Bitcoin (BTC) กลับมาเป็นข่าวอีกครั้งเมื่อ Michael Saylor จาก Strategy ประกาศเข้าซื้อเพิ่มอีก 6,220 BTC มูลค่ารวมประมาณ 739.8 ล้านดอลลาร์ ทำให้ยอดถือครองรวมของบริษัทพุ่งทะลุ 607,770 BTC แล้ว! ตอกย้ำสถานะความเป็นเจ้าแห่ง BTC ในหมู่บริษัทมหาชนแบบไร้คู่แข่ง โดยยังครองตำแหน่งอันดับ 1 ของโลกแบบทิ้งห่าง!

เจาะลึกเบื้องหลังการซื้อ BTC ครั้งล่าสุด
ตามเอกสารที่ยื่นต่อคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐฯ (SEC) เมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม Strategy (ชื่อเดิม MicroStrategy) ได้เปิดเผยรายละเอียดการเข้าซื้อ BTC ครั้งล่าสุด โดยใช้เงินทุนที่ได้จากการขายหุ้นสามัญประเภท A (MSTR) จำนวน 1.6 ล้านหุ้น ซึ่งระดมทุนได้รวม 736.4 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อนำมาซื้อ BTC โดยตรง
การดำเนินการดังกล่าวส่งผลให้ราคาซื้อเฉลี่ยของ BTC ในพอร์ตโฟลิโอของบริษัทขยับขึ้นไปอยู่ที่ประมาณ 71,000 ดอลลาร์ต่อ BTC ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมั่นอย่างแรงกล้าในสินทรัพย์ดิจิทัลตัวนี้ แม้ว่าราคาในตลาดจะซื้อขายใกล้ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ก็ตาม
การเคลื่อนไหวนี้เป็นการส่งสัญญาณที่ชัดเจนว่า Strategy ยังคงมองเห็นอนาคตที่สดใสของ BTC อย่างต่อเนื่อง
กลยุทธ์การสะสม Bitcoin อย่างไม่หยุดยั้งของ Strategy
จริงๆ แล้วการเข้าซื้อครั้งนี้ไม่ใช่เรื่องน่าประหลาดใจสำหรับผู้ที่ติดตามกลยุทธ์ของ Michael Saylor อย่างใกล้ชิด เพราะเกิดขึ้นเพียงหนึ่งสัปดาห์หลังจากที่บริษัทเพิ่งเข้าซื้อ BTC จำนวน 4,225 เหรียญไปล่าสุด จนทำให้ยอดรวมทะลุหลัก 600,000 BTC ไปก่อนหน้านี้
นอกจากนี้ ตลอดทั้งปีที่ผ่านมา Strategy ได้ใช้กลยุทธ์การเสนอขายหุ้นเพื่อระดมทุนและนำมาขยายคลังสินทรัพย์คริปโตของตนเองอย่างต่อเนื่องมาตลอด
Michael Saylor ผู้ซึ่งมักจะสื่อสารผ่านโซเชียลมีเดียด้วยวลีเด็ดอย่าง “Stay Humble. Stack Sats” (จงถ่อมตน และสะสม Sats ต่อไป) ยังคงใช้สถานะทางการเงินของบริษัทเป็นเครื่องมือในการลงทุนกับ BTC แบบมี Leverage ซึ่งแสดงให้เห็นถึงวิสัยทัศน์ที่แน่วแน่ต่อมูลค่าของ BTC ในระยะยาว
ผลกระทบต่อตลาดจากการถือครอง BTC จำนวนมหาศาล
ปัจจุบัน Strategy ถือครอง BTC จำนวน 607,770 เหรียญ ซึ่งหากคิดตามมูลค่าตลาดปัจจุบัน จะมีมูลค่าสูงถึงประมาณ 7.9 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ
ตัวเลขนี้มีขนาดใหญ่กว่าทุนสำรองของนักลงทุนสถาบันทั่วโลกส่วนใหญ่รวมกันเสียอีก ทำให้การสะสมอย่างต่อเนื่องนี้ได้สร้างผลตอบแทนที่น่าประทับใจ โดยพอร์ตการลงทุนใน BTC ของบริษัทให้ผลตอบแทนตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบัน (YTD) อยู่ที่เกือบ 21%
ในขณะที่ราคา BTC ยังคงเคลื่อนไหวอยู่ใกล้ระดับสูงสุดตลอดกาล (All-Time High) การกระทำของ Michael Saylor และ Strategy จึงถูกจับตามองอย่างใกล้ชิดจากนักลงทุนทั่วโลก เพราะอาจส่งผลต่อแนวโน้มราคา Bitcoin ในอนาคตได้
ยิ่งไปกว่านั้น กลยุทธ์การสะสมอย่างต่อเนื่องนี้ก็ได้กลายเป็นกรณีศึกษาสำหรับสถาบันอื่นๆ เช่นกัน และยังคงเป็นปัจจัยบวกที่ส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อตลาดคริปโตโดยรวม
รู้จักเหรียญใหม่ มาในรูปแบบ Layer-2 ของเครือข่าย Bitcoin
Bitcoin Hyper (HYPER) คือโปรเจกต์ Layer-2 ที่กำลังได้รับประโยชน์โดยตรงจากการปรับตัวขึ้นของราคา BTC อย่างต่อเนื่อง โครงการนี้ถูกออกแบบขึ้นมาเพื่อตอบโจทย์ปัญหาด้านการขยายขนาด (Scalability) ของเครือข่ายบิทคอยน์ ซึ่งเป็นปัญหาเรื้อรังมานานหลายปี

ด้วยการนำเทคโนโลยี Solana Virtual Machine (SVM) เข้ามาใช้งาน โปรเจกต์ HYPER จึงช่วยทำให้การประมวลผลธุรกรรมบนเครือข่ายมีความรวดเร็วมากขึ้น ทั้งยังสามารถลดค่าธรรมเนียมในการทำธุรกรรมลงได้อย่างมีนัยสำคัญ
นอกจากนี้ยังเพิ่มขีดความสามารถให้เครือข่ายสามารถรองรับการใช้งาน Smart Contracts และ dApps ได้ด้วย ซึ่งอาจเปลี่ยนแปลงภาพรวมของระบบนิเวศได้ในระยะยาว และช่วยเพิ่ม Use Case ให้กับ BTC อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน
อีกหนึ่งจุดเด่นที่ส่งสัญญาณถึงความน่าสนใจของโปรเจกต์นี้คือความสำเร็จในการระดมทุนพรีเซล ซึ่งสามารถทำยอดได้มากกว่า 4 ล้านดอลลาร์แล้ว ด้วยราคาพรีเซลเพียง 0.01235 ดอลลาร์ต่อโทเค็น (ราคาจะค่อยๆ ปรับขึ้น)
นอกจากนี้ ยังมีโปรแกรม Staking ที่ให้ผลตอบแทนในระดับสูง ทำให้โครงการนี้กลายเป็นหนึ่งในเหรียญที่ได้รับความสนใจมากที่สุดในกลุ่มนักลงทุนระยะยาวที่เชื่อมั่นในศักยภาพของ BTC
บล็อกเชนและสินทรัพย์ดิจิทัล, Web3, วิเคราะห์แนวโน้มราคาสินทรัพย์, โทเค็นโนมิกส์ Tanawat Thanichapol เป็นนักวิเคราะห์คริปโตและที่ปรึกษาบล็อกเชนอิสระจากประเทศไทยที่มีประสบการณ์กว่า 7 ปี จบหลักสูตรด้านเศรษฐกิจดิจิทัลจาก MIT Initiative on the Digital Economy (IDE) เขาเคยร่วมงานกับสตาร์ทอัพคริปโตในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และปัจจุบันเขียนบทความวิเคราะห์ตลาด รวมถึงพัฒนาบอทช่วยเทรดให้กับสื่อสายคริปโตหลายแห่ง เขาเชี่ยวชาญด้านโทเค็นโนมิกส์ การวิเคราะห์ on-chain และการจับสัญญาณแนวโน้มในตลาดสินทรัพย์ดิจิทัล สนใจเป็นพิเศษในด้านการเงินแบบกระจายศูนย์และอนาคตของ We