วงการคริปโตสั่นสะเทือนอีกครั้ง หลังมีรายงานว่า Chris Larsen ผู้ร่วมก่อตั้ง Ripple ได้ทำการโอนเหรียญ XRP จำนวนมหาศาล คิดเป็นมูลค่ากว่า 26 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 950 ล้านบาท ไปยังกระดานเทรดชั้นนำอย่าง Coinbase การเคลื่อนไหวครั้งนี้เกิดขึ้นในช่วงที่ราคา XRP กำลังร้อนแรงและเข้าใกล้จุดสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ทำให้นักลงทุนต่างจับตาว่านี่คือสัญญาณการเทขายครั้งใหญ่ที่อาจส่งผลกระทบต่อทิศทางราคาของ XRP ในอนาคตหรือไม่ การวิเคราะห์การเคลื่อนไหวของเหรียญ XRP ในครั้งนี้จึงเป็นสิ่งที่น่าสนใจอย่างยิ่ง
เจาะลึกธุรกรรม XRP มูลค่ามหาศาลสู่ Coinbase
ข้อมูลจาก on-chain tracker เผยให้เห็นว่า Chris Larsen ได้เคลื่อนย้ายเหรียญ XRP จำนวนมากจากวอลเล็ตส่วนตัวไปยัง Coinbase ซึ่งเป็นหนึ่งในแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ดิจิทัลที่ใหญ่ที่สุดในสหรัฐอเมริกา โดยธุรกรรมดังกล่าวไม่ใช่ครั้งแรกในปีนี้ เพราะวอลเล็ตของ Larsen มีความเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่อง โดยมีการโอน XRP ไปยังกระดานเทรดต่างๆ ทั้ง Coinbase และ Binance รวมแล้วกว่า 106 ล้าน XRP ตลอดทั้งปี
โดยทั่วไปแล้ว การที่ผู้ถือครองรายใหญ่หรือ ‘วาฬ’ โอนสินทรัพย์ดิจิทัลจำนวนมากเข้าสู่ Exchange มักถูกตีความว่าเป็นสัญญาณเตรียมการเพื่อเทขายสินทรัพย์นั้นๆ การกระทำดังกล่าวเกิดขึ้นในจังหวะที่ราคา XRP พุ่งขึ้นทำสถิติสูงสุดในรอบ 7 เดือน และอยู่ห่างจากจุดสูงสุดตลอดกาล (All-Time High) ที่ 3.40 ดอลลาร์เพียงไม่กี่เปอร์เซ็นต์เท่านั้น ยิ่งเพิ่มน้ำหนักให้กับข้อสังเกตว่าอาจมีการเทขาย XRP เพื่อทำกำไรในเร็วๆ นี้ อย่างไรก็ตาม ยังต้องจับตาดูกันต่อไปว่าเงินทุนจำนวนนี้จะถูกขายออกไปจริงหรือไม่ และจะส่งผลกระทบต่อราคา XRP มากน้อยเพียงใด
นอกจากการเคลื่อนไหวของวาฬแล้ว ข้อมูลบนบล็อกเชนยังเป็นอีกหนึ่งเครื่องมือที่ช่วยประเมินสถานการณ์ได้ ซึ่งปัจจุบันมี ข้อมูล On-chain ที่ชี้ถึงแรงเทขาย XRP ที่อาจเกิดขึ้นเนื่องจากผู้ถือครองส่วนใหญ่มีกำไรแล้ว
ปัจจัยตลาดและข่าวดีที่หนุนราคา XRP ท่ามกลางความกังวล
แม้การโอน XRP ครั้งนี้จะสร้างความกังวลในตลาด แต่ในภาพรวมแล้ว เหรียญ XRP ยังคงได้รับแรงหนุนจากปัจจัยบวกหลายประการ ในสัปดาห์ที่ผ่านมา ราคา XRP ปรับตัวสูงขึ้นถึง 32% ซึ่งเป็นผลมาจากความคืบหน้าด้านกฎหมายคริปโตในสหรัฐฯ หรือที่เรียกว่า ‘Crypto Week’ ประกอบกับการที่ราคา Bitcoin (BTC) ปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งส่งผลดีต่อตลาด Altcoin โดยรวม รวมถึงตัวของ XRP ด้วย
นอกจากนี้ บริษัท Ripple เองก็มีข่าวดีออกมาอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นการยื่นขอใบอนุญาตธนาคารทรัสต์ในสหรัฐฯ และกระแสคาดการณ์เกี่ยวกับการอนุมัติกองทุน XRP ETF ซึ่งหากเกิดขึ้นจริงจะยิ่งเพิ่มความน่าเชื่อถือและเปิดประตูให้นักลงทุนสถาบันเข้ามาลงทุนใน XRP มากขึ้น ปัจจัยเหล่านี้ล้วนเป็นแรงส่งสำคัญที่อาจช่วยพยุงราคา XRP ไว้ได้ แม้จะมีแรงกดดันจากการเทขายที่อาจเกิดขึ้นจากผู้ร่วมก่อตั้งก็ตาม อนาคตของ XRP จึงขึ้นอยู่กับการต่อสู้ระหว่างปัจจัยบวกและแรงเทขายที่อาจเกิดขึ้น
อนาคตของ XRP และความเชื่อมั่นของนักลงทุนระยะยาว
ภายหลังข่าวการโอน XRP ของ Chris Larsen ราคาเหรียญได้มีความผันผวน โดยดีดตัวขึ้นชั่วขณะกว่า 10% ไปแตะที่ระดับ 3.30 ดอลลาร์ ก่อนจะย่อตัวลงมา ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความอ่อนไหวของตลาดต่อการเคลื่อนไหวของวาฬ อย่างไรก็ตาม หากมองในภาพระยะยาว อนาคตของ XRP ยังคงดูสดใส จากข้อมูลของ Forbes สินทรัพย์สุทธิของ Larsen ได้เพิ่มขึ้นจาก 3.2 พันล้านดอลลาร์ในปี 2024 เป็น 9.7 พันล้านดอลลาร์ในปี 2025 โดยมีปัจจัยหลักมาจากการถือครองเหรียญ XRP ซึ่งแสดงให้เห็นถึงศักยภาพในการเติบโตของสินทรัพย์นี้
ยิ่งไปกว่านั้น Ripple ยังคงเดินหน้าขยายระบบนิเวศอย่างไม่หยุดยั้ง ทั้งการเตรียมขอใบอนุญาต MiCA ในยุโรปผ่านการตั้งบริษัทใหม่ในลักเซมเบิร์ก, การอนุมัติกองทุน Leveraged XRP ETF โดย NYSE Arca และการร่วมมือกับ Tenity เพื่อสนับสนุนสตาร์ทอัพบนเครือข่าย XRP Ledger ในสิงคโปร์ การพัฒนาเหล่านี้ตอกย้ำถึงความมุ่งมั่นในการสร้างประโยชน์ใช้สอยจริงให้กับเหรียญ XRP ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่จะดึงดูดความเชื่อมั่นของนักลงทุนในระยะยาว และอาจทำให้ราคา XRP เติบโตได้อย่างยั่งยืน
การพัฒนาเหล่านี้ล้วนส่งผลต่อมุมมองในระยะยาว ซึ่งนักลงทุนจำนวนมากกำลังให้ความสนใจกับ การวิเคราะห์อนาคตและแนวโน้มราคา XRP ในช่วงปี 2025-2030
ในขณะที่ตลาด Altcoin โดยรวมได้รับอานิสงส์ การเปรียบเทียบศักยภาพของเหรียญแต่ละตัวก็เป็นเรื่องที่น่าสนใจ โดยมีการ วิเคราะห์เปรียบเทียบระหว่าง XRP กับ Dogecoin ว่าเหรียญใดมีโอกาสเติบโตได้เร็วกว่ากัน
พิชญา รัตนวงศ์ เป็นนักข่าวและนักวิเคราะห์ด้านคริปโตเคอเรนซีและเทคโนโลยีบล็อกเชน ผู้มีความเชี่ยวชาญในการถ่ายทอดข้อมูลที่ซับซ้อนให้เข้าใจง่ายสำหรับผู้อ่านทุกระดับ ไม่ว่าจะเป็นนักลงทุนมือใหม่หรือผู้เชี่ยวชาญในวงการ ด้วยประสบการณ์กว่า 8 ปีในสายงานข่าวการเงินดิจิทัลและการกำกับดูแล Web3 พิชญาเคยร่วมงานกับทั้งสื่อในประเทศและต่างประเทศ เช่น Bangkok Biz, Asia Blockchain Review และ BeInCrypto
เธอมุ่งมั่นในการเชื่อมโยงข้อมูลข่าวสารระหว่างผู้กำหนดนโยบาย ผู้พัฒนาเทคโนโลยี และนักลงทุน พร้อมส่งเสริมความรู้ความเข้าใจเรื่องกฎระเบียบคริปโตในบริบทไทย-อาเซียน ผลงานของเธอมีจุดเด่นด้านการวิเคราะห์ข่าว DeFi การลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัล และการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของ Web3 ที่กำลังเปลี่ยนโฉมเศรษฐกิจดิจิทัลของภูมิภาค