Home » พ่อรวยสอนลูกเตือนภัย! ทำไมต้องถือ Bitcoin ก่อนเศรษฐกิจพัง?

พ่อรวยสอนลูกเตือนภัย! ทำไมต้องถือ Bitcoin ก่อนเศรษฐกิจพัง?

15.06.2025 5:31 2 นาทีที่อ่าน Tanawat Thanichapol
Disclosure

บทความนี้อาจมีลิงก์พันธมิตร ซึ่งทางเว็บไซต์อาจได้รับค่าตอบแทนหากผู้อ่านคลิกหรือลงทะเบียนผ่านลิงก์ดังกล่าว โดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมสำหรับผู้อ่าน หากคุณยังคงใช้ไซต์นี้ต่อไป แสดงว่าคุณยอมรับข้อกำหนดและเงื่อนไขของเรา


แบ่งปัน: หุ้น

การลงทุนในคริปโตมีความเสี่ยงสูง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลและตัดสินใจด้วยตนเอง เนื้อหาในเว็บไซต์จัดทำเพื่อให้ข้อมูล ไม่ใช่คำแนะนำการลงทุน โปรดอ่านนโยบายบรรณาธิการสำหรับรายละเอียดเพิ่มเติม

พ่อรวยสอนลูกเตือนภัย! ทำไมต้องถือ Bitcoin ก่อนเศรษฐกิจพัง?

โรเบิร์ต คิโยซากิ ผู้เขียนหนังสือการเงินระดับตำนาน ‘พ่อรวยสอนลูก’ ออกมาส่งสัญญาณเตือนครั้งใหญ่อีกครั้งถึงวิกฤตเศรษฐกิจที่กำลังจะมาถึง พร้อมย้ำจุดยืนว่าการถือครองสินทรัพย์ที่จับต้องได้จริงอย่าง ทองคำ, แร่เงิน และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง Bitcoin (BTC) คือกลยุทธ์สำคัญในการป้องกันความมั่งคั่ง ซึ่งเหนือกว่าการออมเงินในรูปแบบ ‘เงินปลอม’ หรือสกุลเงินเฟียตแบบดั้งเดิม

คิโยซากิ ซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีในฐานะนักวิจารณ์ระบบการเงินที่ควบคุมโดยรัฐบาล ได้คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจโลกกำลังเผชิญหน้ากับการล่มสลายครั้งรุนแรงในอนาคตอันใกล้ เขาจึงเรียกร้องให้นักลงทุนย้ายเงินทุนออกจากสกุลเงินเฟียตที่มูลค่าลดลงเรื่อยๆ ไปสู่ ‘สินทรัพย์ที่แท้จริง’

แนวคิดหลักของเขาคือ ในยุคที่เงินเฟ้อพุ่งสูง นโยบายการเงินผันผวน และความเสี่ยงเชิงระบบเพิ่มขึ้น การถือเงินสดหรือฝากเงินในธนาคารไม่ใช่ทางเลือกที่ปลอดภัยอีกต่อไป แต่การลงทุนในสินทรัพย์ที่มีจำกัดและไม่ได้ถูกควบคุมโดยธนาคารกลางอย่าง Bitcoin จะเป็นเกราะป้องกันความมั่งคั่งที่ดีที่สุด

วิเคราะห์ Bitcoin และแร่เงิน: สินทรัพย์หลบภัยแห่งอนาคต

ในช่วงหลัง คิโยซากิได้ให้ความสำคัญกับ ‘แร่เงิน’ เป็นพิเศษ โดยคาดการณ์ว่าราคาอาจพุ่งขึ้นถึง 3 เท่าภายในสิ้นปี 2025 เนื่องจากความต้องการในภาคอุตสาหกรรมไฮเทค เช่น แผงโซลาร์เซลล์และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ประกอบกับภาวะอุปทานที่ขาดแคลน ทำให้แร่เงินมีคุณสมบัติเป็นทั้งสินทรัพย์อุตสาหกรรมและสินทรัพย์ปลอดภัย (Safe Haven)

อย่างไรก็ตาม ในระยะยาว เขายังคงมองว่า Bitcoin คือราชาแห่งสินทรัพย์หลบภัย โดยเชื่อว่ามูลค่าที่แท้จริงของ BTC จะฉายแสงออกมาหลังจากการล่มสลายของระบบการเงินแบบรวมศูนย์ คิโยซากิเคยคาดการณ์อย่างกล้าหาญว่า ราคา Bitcoin อาจพุ่งแตะ 1 ล้านดอลลาร์ภายในปี 2035 ซึ่งตอกย้ำมุมมองของเขาว่า Bitcoin คือเครื่องมือเก็บรักษามูลค่าที่ดีที่สุดสำหรับโลกยุคใหม่

มุมมองของคิโยซากิสอดคล้องกับผู้เชี่ยวชาญหลายคนที่กำลังวิเคราะห์ทิศทางของตลาด ซึ่งนักลงทุนสามารถศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับ การพยากรณ์ราคา Bitcoin ในอนาคต เพื่อประกอบการตัดสินใจได้

Bitcoin Hyper: โอกาสใหม่บน Layer-2 ที่อาจแรงกว่า BTC

จากการวิเคราะห์แนวโน้มของ Bitcoin ที่เรากล่าวมา นักลงทุนจำนวนมากเริ่มมองหาโอกาสในตลาด altcoin ที่มีศักยภาพเติบโตสูงควบคู่กันไป โดยเฉพาะ Bitcoin Hyper ($HYPER) ซึ่งเป็นโครงการ Layer-2 บน Bitcoin ที่กำลังได้รับความสนใจอย่างล้นหลาม

โครงการนี้ถือเป็นนวัตกรรมที่น่าสนใจ โดยนักลงทุนสามารถทำความรู้จักเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Bitcoin Hyper เหรียญ L2 น้องใหม่มาแรง และเทคโนโลยีเบื้องหลังที่จะมาเสริมความแข็งแกร่งให้กับเครือข่าย Bitcoin

Bitcoin Hyper เหรียญมีม Layer 2 ของ BTC

Bitcoin Hyper คือโครงการที่นำเทคโนโลยีความเร็วสูงของ Solana (SVM) มาปฏิวัติ Bitcoin ให้สามารถรองรับ dApps และ DeFi ได้เต็มรูปแบบ ปัจจุบันโครงการระดมทุนไปแล้วกว่า 1 ล้านดอลลาร์ในเวลาอันสั้น หาก Bitcoin ยังคงเป็นขาขึ้น โปรเจกต์ Layer-2 ที่ช่วยเพิ่มประโยชน์ใช้สอยเช่นนี้ อาจให้ผลตอบแทนมากกว่าการถือ Bitcoin ตรงๆ หลายเท่า และยังเปิดให้ Stake เพื่อรับผลตอบแทนสูงถึง 700–2,000% APY ตั้งแต่ช่วง Presale นับเป็นหนึ่งในเหรียญ altcoin ที่น่าจับตาที่สุดในขณะนี้

สำหรับนักลงทุนที่สนใจในศักยภาพของโปรเจกต์นี้และต้องการเป็นส่วนหนึ่งของการเติบโต สามารถศึกษา วิธีการซื้อ Bitcoin Hyper อย่างละเอียด เพื่อเตรียมความพร้อมก่อนการเปิดตัวอย่างเป็นทางการ

 

เปิดมุมมอง Michael Saylor: กลยุทธ์ Bitcoin ที่ต่างจากพ่อรวย

เมื่อเปรียบเทียบกับมุมมองของคิโยซากิ เราจะเห็นความแตกต่างที่น่าสนใจกับ Michael Saylor ซีอีโอของ MicroStrategy และผู้สนับสนุน Bitcoin ตัวยงอีกคนหนึ่ง ในขณะที่คิโยซากิมองว่า Bitcoin เป็นหนึ่งในสามสินทรัพย์หลัก (ทอง, เงิน, BTC) เพื่อกระจายความเสี่ยงจากระบบการเงินแบบดั้งเดิม

ทางด้าน Michael Saylor กลับมีมุมมองที่โฟกัสไปที่ Bitcoin เพียงหนึ่งเดียว เขามองว่า Bitcoin ไม่ใช่แค่สินทรัพย์หลบภัย แต่เป็นสินทรัพย์ที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์มนุษยชาติ และเป็นทางออกเดียวสำหรับภาวะเงินเฟ้อ กลยุทธ์ของ MicroStrategy คือการทุ่มซื้อและถือ Bitcoin ในระยะยาว โดยเชื่อว่ามันจะกลายเป็นมาตรฐานสำรองมูลค่าของโลกในที่สุด ซึ่งเป็นแนวทางที่ดุดันและเชื่อมั่นใน Bitcoin อย่างเต็มเปี่ยมยิ่งกว่า

นอกจากนี้ เขายังมองว่าตลาดคริปโตกำลังเข้าสู่ช่วงที่มีเสถียรภาพมากขึ้น โดยล่าสุด Michael Saylor ยืนยัน Bitcoin พ้นยุคความผันผวน ซึ่งเป็นสัญญาณที่ดีสำหรับนักลงทุนระยะยาว

ความเชื่อมั่นอย่างแรงกล้านี้สะท้อนผ่านการคาดการณ์ของเขา โดยล่าสุด Michael Saylor ได้ฟันธงราคา Bitcoin ว่าจะพุ่งทะลุหนึ่งล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นเป้าหมายที่ท้าทายและน่าจับตามอง

สรุป: พ่อรวยฟันธง Bitcoin คือหลุมหลบภัยในวิกฤตเศรษฐกิจ

คำเตือนของโรเบิร์ต คิโยซากิ สะท้อนให้เห็นถึงความไม่ไว้วางใจที่เพิ่มขึ้นต่อระบบการเงินปัจจุบัน และเน้นย้ำถึงความสำคัญของสินทรัพย์ทางเลือก แม้ว่ากลยุทธ์ของเขาจะแตกต่างจาก Michael Saylor แต่ทั้งสองก็เห็นพ้องต้องกันว่า Bitcoin คือองค์ประกอบสำคัญในการสร้างความมั่งคั่งและป้องกันความเสี่ยงในทศวรรษหน้า นักลงทุนจึงควรจับตาสินทรัพย์ดิจิทัลนี้อย่างใกล้ชิด เพราะมันอาจเป็นทางรอดสำคัญเมื่อพายุเศรษฐกิจมาถึง

บล็อกเชนและสินทรัพย์ดิจิทัล, Web3, วิเคราะห์แนวโน้มราคาสินทรัพย์, โทเค็นโนมิกส์ Tanawat Thanichapol เป็นนักวิเคราะห์คริปโตและที่ปรึกษาบล็อกเชนอิสระจากประเทศไทยที่มีประสบการณ์กว่า 7 ปี จบหลักสูตรด้านเศรษฐกิจดิจิทัลจาก MIT Initiative on the Digital Economy (IDE) เขาเคยร่วมงานกับสตาร์ทอัพคริปโตในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และปัจจุบันเขียนบทความวิเคราะห์ตลาด รวมถึงพัฒนาบอทช่วยเทรดให้กับสื่อสายคริปโตหลายแห่ง เขาเชี่ยวชาญด้านโทเค็นโนมิกส์ การวิเคราะห์ on-chain และการจับสัญญาณแนวโน้มในตลาดสินทรัพย์ดิจิทัล สนใจเป็นพิเศษในด้านการเงินแบบกระจายศูนย์และอนาคตของ We

Telegram

แบ่งปัน: หุ้น
มากกว่า Bitcoin - ข่าวล่าสุดวันนี้
ยังไม่มีความคิดเห็น!

ที่อยู่อีเมลของคุณจะไม่ถูกเผยแพร่