด้านสินทรัพย์ดิจิทัลอย่างไม่มีข้อโต้แย้ง” พร้อมเสริมว่า “นี่คือความหลักแหลมของอเมริกาอย่างแท้จริง และเราจะแสดงให้โลกเห็นถึงวิธีที่จะชนะด้วยสินทรัพย์ดิจิทัลอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน” คำสั่งที่ชัดเจนนี้สะท้อนให้เห็นถึงความต้องการผลักดันให้สหรัฐฯ ก้าวขึ้นเป็นศูนย์กลางด้านนวัตกรรมการเงินดิจิทัล

เจาะลึก GENIUS Act: กรอบกำกับดูแล Stablecoin ฉบับแรก

กฎหมาย GENIUS Act ถือเป็นกฎหมายเกี่ยวกับคริปโตเคอร์เรนซีฉบับแรกที่ผ่านความเห็นชอบจากวุฒิสภาสหรัฐฯ โดยมีสาระสำคัญคือการสร้างกรอบการกำกับดูแลการออกและซื้อขาย Stablecoin อย่างเป็นระบบ

ภายใต้กฎหมายนี้ ผู้ออก Stablecoin จะต้องมีการค้ำประกันสินทรัพย์เต็มจำนวนด้วยเงินดอลลาร์สหรัฐหรือพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ระยะสั้นเท่านั้น นอกจากนี้ ผู้ให้บริการรายใหญ่จะต้องผ่านการตรวจสอบบัญชีประจำปีและปฏิบัติตามกฎระเบียบด้านการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (AML) อย่างเข้มงวด ซึ่งจะช่วยสร้างความเชื่อมั่นและเสถียรภาพให้กับตลาด Stablecoin ที่มีมูลค่ามหาศาล

กรอบการกำกับดูแลที่ชัดเจนนี้ไม่เพียงแต่ดึงดูดบริษัทเทคโนโลยีเท่านั้น แต่ยังเปิดทางให้สถาบันการเงินยักษ์ใหญ่เข้ามามีบทบาท ดังเช่นกรณีที่ ธนาคาร Santander รุกตลาด Stablecoin ทั้งสกุลดอลลาร์และยูโร

วิเคราะห์ผลกระทบ: กฎหมาย Stablecoin ฉบับใหม่สำคัญอย่างไร?

ความสำคัญของกฎหมายฉบับนี้มีนัยยะต่อตลาดคริปโตอย่างยิ่ง ข้อมูลจาก TRM Labs ระบุว่า Stablecoin อย่าง USDT และ USDC มีสัดส่วนคิดเป็นประมาณ 60% ของปริมาณการซื้อขายคริปโตทั่วโลก และกว่า 90% ของ Stablecoin ทั้งหมดผูกกับค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ

การมีกฎหมาย GENIUS Act จะทำให้ ‘ดอลลาร์ดิจิทัล’ เหล่านี้มีโครงสร้างที่ได้รับการรับรองทางกฎหมายเป็นครั้งแรก ซึ่งไม่เพียงแต่จะช่วยรักษาความเป็นเจ้าตลาดของเงินดอลลาร์ในยุคดิจิทัล แต่ยังเป็นการปูทางให้เกิดการยอมรับและใช้งานในวงกว้างมากขึ้น

แนวโน้มการใช้งานในวงกว้างนี้สะท้อนให้เห็นถึงกระแสในโลก Fintech ซึ่งปัจจุบันมี การยอมรับ Stablecoin ในกลุ่มบริษัท Fortune 500 เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะบนเครือข่ายบล็อกเชนชั้นนำ

อนาคต Stablecoin สดใส? ยักษ์ใหญ่อย่าง Amazon จับตา

การเกิดขึ้นของกรอบกฎหมายที่ชัดเจนอาจเป็นตัวเร่งปฏิกิริยาสำคัญที่ทำให้บริษัทยักษ์ใหญ่ตัดสินใจเข้าสู่ตลาด Stablecoin อย่างเต็มตัว มีรายงานก่อนหน้านี้ว่าทั้ง Amazon และ Walmart ต่างมีแผนที่จะพัฒนา Stablecoin ของตนเองเพื่อใช้ในการชำระเงินภายในระบบนิเวศของบริษัท

ความเคลื่อนไหวดังกล่าวไม่ใช่แค่การคาดการณ์ แต่มีรายละเอียดเกี่ยวกับ แผนการพัฒนา Stablecoin ของ Amazon และ Walmart เพื่อลดต้นทุนและปฏิวัติระบบการชำระเงินของตนเอง

อุปสรรคสำคัญที่ผ่านมาคือความไม่แน่นอนทางกฎหมาย แต่ GENIUS Act อาจเป็นกุญแจสำคัญที่ช่วยปลดล็อกปมนี้ และอาจนำไปสู่การเปิดตัวผลิตภัณฑ์ Stablecoin จากภาคเอกชนรายใหญ่ ซึ่งจะผลักดันให้ตลาดนี้เติบโตสู่ระดับหลายล้านล้านดอลลาร์ในอนาคต

สรุป: Trump ดันกฎหมาย Stablecoin พลิกโฉมอุตสาหกรรมสหรัฐฯ

การผลักดันกฎหมาย GENIUS Act ของโดนัลด์ ทรัมป์ ถือเป็นก้าวสำคัญทางประวัติศาสตร์ของวงการคริปโตในสหรัฐฯ กฎหมายฉบับนี้ไม่เพียงแต่จะสร้างความน่าเชื่อถือและกรอบการกำกับดูแลที่ชัดเจนให้กับตลาด Stablecoin แต่ยังเป็นการส่งสัญญาณว่าสหรัฐฯ พร้อมที่จะเป็นผู้นำในยุคสินทรัพย์ดิจิทัล การเคลื่อนไหวนี้อาจกระตุ้นให้บริษัทยักษ์ใหญ่เข้ามาลงทุน ซึ่งจะเปลี่ยนภูมิทัศน์ของทั้งภาคการเงินและเทคโนโลยีไปอย่างสิ้นเชิง

บล็อกเชนและสินทรัพย์ดิจิทัล, Web3, วิเคราะห์แนวโน้มราคาสินทรัพย์, โทเค็นโนมิกส์ Tanawat Thanichapol เป็นนักวิเคราะห์คริปโตและที่ปรึกษาบล็อกเชนอิสระจากประเทศไทยที่มีประสบการณ์กว่า 7 ปี จบหลักสูตรด้านเศรษฐกิจดิจิทัลจาก MIT Initiative on the Digital Economy (IDE) เขาเคยร่วมงานกับสตาร์ทอัพคริปโตในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และปัจจุบันเขียนบทความวิเคราะห์ตลาด รวมถึงพัฒนาบอทช่วยเทรดให้กับสื่อสายคริปโตหลายแห่ง เขาเชี่ยวชาญด้านโทเค็นโนมิกส์ การวิเคราะห์ on-chain และการจับสัญญาณแนวโน้มในตลาดสินทรัพย์ดิจิทัล สนใจเป็นพิเศษในด้านการเงินแบบกระจายศูนย์และอนาคตของ We

Telegram

แบ่งปัน: หุ้น
มากกว่า Fintech - ข่าวล่าสุดวันนี้
ยังไม่มีความคิดเห็น!

ที่อยู่อีเมลของคุณจะไม่ถูกเผยแพร่