ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ระบบนิเวศของ Solana เติบโตอย่างรวดเร็วทั้งด้านเทคโนโลยีและจำนวนผู้ใช้งานที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะแพลตฟอร์มหน้าใหม่อย่าง Pump.fun ที่กลายเป็นกระแสในหมู่นักสร้างเหรียญมีมและ Solaxy โซลูชัน Layer-2 ตัวแรกของ Solana ที่กำลังได้รับความสนใจอย่างมาก
เมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม 2025 Pump.fun ได้สร้างกระแสฮือฮาในวงการคริปโตด้วยการโอน Solana จำนวนกว่า 156,000 โทเค็น (มูลค่าประมาณ 25 ล้านดอลลาร์) ไปยังเว็บเทรด Kraken โดยโทเค็นดังกล่าวมาจากค่าธรรมเนียมที่สะสมจากการใช้งานของผู้ใช้บนแพลตฟอร์ม การเคลื่อนไหวนี้สะท้อนถึงรายได้มหาศาลและการใช้งานที่คึกคักในระบบ
Pump.fun คือแพลตฟอร์มที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถสร้างเหรียญใหม่บนเครือข่าย Solana ได้อย่างง่ายดาย โดยเก็บค่าธรรมเนียมจากกิจกรรมการซื้อขายและจะถูกรวบรวมไว้เป็นช่วง ๆ ก่อนจะโอนไปยังเว็บเทรดเพื่อบริหารสภาพคล่อง รายได้เฉลี่ยต่อวันเคยพุ่งแตะสูงสุดถึง 2 ล้านดอลลาร์
แม้ในเดือนมีนาคม 2025 แพลตฟอร์มจะเผชิญกับภาวะรายได้ลดลงถึง 95% จากกระแสเหรียญมีมที่ซาลง แต่ก็สามารถฟื้นตัวได้ในเวลาไม่นานซึ่งชี้ให้เห็นว่าความสำเร็จของ Pump.fun ขึ้นอยู่กับเทรนด์ของตลาดและการมีส่วนร่วมของผู้ใช้ในแต่ละช่วงเวลา
ขณะที่ฝั่งผู้ใช้งานมีความคึกคัก ฝั่งโครงสร้างพื้นฐานของเครือข่าย Solana ก็มีความเคลื่อนไหวที่น่าสนใจเช่นกัน โดยเฉพาะการเปิดตัวของ Solaxy ($SOLX) ที่ถูกพัฒนาให้เป็นโซลูชัน Layer-2 ตัวแรกบน Solana เพื่อแก้ปัญหาเครือข่ายแออัดและความล้มเหลวของธุรกรรม
Solaxy ใช้เทคโนโลยี Roll-up เพื่อรวมธุรกรรมหลายรายการไปประมวลผลนอกเครือข่ายและส่งกลับเข้า Solana ซึ่งเป็นเครือข่ายหลัก วิธีการนี้ช่วยเพิ่มความสามารถในการรองรับธุรกรรมจำนวนมากโดยไม่กระทบต่อความเร็ว ค่าธรรมเนียมต่ำ และความปลอดภัยซึ่งเป็นจุดแข็งของ Solana
โทเค็น Solaxy ยังมีบทบาทสำคัญทั้งด้านการใช้งานและการมีส่วนร่วมในเครือข่าย ไม่ว่าจะเป็นการจ่ายค่าธรรมเนียม การ Stake หรือการให้รางวัลแก่ Validator
Solaxy สามารถระดมทุนจากการขายโทเค็นรอบพรีเซลลไปแล้วกว่า 42 ล้านดอลลาร์
นักวิเคราะห์บางรายคาดการณ์ว่า ราคา Solaxy อาจเพิ่มขึ้นถึง 388% ภายในสิ้นปี 2025 จากราคาเปิดตัวที่ 0.0018 ดอลลาร์ไปแตะระดับ 0.00879 ดอลลาร์
ความสำเร็จของ Pump.fun และการเกิดขึ้นของ Solaxy สะท้อนให้เห็นว่าระบบนิเวศของ Solana กำลังพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ไม่เพียงแค่จำนวนโครงการที่เพิ่มขึ้นแต่ยังรวมถึงคุณภาพของเทคโนโลยีและความสามารถในการปรับตัว
หากแนวโน้มนี้ยังคงเดินหน้าต่อไป โซลูชัน Layer-2 อย่าง Solaxy อาจกลายเป็นรากฐานสำคัญของเครือข่าย Solana ในอนาคตอันใกล้