ตลาดคริปโตกำลังจับตามองความเคลื่อนไหวครั้งใหญ่ของ Ripple Labs หลังจากมีการตรวจพบการโอนเหรียญ XRP จำนวนมหาศาลมูลค่ากว่า 438 ล้านดอลลาร์ไปยังกระเป๋าเงินนิรนาม สร้างความตื่นตระหนกและคำถามมากมายในหมู่นักลงทุนว่าเกิดอะไรขึ้น และจะส่งผลกระทบต่อราคา XRP อย่างไร
เจาะลึกการโอน XRP มูลค่า $438 ล้านดอลลาร์โดย Ripple
ข้อมูลจาก Whale Alert เผยให้เห็นว่า Ripple Labs ซึ่งเป็นบริษัทแม่ผู้อยู่เบื้องหลัง XRP ได้ทำการโอนเหรียญจำนวนมหาศาลกว่า 200 ล้านโทเคน คิดเป็นมูลค่าสูงถึง 438 ล้านดอลลาร์ ไปยังกระเป๋าเงินดิจิทัลที่ไม่ปรากฏชื่อเจ้าของ แม้จะยังไม่มีการยืนยันวัตถุประสงค์ที่ชัดเจนของการโอนครั้งนี้ แต่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า Ripple อาจกำลังเตรียมที่จะขายโทเคนส่วนหนึ่งออกสู่ตลาด
เป็นที่ทราบกันดีว่า Ripple มักจะขาย XRP ที่ถือครองอยู่ออกมาเป็นประจำทุกเดือนเพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินงานของบริษัท เช่น การจ่ายเงินเดือนพนักงาน ค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาเซิร์ฟเวอร์ และการวิจัยพัฒนา อย่างไรก็ตาม การโอนเงินจำนวนมหาศาลถึง 438 ล้านดอลลาร์ในครั้งนี้ ถือเป็นหนึ่งในธุรกรรมที่ใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมา ทำให้เกิดความกังวลในหมู่นักลงทุนว่าอาจมีแรงเทขายครั้งใหญ่ตามมา
นอกจากการเคลื่อนไหวของ Ripple เองแล้ว การเทขายเหรียญ XRP ของเหล่าวาฬ ก็เป็นอีกปัจจัยที่สร้างแรงกดดันต่อราคาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งนักลงทุนต้องนำมาพิจารณาประกอบการวิเคราะห์ด้วย
วิเคราะห์ราคา XRP ท่ามกลางแรงกดดันจากคดี SEC
การโอนเหรียญครั้งใหญ่นี้เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่นักลงทุน XRP กำลังเผชิญกับความกังวลอยู่แล้ว โดยในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา ราคาของ XRP ได้ปรับตัวลดลงกว่า 20% แรงกดดันส่วนหนึ่งมาจากคดีความที่ยืดเยื้อระหว่าง Ripple และสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐอเมริกา (SEC)
แม้ว่าก่อนหน้านี้ศาลจะมีคำตัดสินที่เป็นประโยชน์ต่อ Ripple แต่ทาง SEC ได้ยื่นอุทธรณ์ ทำให้กระบวนการทางกฎหมายยังคงดำเนินต่อไป ความไม่แน่นอนนี้ส่งผลกระทบโดยตรงต่อราคา XRP และบั่นทอนความเชื่อมั่นของนักลงทุนมาเป็นเวลานาน ทำให้ราคายังคงซื้อขายต่ำกว่าจุดสูงสุดตลอดกาล (All-Time High) ที่เคยทำไว้ที่ 3.40 ดอลลาร์อยู่มาก
ความไม่แน่นอนนี้ยังรวมไปถึงประเด็นอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับหน่วยงานกำกับดูแล เช่น การตัดสินใจเกี่ยวกับ XRP ETF ที่ถูกเลื่อนออกไป ซึ่งส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นและทิศทางราคาในระยะสั้น
คาดการณ์แนวโน้มราคา XRP และแนวรับสำคัญที่ต้องจับตา
จากกราฟทางเทคนิค ราคา XRP แสดงให้เห็นแนวโน้มขาลงอย่างชัดเจนในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา โดยมีการสร้างจุดสูงสุดที่ต่ำลง (Lower Highs) และจุดต่ำสุดที่ต่ำลง (Lower Lows) อย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม การที่ราคาเริ่มสร้างฐานและทำจุดต่ำสุดที่สูงขึ้น (Higher Low) ในช่วงล่าสุด อาจเป็นสัญญาณเริ่มต้นของการเปลี่ยนเทรนด์

ถึงกระนั้น การจะยืนยันการกลับตัวเป็นขาขึ้นได้นั้น ราคา XRP จำเป็นต้องทะลุแนวต้านสำคัญขึ้นไปให้ได้เสียก่อน หากไม่สามารถทำได้ ก็มีความเป็นไปได้สูงที่แนวโน้มขาลงจะยังคงดำเนินต่อไป โดยแนวรับสำคัญที่นักลงทุนต้องจับตาอย่างใกล้ชิดคือบริเวณ 2.10 ดอลลาร์ ซึ่งเป็นโซนที่มีคำสั่งซื้อรออยู่เป็นจำนวนมาก และอาจเป็นเป้าหมายของแรงขายในระยะสั้น
อย่างไรก็ตาม ท่ามกลางการวิเคราะห์ทางเทคนิคในระยะสั้น ก็ยังมี มุมมองเชิงบวกต่อราคา XRP ในระยะยาว จากผู้เชี่ยวชาญในตลาดที่คาดการณ์การเติบโตอย่างมีนัยสำคัญหากตลาดเข้าสู่สภาวะกระทิงเต็มตัว
สรุป: อนาคตราคา XRP หลังการโอนครั้งใหญ่และความไม่แน่นอน
การโอน XRP มูลค่ามหาศาลโดย Ripple ได้เพิ่มแรงกดดันและความกังวลให้กับตลาดซึ่งกำลังเผชิญกับความไม่แน่นอนจากคดีความกับ SEC อยู่แล้ว ขณะนี้ราคา XRP อยู่ในจุดที่สำคัญอย่างยิ่ง นักลงทุนควรติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะการเคลื่อนไหวของราคาบริเวณแนวรับและแนวต้านสำคัญ เพื่อประเมินทิศทางในอนาคต ท่ามกลางความเชื่อมั่นที่ยังคงเปราะบาง
อย่างไรก็ดี หากมองไปในภาพที่ใหญ่ขึ้น นักวิเคราะห์หลายคนยังคงเชื่อมั่นในพื้นฐานของโปรเจกต์ โดยชี้ให้เห็นถึง ปัจจัยสำคัญที่อาจหนุนอนาคต XRP ปี 2025 ซึ่งรวมถึงการยอมรับจากสถาบันและการอัปเกรดทางเทคโนโลยี
พิชญา รัตนวงศ์ เป็นนักข่าวและนักวิเคราะห์ด้านคริปโตเคอเรนซีและเทคโนโลยีบล็อกเชน ผู้มีความเชี่ยวชาญในการถ่ายทอดข้อมูลที่ซับซ้อนให้เข้าใจง่ายสำหรับผู้อ่านทุกระดับ ไม่ว่าจะเป็นนักลงทุนมือใหม่หรือผู้เชี่ยวชาญในวงการ ด้วยประสบการณ์กว่า 8 ปีในสายงานข่าวการเงินดิจิทัลและการกำกับดูแล Web3 พิชญาเคยร่วมงานกับทั้งสื่อในประเทศและต่างประเทศ เช่น Bangkok Biz, Asia Blockchain Review และ BeInCrypto
เธอมุ่งมั่นในการเชื่อมโยงข้อมูลข่าวสารระหว่างผู้กำหนดนโยบาย ผู้พัฒนาเทคโนโลยี และนักลงทุน พร้อมส่งเสริมความรู้ความเข้าใจเรื่องกฎระเบียบคริปโตในบริบทไทย-อาเซียน ผลงานของเธอมีจุดเด่นด้านการวิเคราะห์ข่าว DeFi การลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัล และการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของ Web3 ที่กำลังเปลี่ยนโฉมเศรษฐกิจดิจิทัลของภูมิภาค