Meta บริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ ปฏิเสธข้อเสนอของผู้ถือหุ้นที่ต้องการให้บริษัทนำเงินสดสำรองบางส่วนไปลงทุนใน Bitcoin ด้วยคะแนนเสียงที่ท่วมท้นถึง 99.9% ในการประชุมผู้ถือหุ้นประจำปีเมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม 2025 ข้อเสนอนี้มาจาก National Center for Public Policy Research ซึ่งเรียกร้องให้ Meta พิจารณาแปลงเงินสดสำรอง 7.2 หมื่นล้านดอลลาร์บางส่วนเป็น Bitcoin โดยอ้างว่า Bitcoin เป็นเครื่องมือป้องกันความเสี่ยงจากเงินเฟ้อและเป็นทางเลือกที่ดีกว่าเมื่อเทียบกับผลตอบแทนพันธบัตรที่ลดลง ทั้งยังระบุว่า Bitcoin มีประสิทธิภาพเหนือกว่าสินทรัพย์รายได้คงที่แบบดั้งเดิมในปี 2024
ผลโหวต Proposition 13 และเหตุผลที่ Meta ปฏิเสธ Bitcoin
ผลการโหวตแสดงให้เห็นถึงการต่อต้านข้อเสนออย่างรุนแรง โดยมีคะแนนเสียงคัดค้าน 4.98 พันล้านหุ้น, คะแนนเสียงสนับสนุน 3.9 ล้านหุ้น, งดออกเสียง 8.86 ล้านหุ้น และคะแนนเสียงที่ถูกระงับโดยโบรกเกอร์ 204.77 ล้านหุ้น ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนคะแนนเสียงคัดค้านที่เกิน 99.9% อย่างท่วมท้น ผลลัพธ์นี้สะท้อนความต้องการของผู้ถือหุ้นที่ให้ความสำคัญกับเสถียรภาพมากกว่าสินทรัพย์เก็งกำไร ฝ่ายบริหารของ Meta ยังคงยึดมั่นในนโยบายการจัดการเงินทุนแบบดั้งเดิม และแสดงท่าทีระมัดระวังต่อการลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลใหม่ๆ แม้จะมีความกังวลเกี่ยวกับการที่ Meta ถือครองเงินสดจำนวนมหาศาลไว้ในพันธบัตรที่มีผลตอบแทนต่ำและเงินฝากธนาคาร แต่บริษัทก็ยังคงสนับสนุนนโยบายการลงทุนปัจจุบันจากมุมมองของการบริหารความเสี่ยง การลงทุนในสกุลเงินดิจิทัลเช่น Bitcoin มีความผันผวนสูง ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพทางการเงินของบริษัทได้
การตัดสินใจของ Meta ในครั้งนี้สะท้อนให้เห็นว่าบริษัทยังคงให้ความสำคัญกับความมั่นคงและนโยบายการคลังแบบอนุรักษ์นิยม ซึ่งแตกต่างจากบริษัทบางแห่งที่หันมาลงทุนใน Bitcoin มากขึ้น หากคุณสนใจเกี่ยวกับการลงทุนในสกุลเงินดิจิทัลที่มีศักยภาพในอนาคต คุณสามารถอ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับ เหรียญคริปโตที่น่าลงทุน 2025 เพื่อประกอบการตัดสินใจ
สถานะการนำ Bitcoin มาใช้ในองค์กรและมุมมองที่แตกต่างกัน
ในขณะเดียวกัน อุตสาหกรรมสกุลเงินดิจิทัลกลับมีแรงผลักดันให้องค์กรต่างๆ นำ Bitcoin มาใช้ Matt Cole ซีอีโอของ Strive Asset Management เคยเรียกร้องให้ Mark Zuckerberg ซีอีโอของ Meta พิจารณากลยุทธ์ Bitcoin สำหรับองค์กรในการประชุม Bitcoin 2025 Cole ชี้ให้เห็นถึงความเสี่ยงที่เงินสดที่ถือครองจะสูญเสียมูลค่าท่ามกลาง “วิกฤตหนี้สกุลเงิน Fiat ทั่วโลก” และยืนยันถึงความจำเป็นในการนำ Bitcoin มาใช้ อย่างไรก็ตาม การตัดสินใจของ Meta แสดงให้เห็นถึงการปฏิเสธข้อเสนอเหล่านี้อย่างชัดเจน
แม้ว่าบริษัทบางแห่ง เช่น Strategy จะนำ Bitcoin มาใช้เป็นสินทรัพย์ขององค์กร แต่การตัดสินใจของ Meta ตอกย้ำว่าบริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่หลายแห่งยังคงระมัดระวังในการนำ Bitcoin มาใช้ การเคลื่อนไหวนี้เกิดขึ้นในขณะที่ตลาดคริปโตกำลังเผชิญกับความผันผวน ตัวอย่างเช่น BlackRock Bitcoin ETF ยุติสถิติ 31 วัน หลังเงินไหลออก 430 ล้านดอลลาร์ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความไม่แน่นอนในตลาด การที่บริษัทขนาดใหญ่อย่าง Meta ยังคงลังเลที่จะนำ Bitcoin มาใช้เป็นส่วนหนึ่งของคลังสินทรัพย์ อาจส่งผลต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนในภาพรวมของตลาด Bitcoin
บทสรุป
การปฏิเสธข้อเสนอการลงทุนใน Bitcoin ของ Meta แสดงให้เห็นถึงแนวทางที่แตกต่างกันของบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่เมื่อเทียบกับบริษัทบางแห่งที่เปิดรับสินทรัพย์ดิจิทัลมากขึ้น Meta ให้ความสำคัญกับความมั่นคงและความระมัดระวังในการบริหารจัดการเงินทุน ซึ่งอาจสะท้อนถึงมุมมองที่แตกต่างกันเกี่ยวกับความเสี่ยงและผลตอบแทนในตลาดสกุลเงินดิจิทัล
พิมพ์ใจ เป็น นักวิเคราะห์ตลาดการเงินที่มีประสบการณ์มากกว่า 8 ปี โดยเริ่มต้นจากการเป็น Day Trader ในตลาดหุ้นไทยก่อนจะเปลี่ยนมาโฟกัสที่ตลาดคริปโตเต็มตัวในปี 2018 ปัจจุบัน นอกจากงานเขียนแล้ว เธอยังเป็นที่ปรึกษาด้านการลงทุนดิจิทัลแอสเซ็ทให้กับกองทุนรวมหลายแห่ง และเป็นวิทยากรในงานประชุมระดับชาติอย่าง Asia Blockchain Summit พิมพ์ใจผสานความเข้าใจด้านจิตวิทยาการลงทุน การวิเคราะห์เทคนิค และพฤติกรรมตลาดเข้าด้วยกัน เพื่อสร้างเนื้อหาที่ช่วยให้ผู้อ่านเรียนรู้กลยุทธ์การเทรดที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ อ่านสัญญาณตลาดและจัดการความเสี่ยงได้อย่างเหมาะสม ไม่ใช่เพียงคาดเดาหรือใช้อารมณ์เท่านั้น