การลงทุนในคริปโตมีความเสี่ยงสูง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลและตัดสินใจด้วยตนเอง เนื้อหาในเว็บไซต์จัดทำเพื่อให้ข้อมูล ไม่ใช่คำแนะนำการลงทุน โปรดอ่านนโยบายบรรณาธิการสำหรับรายละเอียดเพิ่มเติม
บทความนี้อาจมีลิงก์พันธมิตร ซึ่งทางเว็บไซต์อาจได้รับค่าตอบแทนหากผู้อ่านคลิกหรือลงทะเบียนผ่านลิงก์ดังกล่าว โดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมสำหรับผู้อ่าน หากคุณยังคงใช้ไซต์นี้ต่อไป แสดงว่าคุณยอมรับข้อกำหนดและเงื่อนไขของเรา
การลงทุนในคริปโตมีความเสี่ยงสูง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลและตัดสินใจด้วยตนเอง เนื้อหาในเว็บไซต์จัดทำเพื่อให้ข้อมูล ไม่ใช่คำแนะนำการลงทุน โปรดอ่านนโยบายบรรณาธิการสำหรับรายละเอียดเพิ่มเติม
นับตั้งแต่โดนัลด์ ทรัมป์ (Donald Trump) เข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดี การลงทุนบิทคอยน์ก็ได้รับความสนใจมากขึ้นในปี 2025 อย่างไรก็ตาม ยังมีอีกหลายคนที่ยังไม่ทราบว่าจะเริ่มต้นซื้อบิทคอยน์อย่างไร
บทความนี้จะพาคุณไปทำความเข้าใจวิธีการซื้อบิทคอยน์อย่างเป็นขั้นตอน โดยเน้นการอธิบายที่เข้าใจง่าย เหมาะสำหรับผู้เริ่มต้น พร้อมแนะนำเคล็ดลับการลงทุนอย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงข้อควรระวังที่ควรทราบ เพื่อช่วยลดความเสี่ยงจากการขาดทุน
หากคุณกำลังวางแผนเริ่มต้นซื้อบิทคอยน์ มีสิ่งสำคัญบางประการที่ควรเตรียมพร้อมล่วงหน้า เพื่อให้สามารถซื้อและถือครองได้อย่างมั่นใจและปลอดภัย โดยเฉพาะสำหรับผู้ที่เพิ่งเริ่มต้น การมีความรู้พื้นฐานและการเตรียมตัวอย่างรอบคอบจะช่วยลดความเสี่ยงในการลงทุนได้อย่างมาก
การเตรียมตัวก่อนซื้อบิทคอยน์มีดังต่อไปนี้:
ก่อนตัดสินใจซื้อบิทคอยน์ สิ่งสำคัญอันดับแรกคือการทำความเข้าใจพื้นฐานของสินทรัพย์ดิจิทัลประเภทนี้ในเชิงลึก เนื่องจากบิทคอยน์มีคุณลักษณะที่แตกต่างจากเงินสกุลทั่วไป และมาพร้อมความเสี่ยงเฉพาะตัวที่ควรศึกษาให้รอบด้านก่อนเริ่มลงทุน
การมีความรู้ในเรื่องเหล่านี้จะช่วยให้คุณเริ่มต้นลงทุนบิทคอยน์ได้อย่างมั่นใจและปลอดภัย โดยเฉพาะหากคุณสนใจแนวทางอื่นเพิ่มเติม เช่น Cloud Mining การมีความรู้และความเข้าใจจะทำให้คุณสามารถประเมินความเสี่ยงและตัดสินใจได้อย่างมีประสิทธิภาพ
การลงทุนบิทคอยน์อย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ จำเป็นต้องเริ่มต้นจากการจัดเตรียมองค์ประกอบเบื้องต้นให้เหมาะสม ซึ่งหมายถึงการเตรียมทั้งด้านเทคโนโลยี ความปลอดภัย และเอกสารที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้การซื้อขายดำเนินไปได้อย่างราบรื่น
การลงทะเบียนกับแพลตฟอร์มซื้อขายคริปโทเคอร์เรนซีทั้งในประเทศและต่างประเทศมักจะต้องใช้เอกสารยืนยันตัวตน เช่น บัตรประชาชนหรือหนังสือเดินทาง
อย่างไรก็ตาม หากใช้ Best Wallet ที่แนะนำในบทความนี้ คุณสามารถซื้อขายบิทคอยน์ได้โดยไม่ต้องยืนยันตัวตน จึงเหมาะสำหรับผู้ที่ให้ความสำคัญกับความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยในการใช้งาน
การลงทุนบิทคอยน์จำเป็นต้องมีการวางแผนด้านเงินทุนอย่างเหมาะสม เนื่องจากบิทคอยน์เป็นสินทรัพย์ที่มีมูลค่าสูง นักลงทุนจึงควรวางแผนการลงทุนให้สอดคล้องกับสถานะทางการเงินของตนเอง
ก่อนเริ่มต้นลงทุน นี่คือสิ่งที่ควรคำนึงถึงเมื่อต้องเตรียมเงินทุน
แม้ราคาบิทคอยน์ในปัจจุบันจะอยู่ที่ประมาณ 105,000 ดอลลาร์ต่อ 1 BTC แต่ก็สามารถเริ่มลงทุนได้ในปริมาณน้อย เช่น 0.00001 BTC (ประมาณ 1.05 ดอลลาร์) โดยใช้บริการกับแพลตฟอร์มที่เปิดให้ลงทุนด้วยเงินขั้นต่ำที่ 1 ดอลลาร์
นักลงทุนมือใหม่ควรเริ่มลงทุนด้วยจำนวนเงินที่ไม่มาก และค่อย ๆ เพิ่มการลงทุนตามความเข้าใจและความพร้อม
แพลตฟอร์มซื้อขายคริปโตเคอร์เรนซีคือที่ที่คุณสามารถซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล เช่น บิทคอยน์ ได้อย่างปลอดภัยและสะดวก โดยแพลตฟอร์มแต่ละแพลตฟอร์มจะมีคุณสมบัติที่แตกต่างกัน เช่น จำนวนเหรียญที่รองรับ ฟังก์ชันการใช้งาน ค่าธรรมเนียม ฯลฯ ดังนั้น การเลือกแพลตฟอร์มที่เหมาะสมจึงเป็นขั้นตอนที่สำคัญมาก
ปัจจัยที่ควรพิจารณาในการเลือกแพลตฟอร์มมีดังต่อไปนี้
โดยเฉพาะสำหรับผู้ที่เพิ่งเริ่มต้นลงทุนบิทคอยน์ ความสะดวกในการใช้งานและความรวดเร็วในการเปิดบัญชีถือเป็นปัจจัยสำคัญ แพลตฟอร์มส่วนใหญ่มักต้องใช้เอกสารประกอบ เช่น บัตรประชาชนหรือหนังสือเดินทาง เพื่อยืนยันตัวตนซึ่งอาจใช้เวลาหลายวันในการดำเนินการ
สำหรับผู้เริ่มต้น แพลตฟอร์มที่แนะนำคือ Best Wallet ซึ่งไม่ใช่เพียงแค่กระเป๋าคริปโต แต่เป็นแพลตฟอร์มแบบครบวงจรที่รองรับการซื้อ ขาย และแลกเปลี่ยนคริปโตได้อย่างสะดวก โดยไม่ต้องดำเนินการยืนยันตัวตน ผู้ใช้สามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชันและเริ่มซื้อบิทคอยน์ได้ทันที
Best Wallet มีจุดเด่นด้านความปลอดภัยและใช้งานง่าย เหมาะกับทั้งผู้เริ่มต้นและผู้มีประสบการณ์ แอปพลิเคชันสามารถใช้งานได้ฟรีโดยไม่มีค่าใช้จ่าย
หลังจากซื้อบิทคอยน์แล้ว ขั้นตอนสำคัญถัดไปคือการจัดเก็บสินทรัพย์ดิจิทัลให้ปลอดภัยผ่าน “กระเป๋าคริปโต” การเลือกกระเป๋าที่เหมาะสมจะช่วยให้การเก็บรักษามีความปลอดภัยยิ่งขึ้น
ปัจจัยที่ควรพิจารณาเมื่อต้องเลือกกระเป๋าบิทคอยน์ มีดังนี้
กระเป๋าคริปโตสามารถแบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลัก ได้แก่ กระเป๋าแบบ Custodial (ฝากการจัดการให้บุคคลที่สาม) และ Non-Custodial (ผู้ใช้งานเป็นผู้จัดการเองทั้งหมด) ซึ่งกระเป๋าแบบ Non-Custodial จะปลอดภัยมากกว่า เพราะผู้ใช้งานจะเป็นผู้ถือครองกุญแจส่วนตัวเอง
Best Wallet คือกระเป๋าแบบ Non-Custodial ที่รองรับสินทรัพย์ดิจิทัลหลากหลายประเภท มีผู้ใช้งานมากกว่า 500,000 ราย และรองรับบล็อกเชนมากกว่า 60 เครือข่าย คุณสามารถซื้อ Swap โอน หรือขายคริปโตได้ครบจบในแอปเดียว
นอกจากนี้ Best Wallet ยังมีโทเค็นของตัวเองชื่อว่า Best Wallet Token ผู้ถือโทเค็นสามารถรับสิทธิพิเศษ เช่น ส่วนลดค่าธรรมเนียมและการเข้าร่วมกิจกรรม Airdrop ได้ ระบบความปลอดภัยของแพลตฟอร์มได้รับการออกแบบอย่างรัดกุม อีกทั้งยังมีฟีเจอร์ “โทเค็นมาใหม่ที่กำลังจะมาถึง” สำหรับเข้าร่วมการขายโทเค็นรอบพรีเซลรอบพิเศษได้ก่อนใคร นอกจากนี้ ยังสามารถใช้งานเป็นแพลตฟอร์มสำหรับการ Stake เหรียญรับรายได้แบบ Passive ได้อีกด้วย
หากคุณเป็นมือใหม่ที่ยังไม่รู้ว่าจะเริ่มซื้อบิทคอยน์อย่างไร บทความนี้จะอธิบายขั้นตอนอย่างละเอียดแบบเข้าใจง่าย เหมาะสำหรับผู้ที่เพิ่งเริ่มต้น
กระบวนการซื้อบิทคอยน์นั้นแตกต่างจากการซื้อเหรียญมีมเล็กน้อย ผู้ที่สนใจจึงควรศึกษาขั้นตอนให้ดีก่อนเริ่มลงทุน
ขั้นตอนการซื้อบิทคอยน์มีดังนี้
เริ่มต้นด้วยการดาวน์โหลดแอป Best Wallet ซึ่งเป็นกระเป๋าคริปโตที่มาพร้อมฟังก์ชันการซื้อขายในตัว ทำให้ไม่มีขั้นตอนที่ยุ่งยาก คุณสามารถเริ่มซื้อบิทคอยน์ได้ทันทีผ่านแอปเดียว โดยไม่จำเป็นต้องเชื่อมต่อกับแพลตฟอร์มอื่น
แตกต่างจากแพลตฟอร์มบางแห่งที่อาจใช้เวลาหลายวันในการยืนยันตัวตน Best Wallet ช่วยให้คุณสามารถเริ่มต้นใช้งานได้ทันที โดยไม่ต้องรออนุมัติหรือส่งเอกสารเพิ่มเติมให้เสียเวลา
สามารถดาวน์โหลดแอป Best Wallet ได้จาก App Store สำหรับ iPhone หรือ Google Play สำหรับ Android ตัวแอปสามารถดาวน์โหลดได้ฟรี และคุณสามารถเริ่มใช้งานกระเป๋า Web3 ได้ทันทีหลังติดตั้ง
หลังจากดาวน์โหลดแอป Best Wallet แล้ว ขั้นตอนถัดไปคือการตั้งค่าระบบความปลอดภัย เพื่อให้คุณสามารถจัดเก็บบิทคอยน์ได้อย่างมั่นใจและปลอดภัยสูงสุด
Best Wallet มีฟีเจอร์ด้านความปลอดภัยหลากหลายให้ผู้ใช้สามารถกำหนดค่าได้ด้วยตนเอง เช่น
เมื่อคุณตั้งค่าครั้งแรก ระบบจะสร้าง Seed Phrase ซึ่งเป็นชุดคำเฉพาะที่เปรียบเสมือน “กุญแจหลัก” สำหรับเข้าถึงกระเป๋าคริปโต หากสูญหาย คุณจะไม่สามารถเข้าถึงทรัพย์สินในกระเป๋าได้อีกเลย
คำแนะนำ:
กรุณาจด Seed Phrase ด้วยมือและเก็บไว้ในสถานที่ปลอดภัยที่ไม่เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต หลีกเลี่ยงการถ่ายรูปหรือจัดเก็บไว้ในคลาวด์ เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากการถูกแฮ็กหรือสูญหาย
นอกจากนี้ แนะนำให้ตั้งรหัสผ่านที่รัดกุมสำหรับการเข้าสู่แอป และเปิดใช้งานระบบยืนยันตัวตนสองขั้นตอนเพื่อเพิ่มระดับความปลอดภัยอีกชั้น
Best Wallet มีระบบรักษาความปลอดภัยที่ทันสมัย เพียงตั้งค่าตามขั้นตอนข้างต้นก็สามารถปกป้องย์บิทคอยน์ของคุณได้อย่างมั่นใจ
เมื่อคุณตั้งค่าความปลอดภัยเรียบร้อยแล้วก็สามารถเริ่มซื้อบิทคอยน์ได้ทันที ภายในแอป Best Wallet ผู้ใช้สามารถซื้อบิทคอยน์ได้โดยตรงผ่านอินเทอร์เฟซที่ใช้งานง่าย
เริ่มต้นโดยไปที่หน้าหลัก จากนั้นเลือกเหรียญ Bitcoin เพื่อเข้าสู่หน้าซื้อขาย
เมื่อเข้าสู่หน้าบิทคอยน์แล้วให้เลือกปุ่ม “Buy” (ซื้อ) จากนั้นระบุจำนวนเงินที่ต้องการซื้อ คุณสามารถชำระเงินผ่านบัตรเครดิตหรือชำระเงินผ่าน Apple Pay และ Google Pay
หลังจากเลือกวิธีชำระเงินเรียบร้อยให้ตรวจสอบจำนวนเงินอีกครั้ง จากนั้นกดปุ่ม “Buy” เพื่อยืนยันการซื้อ เท่านี้ก็เป็นอันเสร็จสมบูรณ์
นอกจากการซื้อคริปโต Best Wallet ยังมีฟีเจอร์อื่น ๆ ให้ใช้งานหลากหลาย หากคุณสนใจสามารถอ่านรีวิวเพิ่มเติมของแอปเพื่อศึกษาความสามารถทั้งหมดได้
บิทคอยน์ที่คุณซื้อจะถูกจัดเก็บไว้ภายในกระเป๋าเงินคริปโตของคุณใน Best Wallet โดยอัตโนมัติ ซึ่งเป็นกระเป๋าแบบ Non-Custodial หรือ “ผู้ใช้เป็นผู้ควบคุม Private Key ด้วยตนเอง”
ข้อดีของระบบนี้คือ คุณไม่ต้องพึ่งพาการดูแลจากแพลตฟอร์มหรือบริษัทบุคคลที่สาม ดังนั้น แม้จะเกิดเหตุการณ์ที่แพลตฟอร์มถูกแฮ็ก สินทรัพย์ของคุณก็ยังปลอดภัยเพราะคุณคือผู้เดียวที่ถือครอง “กุญแจสำหรับการเข้าถึงกระเป๋า”
เพื่อความปลอดภัยของสินทรัพย์ดิจิทัล แนะนำให้คุณอัปเดตแอปพลิเคชัน Best Wallet อย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้มั่นใจว่าคุณกำลังใช้งานเวอร์ชันล่าสุดที่มาพร้อมระบบรักษาความปลอดภัยที่ทันสมัยที่สุด
นอกจากนี้ หากคุณถือครองบิทคอยน์ในปริมาณมาก ควรพิจารณาที่จะกระจายสินทรัพย์ไปยังกระเป๋าคริปโตหลายใบเพื่อช่วยลดความเสี่ยงหากเกิดเหตุไม่คาดคิดขึ้นกับกระเป๋าใบใดใบหนึ่ง
หากคุณมีแผนจะถือครองบิทคอยน์ในระยะยาว การใช้กระเป๋าคริปโตแบบ Hardware ก็เป็นอีกทางเลือกที่น่าสนใจ เพราะสามารถเก็บบิทคอยน์แบบออฟไลน์ซึ่งจะปลอดภัยจากภัยคุกคามออนไลน์
บิทคอยน์เป็นสกุลเงินดิจิทัลแรกของโลก เปิดตัวในปี 2009 โดยไม่ได้อยู่ภายใต้การควบคุมจากธนาคารหรือหน่วยงานรัฐใด ๆ บิทคอยน์ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีที่เรียกว่าบล็อกเชนซึ่งเป็นระบบบัญชีที่กระจายข้อมูลไว้ในเครือข่ายแบบเปิด ทำให้สามารถดำเนินการได้อย่างโปร่งใสและปลอดภัย
ากคุณกำลังพิจารณาจะลงทุนบิทคอยน์ มีประเด็นสำคัญที่ควรทำความเข้าใจดังนี้:
รายการ | รายละเอียด |
ชื่อ | บิทคอยน์ (Bitcoin) |
ชื่อสกุลเงิน | BTC |
มูลค่าตลาดรวม | ประมาณ 240 ล้านล้านดอลลาร์ |
ราคาปัจจุบัน | ประมาณ 105,000 ดอลลาร์ |
ราคาสูงสุดในอดีต | ประมาณ 111,000 ดอลลาร์ |
บิทคอยน์ดำเนินการภายใต้ระบบที่แตกต่างจากธนาคารแบบดั้งเดิมอย่างสิ้นเชิง โดยสามารถอธิบายอย่างเข้าใจง่ายได้ว่าบิทคอยน์คือ “เงินดิจิทัลที่มีอยู่เฉพาะบนอินเทอร์เน็ต” ซึ่งไม่ขึ้นอยู่กับธนาคารหรือผู้ให้บริการทางการเงินรายใด
เทคโนโลยีหลักที่อยู่เบื้องหลังคือบล็อกเชน (Blockchain) — ระบบบันทึกธุรกรรมที่กระจายอยู่ทั่วโลก โดยข้อมูลจะถูกจัดเก็บไว้ในคอมพิวเตอร์นับพันเครื่องทั่วโลกอย่างปลอดภัยและโปร่งใส ไม่มีศูนย์กลางควบคุม
ขั้นตอนของการทำธุรกรรมด้วยบิทคอยน์
เมื่อมีการทำธุรกรรมด้วยบิทคอยน์ ข้อมูลทั้งหมดจะถูกจัดกลุ่มไว้ในหน่วยที่เรียกว่า “บล็อก” จากนั้นจะถูกส่งเข้าสู่เครือข่ายเพื่อให้ผู้เข้าร่วมที่เรียกว่า “ไมเนอร์” ทำการตรวจสอบและยืนยัน
ไมเนอร์จะเข้าสู่การแข่งขันกันแก้โจทย์คณิตศาสตร์ที่ซับซ้อน โดยใครก็ตามที่สามารถแก้ปัญหาได้ก่อน จะได้รับสิทธิ์ในการอนุมัติบล็อกดังกล่าวและรับบิทคอยน์เป็นรางวัล
กระบวนการนี้เรียกว่า Proof-of-Work ซึ่งทำหน้าที่เป็นกลไกรักษาความปลอดภัยของระบบ เมื่อบล็อกได้รับการอนุมัติแล้วจะถูกเพิ่มเข้าในบล็อกเชน และกลายเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงหรือปลอมแปลงได้อีกต่อไป จึงทำให้ระบบมีความน่าเชื่อถือสูงแม้จะไม่มีผู้ควบคุมจากส่วนกลางก็ตาม
อีกหนึ่งคุณสมบัติสำคัญของบิทคอยน์คือการมีจำนวนจำกัดที่ 21,000,000 BTC เท่านั้น การกำหนดเพดานนี้ช่วยสร้างความหายากในตัวเหรียญ ส่งผลให้บิทคอยน์ถูกมองว่าเป็นสินทรัพย์ที่มีศักยภาพในการต้านทานภาวะเงินเฟ้อได้อย่างมีประสิทธิภาพ และด้วยคุณลักษณะเชิงเศรษฐกิจเช่นนี้ บิทคอยน์จึงถูกเรียกอีกชื่อว่า “ทองคำดิจิทัล”
จุดเริ่มต้นของบิทคอยน์ย้อนกลับไปในปี 2008 ซึ่งเป็นช่วงที่โลกกำลังเผชิญกับวิกฤตการเงินครั้งใหญ่ ความไม่ไว้วางใจต่อระบบธนาคารแบบดั้งเดิมกลายเป็นแรงบันดาลใจในการสร้างระบบการเงินรูปแบบใหม่ — บิทคอยน์
บิทคอยน์ถือกำเนิดขึ้นจากแนวคิดปฏิวัติวงการการเงินโดยไม่ต้องพึ่งพาสถาบันการเงินใด ๆ และมีจุดมุ่งหมายเพื่อคืนอำนาจในการควบคุมเงินให้แก่ผู้คนโดยตรง
เหตุการณ์สำคัญในประวัติศาสตร์ของบิทคอยน์:
ผู้ที่ถูกระบุว่าเป็นผู้สร้างบิทคอยน์คือบุคคลปริศนาภายใต้นามแฝง “ซาโตชิ นากาโมโตะ” ซึ่งจนถึงปัจจุบันยังไม่มีใครสามารถยืนยันตัวตนที่แท้จริงของเขาได้
ซาโตชิได้ยุติบทบาทในการพัฒนาระบบไปตั้งแต่ช่วงปี 2010 และมีการคาดการณ์ว่าเขาอาจถือครองบิทคอยน์จำนวนราว 1,000,000 BTC โดยเหรียญเหล่านั้นไม่เคยมีการเคลื่อนไหวใด ๆ เลยตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
ในช่วงแรก บิทคอยน์เป็นที่รู้จักเฉพาะในหมู่ผู้สนใจด้านเทคโนโลยีหรือกลุ่มเล็ก ๆ บนอินเทอร์เน็ตเท่านั้น แต่เมื่อราคาของบิทคอยน์เริ่มปรับตัวสูงขึ้น ชื่อเสียงและการยอมรับในวงกว้างก็เริ่มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
โดยเฉพาะในช่วงฟองสบู่ปี 2017 ที่ราคาบิทคอยน์พุ่งขึ้นอย่างรุนแรง ทำให้เกิดเศรษฐีจำนวนมากและได้รับความสนใจจากทั่วโลก
ในช่วงปี 2024 ถึง 2025 ราคาบิทคอยน์ยังคงอยู่ในแนวโน้มขาขึ้น โดยได้รับแรงสนับสนุนจากกระแสการเมืองและโดนัลด์ ทรัมป์ชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดี ทำให้บิทคอยน์สร้างประวัติศาสตร์ใหม่ด้วยการทะลุระดับ 100,000 ดอลลาร์เป็นครั้งแรก ส่งผลให้ทั้งนักลงทุนรายย่อยและสถาบันหันมาจับตามองคริปโตเคอร์เรนซีอย่างใกล้ชิด
แนวโน้มดังกล่าวยังส่งผลต่อเหรียญอื่น ๆ ที่ได้รับอานิสงส์จากกระแสเงินทุนในตลาด และกลายเป็นจุดเริ่มต้นของการเติบโตใหม่ในโลกคริปโตโดยรวม
แม้ในช่วงแรกบิทคอยน์ได้ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อเป็น “ทางเลือกใหม่ในการชำระเงิน” แต่ในปัจจุบัน การใช้งานของบิทคอยน์ได้ขยายออกไปในหลายรูปแบบอย่างมาก
หลายคนอาจสงสัยว่า “บิทคอยน์สามารถนำไปใช้อะไรได้บ้าง” คำตอบคือการใช้บิทคอยน์ได้ถูกพัฒนาไปตามยุคสมัย จากการเป็นเพียงสื่อกลางในการแลกเปลี่ยนมาเป็นทั้งเครื่องมือการลงทุนและรากฐานของบริการทางการเงินรูปแบบใหม่
ตัวอย่างการใช้งาน:
ในฐานะสื่อกลางการชำระเงิน บิทคอยน์มีข้อได้เปรียบสำคัญในด้านความเร็วและต้นทุน โดยสามารถโอนเงินระหว่างประเทศได้รวดเร็วและเสียค่าธรรมเนียมน้อยกว่าการใช้บริการธนาคารแบบเดิม
ปัจจุบันมีร้านค้าและแพลตฟอร์มออนไลน์จำนวนมากทั่วโลกที่เริ่มรองรับการชำระเงินด้วยบิทคอยน์
นอกจากนี้ หากคุณใช้บริการแพลตฟอร์มปล่อยกู้ก็สามารถนำบิทคอยน์ของคุณไปให้ผู้อื่นยืมและรับผลตอบแทนเป็นดอกเบี้ยได้เช่นกัน อีกทั้งยังสามารถเข้าร่วมระบบการเงินแบบกระจายศูนย์หรือ DeFi เพื่อเข้าถึงบริการทางการเงินโดยไม่ต้องพึ่งพาสถาบันการเงินแบบดั้งเดิม
นับตั้งแต่เปิดตัวในปี 2009 บิทคอยน์ได้เผชิญกับความผันผวนของราคาอย่างต่อเนื่อง แต่ถึงกระนั้นก็สามารถเติบโตอย่างมั่นคงในฐานะสินทรัพย์ดิจิทัลที่มีมูลค่าเพิ่มขึ้นมากกว่า 1,000 เท่าเมื่อเทียบกับช่วงเริ่มต้น โดยเฉพาะในปี 2024 ที่ราคาบิทคอยน์ทะลุระดับ 100,000 ดอลลาร์ซึ่งสะท้อนถึงอัตราการเติบโตที่น่าทึ่งในระยะยาว
อย่างไรก็ตาม ในการประเมินอนาคตของบิตทอยน์ไม่ควรพิจารณาเพียงแค่การเพิ่มขึ้นของราคาเพียงอย่างเดียว แต่ควรคำนึงถึงปัจจัยแวดล้อมอื่น ๆ ร่วมด้วย ไม่ว่าจะเป็นทิศทางเศรษฐกิจโลก การพัฒนาด้านกฎระเบียบ และความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี ซึ่งล้วนมีผลต่อการเติบโตของบิทคอยน์ในระยะยาว
ปัจจัยสำคัญที่อาจกำหนดอนาคตของบิตทอยน์
บทบาทของบิทคอยน์ในตลาดการเงินโลกกำลังเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว จากที่เคยถูกตั้งคำถามถึงความน่าเชื่อถือในช่วงเริ่มต้น ปัจจุบัน บิทคอยน์ได้รับการยอมรับมากขึ้นในฐานะสินทรัพย์ทางเลือก โดยเฉพาะจากสถาบันการเงินรายใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นธนาคารเพื่อการลงทุนหรือบริษัทจัดการสินทรัพย์ชั้นนำจำนวนมาก
การอนุมัติ ETF Bitcoin ในปี 2023 ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่ช่วยลดอุปสรรคในการลงทุนและเปิดประตูให้เงินทุนไหลเข้าตลาดคริปโตอย่างรวดเร็ว ตัวอย่างเช่น ความเคลื่อนไหวของเหรียญมีมอย่าง Dogecoin ก็สะท้อนถึงกระแสการเข้าซื้อที่ขยายตัวตามบิทคอยน์เช่นกัน
ยิ่งไปกว่านั้น ชัยชนะของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ในปี 2024 ยังกลายเป็นแรงหนุนเชิงบวกต่อตลาดคริปโตโดยรวม เนื่องจากทรัมป์แสดงท่าทีสนับสนุนคริปโตอย่างเปิดเผย พร้อมประกาศวิสัยทัศน์ที่จะทำให้สหรัฐอเมริกาเป็น “ศูนย์กลางของคริปโตระดับโลก” ส่งผลให้เกิดความคาดหวังว่ากฎเกณฑ์ต่าง ๆ จะถูกผ่อนปรนหรือชัดเจนมากยิ่งขึ้น
ด้วยแรงสนับสนุนทั้งจากภาคการเมืองและการเงิน บทบาทของบิทคอยน์ในระบบเศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มจะยิ่งแข็งแกร่งมากขึ้นในอนาคตอันใกล้นี้
หนึ่งในปัจจัยสำคัญที่อาจกำหนดอนาคตของบิทคอยน์คือกฎหมายและกรอบกำกับดูแลในแต่ละประเทศ ซึ่งมีแนวทางที่หลากหลาย
โดยเฉพาะในสหรัฐอเมริกา การอนุมัติ Bitcoin ETF ในปี 2023 ถือเป็นจุดเปลี่ยนที่ช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือในเชิงระบบอย่างมีนัยสำคัญ ขณะที่ในจีน รัฐบาลยังคงห้ามการซื้อขายและการขุดคริปโตอย่างเข้มงวด
ในญี่ปุ่น ระบบการจดทะเบียนผู้ให้บริการคริปโตภายใต้การกำกับดูแลของสำนักงานบริการทางการเงินได้ถูกดำเนินการอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้สถานะทางกฎหมายของบิทคอยน์ได้รับการกำหนดอย่างชัดเจนตั้งแต่ระยะแรก ในขณะเดียวกัน สหภาพยุโรปก็ได้จัดทำกรอบกำกับดูแลเฉพาะด้านที่เรียกว่า “MiCA” ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการส่งเสริมความโปร่งใสและความเป็นระบบในการกำกับดูแลสินทรัพย์ดิจิทัล
การมีกรอบกฎหมายที่ชัดเจนจะช่วยลดความเสี่ยงทางกฎหมายสำหรับทั้งนักลงทุนและภาคธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับบิทคอยน์ โดยเฉพาะเมื่อมีการใช้งานหรือถือครองในวงกว้าง ความชัดเจนในระดับนโยบายจะส่งผลต่อการตัดสินใจในการลงทุนและการพัฒนาธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับสินทรัพย์ดิจิทัลโดยตรง
สิ่งที่ควรจับตามองต่อไปคือการปรับปรุงระบบภาษีและกฎระเบียบการป้องกันการฟอกเงินซึ่งจะส่งผลต่อทิศทางของตลาด หากกฎระเบียบเข้มงวดเกินไปอาจส่งผลให้ตลาดอาจชะลอตัว แต่หากผ่อนปรนเกินไป ความเสี่ยงด้านความปลอดภัยก็จะเพิ่มขึ้น การออกแบบกฎหมายที่สมดุลจึงเป็นกุญแจสำคัญของการเติบโตของบิทคอยน์ในระยะยาว
อนาคตของบิทคอยน์ไม่ได้ขึ้นอยู่กับมูลค่าหรือการลงทุนเพียงอย่างเดียว แต่ยังต้องอาศัยความก้าวหน้าของเทคโนโลยีพื้นฐานอย่างบล็อกเชนและการใช้งานในชีวิตจริงที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
หนึ่งในเทคโนโลยีที่ได้รับความสนใจอย่างมากในขณะนี้คือ Bitcoin Hyper ซึ่งเป็นโซลูชัน Layer-2 ที่ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อแก้ปัญหาความสามารถในการประมวลผลของบิทคอยน์ และเปิดทางสู่การใช้งานในชีวิตประจำวัน เช่น การชำระเงินแบบรวดเร็วและค่าธรรมเนียมต่ำกว่า
ในด้านการใช้งานจริง บิทคอยน์เริ่มถูกนำมาใช้ในวงกว้างมากขึ้นทั้งในภาคธุรกิจและระดับประเทศ ตัวอย่างเช่น บริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่ เช่น Microsoft และ PayPal ได้เปิดให้รองรับการชำระเงินด้วยคริปโต
ขณะเดียวกัน ก็มีบางประเทศที่เริ่มผลักดันให้บิทคอยน์เป็นสกุลเงินที่ถูกกฎหมาย ซึ่งแสดงให้เห็นถึงการใช้งานในระดับชาติ โดยเฉพาะในประเทศกำลังพัฒนาที่ระบบธนาคารยังไม่ทั่วถึง เราเริ่มเห็นประชาชนหันมาใช้คริปโตโดยไม่ต้องผ่านระบบธนาคารแบบเดิม
นอกจากนี้ บิทคอยน์ยังกลายเป็นรากฐานของบริการทางการเงินใหม่ ๆ ที่กำลังอยู่ในระหว่างการพัฒนา เช่น ระบบการลงทุนอัตโนมัติผ่าน AI Agent และบริการทางการเงินรูปแบบใหม่ที่ผสมผสานเทคโนโลยีเข้ากับการใช้งานจริง
ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีเหล่านี้ ล้วนมีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนให้บิทคอยน์ยังคงรักษาความน่าสนใจในฐานะสินทรัพย์แห่งอนาคต
บิทคอยน์และเหรียญ ICO มีลักษณะเฉพาะที่แตกต่างจากสินทรัพย์ประเภทอื่น นักลงทุนจึงต้องใช้แนวทางที่เหมาะสมและเข้าใจถึงความผันผวนของสินทรัพย์ รวมถึงการบริหารความเสี่ยงที่แตกต่างจากการลงทุนแบบดั้งเดิม
หากต้องการลงทุนบิทคอยน์อย่างมีประสิทธิภาพ ควรคำนึงถึงปัจจัยต่อไปนี้:
ก่อนเริ่มลงทุนบิทคอยน์ สิ่งสำคัญคือการกำหนดกลยุทธ์การลงทุนที่ชัดเจนและเหมาะสมกับเป้าหมายของคุณ โดยเฉพาะในตลาดคริปโตที่มีความผันผวนสูง
การเลือกแนวทางการซื้อที่เหมาะสมกับระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้จะช่วยลดความเครียดและเพิ่มโอกาสในการบรรลุเป้าหมายการลงทุน
กลยุทธ์การซื้อบิทคอยน์ที่ได้รับความนิยมและแนะนำมากที่สุดคือการซื้อแบบถัวเฉลี่ยต้นทุน เนื่องจากเป็นแนวทางที่สามารถลดความเสี่ยงจากความผันผวนของราคา และช่วยให้นักลงทุนสามารถสะสมบิทคอยน์ได้อย่างสม่ำเสมอโดยไม่ต้องพยายามจับจังหวะตลาด
ไม่ว่าคุณจะเลือกกลยุทธ์แบบใด การลงทุนควรยึดตามแผนการเงินส่วนบุคคล ระยะเวลาที่ต้องการถือครอง และระดับความเสี่ยงที่คุณสามารถยอมรับได้
การมีเป้าหมายชัดเจนจะช่วยให้คุณลงทุนได้อย่างมั่นคง และลดความเครียดจากความผันผวนของตลาด
ที่สำคัญที่สุด อย่าลืมหลักพื้นฐานของการลงทุนในบิทคอยน์นั่นคือลงทุนในจำนวนเงินที่คุณสามารถยอมรับว่าจะขาดทุนได้เท่านั้น การลงทุนอย่างรอบคอบจะช่วยให้คุณสามารถรักษาสมดุลทางการเงิน และพร้อมรับมือกับทุกสถานการณ์ได้อย่างมีวินัย
ราคาของบิทคอยน์มักมีความผันผวนสูง โดยอาจปรับตัวขึ้นหรือลงภายในเวลาเพียงไม่กี่วัน ด้วยเหตุนี้ การประเมินจังหวะในการเข้าซื้อจึงถือเป็นหนึ่งในประเด็นสำคัญของการลงทุน
หนึ่งในเครื่องมือที่นิยมใช้กันคือดัชนีความกลัวและความโลภและ Relative Strength Index ซึ่งเป็นตัวชี้วัดเชิงเทคนิค
หากตลาดอยู่ในภาวะ “กลัว” อย่างรุนแรง (ค่าดัชนีต่ำ) นั่นอาจเป็นสัญญาณที่ดีในการเข้าซื้อ ขณะที่หากตลาดแสดงความ “โลภ” สูงเกินไป (ค่าดัชนีสูง) ก็อาจเป็นช่วงที่ควรระมัดระวังหรือพิจารณาการขายทำกำไร
นอกจากนี้ บิทคอยน์ยังมีเหตุการณ์สำคัญที่เกิดขึ้นประมาณทุก 4 ปีเรียกว่า Bitcoin Halving ซึ่งมักส่งผลกระทบต่อราคาทั้งก่อนและหลังเหตุการณ์
การทำความเข้าใจเกี่ยวกับ “วัฏจักรราคา” ของบิทคอยน์จึงเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ช่วยให้การตัดสินใจลงทุนมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
อย่างไรก็ตาม การคาดการณ์ตลาดได้อย่างแม่นยำในทุกช่วงเวลาเป็นสิ่งที่เป็นไปได้ยากโดยเฉพาะสำหรับผู้เริ่มต้น เราจึงขอแนะนำให้ยึดถือกลยุทธ์ระยะยาว เช่น การถัวเฉลี่ยต้นทุน ซึ่งช่วยลดความกังวลเกี่ยวกับจังหวะตลาดและสร้างวินัยในการลงทุนได้อย่างยั่งยืนมากกว่า
แม้ว่าราคาบิทคอยน์จะมีความผันผวนอย่างมากในช่วงเวลาสั้น ๆ แต่ในภาพรวมระยะยาวแล้วราคายังคงแสดงทิศทางขาขึ้น นักลงทุนจำนวนมากที่เลือกถือครองบิทคอยน์ระยะยาว
ข้อได้เปรียบของการถือครองระยะยาวคือลดความเสี่ยงจากการปรับตัวของราคาในระยะสั้น และเปิดโอกาสในการเก็บเกี่ยวผลประโยชน์จากการเติบโตของมูลค่าในระยะยาว อีกทั้งยังช่วยประหยัดค่าธรรมเนียมที่เกิดจากการซื้อขายบ่อยครั้ง และลดความเครียดจากการติดตามตลาดรายวัน
เพื่อให้สามารถถือครองบิทคอยน์ได้อย่างมั่นคงในระยะยาว นักลงทุนควรศึกษาพื้นฐานทางเทคโนโลยี ของบิทคอยน์ รวมถึงความสำคัญในเชิงเศรษฐกิจและสังคมของสินทรัพย์ดิจิทัลประเภทนี้
หากมีความเข้าใจและมีเหตุผลรองรับ ความผันผวนของราคาที่เกิดขึ้นแบบชั่วคราวจะไม่ใช่สิ่งที่ทำให้นักลงทุนไขว้เขวหรือรีบตัดสินใจขายออก
การลงทุนในบิทคอยน์ควรอิงจากเป้าหมายส่วนตัวและระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้ อย่าหลงเชื่อคำแนะนำจากผู้อื่นโดยไม่มีการวิเคราะห์ด้วยตนเอง ความสำเร็จของการลงทุนในคริปโตส่วนใหญ่เกิดจากการตัดสินใจที่มีเหตุผลและมองในระยะยาว ไม่ใช่จากการตื่นตระหนกกับราคาขึ้นลงระยะสั้น
บิทคอยน์ถือเป็นหนึ่งในเหรียญคริปโตที่น่าลงทุน อย่างไรก็ตาม การซื้อบิทคอยน์นั้นแตกต่างจากการลงทุนทั่วไป เพื่อให้สามารถลงทุนได้อย่างปลอดภัย ผู้ลงทุนควรเข้าใจความเสี่ยงและเตรียมมาตรการรับมืออย่างเหมาะสม
สำหรับผู้เริ่มต้นลงทุนบิทคอยน์ มีประเด็นสำคัญที่ควรให้ความสนใจเป็นพิเศษ ดังต่อไปนี้:
เมื่อการทำธุรกรรมบิทคอยน์ได้รับการยืนยันแล้วจะไม่สามารถยกเลิกได้ ทำให้การรักษาความปลอดภัยเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง
ในการตั้งรหัสผ่าน ผู้ใช้งานควรใช้รหัสผ่านที่มีความยาวอย่างน้อย 12 ตัวอักษรโดยผสมระหว่างตัวอักษร ตัวเลข และสัญลักษณ์ และต้องไม่ซ้ำกับบริการอื่นที่คุณใช้อยู่
ควรเปิดใช้งานระบบยืนยันตัวตนสองขั้นตอนอยู่เสมอเพื่อป้องกันไม่ให้บุคคลอื่นเข้าถึงบัญชีได้แม้ในกรณีที่รหัสผ่านรั่วไหลก็ตาม
สำหรับ Seed Phrase หรือ Recovery Phrase ห้ามจัดเก็บข้อมูลเหล่านี้ในรูปแบบดิจิทัลโดยเด็ดขาด ควรเขียนด้วยมือและเก็บไว้ในที่ปลอดภัย การถ่ายภาพหน้าจอหรือจัดเก็บไว้ในคลาวด์อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการถูกแฮก
หากคุณถือครองบิทคอยน์ในจำนวนมาก ควรหลีกเลี่ยงการเก็บไว้ในกระเป๋าคริปโตเพียงใบเดียว ควรแบ่งเก็บในกระเป๋าหลาย ๆ ใบเพื่อลดความเสี่ยงกรณีถูกโจมตี
นอกจากนี้ ปัจจุบันยังมีการหลอกลวงอย่างต่อเนื่อง เช่น ข้อเสนอที่ให้ผลตอบแทนสูงผิดปกติ เช่น ผลตอบแทนรายเดือนหลายสิบเปอร์เซ็นต์ ซึ่งควรหลีกเลี่ยง
โปรดระมัดระวังเว็บไซต์ปลอมที่แอบอ้างเป็นเว็บไซต์อย่างเป็นทางการของแพลตฟอร์ม เช่น เว็บไซต์เทรด ควรตรวจสอบ URL ให้แน่ชัด และดาวน์โหลดแอปพลิเคชันอย่างเป็นทางการจาก App Store หรือ Google Play เท่านั้น
บิทคอยน์มีความผันผวนของราคาสูงกว่าสินทรัพย์ลงทุนทั่วไป การเปลี่ยนแปลงของราคาในระดับหลายสิบเปอร์เซ็นต์ภายในช่วงเวลาสั้น ๆ ไม่ใช่เรื่องแปลก และในอดีตเคยเกิดเหตุการณ์ราคาร่วงลงกว่า -80% มาแล้วหลายครั้ง
ทั้งนี้ ปัจจัยจากสถานการณ์การเมือง เศรษฐกิจโลก และนโยบายกำกับดูแล ล้วนมีผลกระทบต่อราคาและยากต่อการคาดการณ์
เพื่อรับมือกับความเสี่ยงด้านราคานี้ สิ่งสำคัญที่สุดคือการลงทุนด้วยเงินที่หากสูญเสียไปก็ไม่กระทบต่อการดำรงชีวิต อีกทั้งควรวางแผนล่วงหน้าเพื่อหลีกเลี่ยงพฤติกรรมบางอย่าง เช่น การขายเพราะตื่นตระหนกเมื่อราคาตกและรีบซื้อกลับเมื่อราคาขึ้นซึ่งมักส่งผลให้ขาดทุนสะสม
แม้ว่าราคาของบิทคอยน์จะอยู่ในแนวโน้มขาขึ้นในระยะยาว แต่การคาดเดาทิศทางในระยะสั้นแม้แต่ผู้เชี่ยวชาญก็ยังทำได้ยาก
ดังนั้น แนะนำให้ใช้วิธีลงทุนแบบถัวเฉลี่ยต้นทุนโดยทยอยซื้อสะสมตามช่วงเวลาแทนที่จะลงทุนเงินก้อนใหญ่ในคราวเดียวอาจช่วยลดความเสี่ยงจากความผันผวนของราคาได้อย่างมีประสิทธิภาพ
เมื่อการลงทุนบิทคอยน์มอบผลกำไร ในหลาย ๆ ประเทศ กำไรดังกล่าวจะถือเป็น “รายได้” ซึ่งต้องเสียภาษี หากเริ่มลงทุนโดยไม่เข้าใจกฎหมายภาษี อาจเผชิญกับภาระภาษีที่ไม่คาดคิดในภายหลัง โดยทั่วไป หากมีกำไรจากคริปโตจะต้องจัดทำรายงานและยื่นแบบแสดงรายได้ หากละเลยอาจต้องถูกเรียกเก็บภาษีย้อนหลังพร้อมค่าปรับ
ควรระวังว่าการแลกเปลี่ยนคริปโตเป็นเหรียญอื่น เช่น การเปลี่ยนบิทคอยน์เป็น Ethereum ก็ถือเป็นธุรกรรมที่ต้องเสียภาษี โดยจะคำนวณจากกำไรของบิทคอยน์ ณ ขณะทำการแลกเปลี่ยน อีกทั้งการขาดทุนจากคริปโตยังไม่สามารถนำไปหักลบกับรายได้จากเงินเดือนหรือประเภทอื่นได้
เพื่อให้สามารถจัดการภาษีได้อย่างถูกต้อง นักลงทุนควรเก็บประวัติการซื้อขายไว้อย่างครบถ้วน โดยเฉพาะหากใช้แพลตฟอร์มหลายแพลตฟอร์มหรือกระเป๋าคริปโตหลายใบ นักลงทุนอาจต้องพิจารณาใช้เครื่องมือคำนวณภาษี หรือขอคำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญทางบัญชี
ทั้งนี้ ระบบภาษีของคริปโตอาจมีการเปลี่ยนแปลงในอนาคต นักลงทุนจึงควรติดตามข้อมูลจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างสม่ำเสมอ
บทความนี้ได้อธิบายวิธีซื้อบิทคอยน์อย่างละเอียด โดยเน้นให้ผู้เริ่มต้นสามารถเข้าใจได้ง่าย หากคุณเพิ่งเริ่มสนใจการลงทุนบิทคอยน์สามารถใช้ข้อมูลในบทความนี้เป็นแนวทางเบื้องต้นในการเริ่มต้นลงทุนได้อย่างมั่นใจ
ในปี 2025 มีการคาดการณ์ว่าคริปโตจะเข้าสู่ตลาดกระทิงอีกครั้ง และราคาบิทคอยน์ก็มีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง หากคุณกำลังสนใจลงทุนในบิทคอยน์ ขอแนะนำให้คุณศึกษาข้อมูลอย่างรอบด้าน วางแผนและเริ่มต้นลงทุนอย่างระมัดระวัง
Metaplanet ยังคงเดินหน้าเสริมความแข็งแกร่งในฐานะจุดอ้าง […]
ราคา Bitcoin ดีดตัวกลับขึ้นมายืนเหนือระดับ $106,000 ได้ […]
รัฐเท็กซัสสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้กับวงการคริปโตใน […]
ท่ามกลางความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ทั่วโลกและความผั […]