Home » BTC ขาดตลาด! เจ้าเก่าถือแน่น ขุดเท่าไหร่ก็ไม่พอ Demand?

BTC ขาดตลาด! เจ้าเก่าถือแน่น ขุดเท่าไหร่ก็ไม่พอ Demand?

19.06.2025 18:46 2 นาทีที่อ่าน Pattada Letikul
Disclosure

บทความนี้อาจมีลิงก์พันธมิตร ซึ่งทางเว็บไซต์อาจได้รับค่าตอบแทนหากผู้อ่านคลิกหรือลงทะเบียนผ่านลิงก์ดังกล่าว โดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมสำหรับผู้อ่าน หากคุณยังคงใช้ไซต์นี้ต่อไป แสดงว่าคุณยอมรับข้อกำหนดและเงื่อนไขของเรา


แบ่งปัน: หุ้น

การลงทุนในคริปโตมีความเสี่ยงสูง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลและตัดสินใจด้วยตนเอง เนื้อหาในเว็บไซต์จัดทำเพื่อให้ข้อมูล ไม่ใช่คำแนะนำการลงทุน โปรดอ่านนโยบายบรรณาธิการสำหรับรายละเอียดเพิ่มเติม

BTC ขาดตลาด! เจ้าเก่าถือแน่น ขุดเท่าไหร่ก็ไม่พอ Demand?

BTC (Bitcoin) อุปทานตึงจัด! รายงานล่าสุดจาก Fidelity Digital Assets เปิดเผยสัญญาณ Supply Squeeze ครั้งสำคัญของ Bitcoin โดยพบว่าจำนวนเหรียญที่ถูกถือครองโดยนักลงทุนระยะยาว หรือที่เรียกว่า ‘อุปทานโบราณ’ (Ancient Supply) กำลังเพิ่มขึ้นในอัตราที่สูงกว่าจำนวนเหรียญที่ถูกขุดขึ้นมาใหม่ในแต่ละวัน

รายงานจาก Fidelity Digital Assets ชี้ให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในโครงสร้างอุปทานของ Bitcoin ซึ่งมีแนวโน้มเด่นชัดหลังการ Halving ในปี 2024 โดยระบุว่า กลุ่ม ancient Bitcoin หรือเหรียญที่ถูกถือครองเกิน 10 ปี มีจำนวนเพิ่มขึ้นกว่าเหรียญที่ขุดใหม่ในแต่ละวัน

โดยมี Bitcoin จำนวน 550 เหรียญต่อวันที่เข้าสู่สถานะ “ancient” ในขณะที่มี Bitcoin ใหม่ถูกขุดเพียง 450 เหรียญต่อวันเท่านั้น

Bitcoin (BTC)
ปริมาณ Bitcoin ที่ออกใหม่รายวัน vs. การเติบโตของเหรียญเก่ารายวันโดยเฉลี่ย ที่มา: Glassnode

แนวโน้มนี้ เมื่อรวมกับการซื้ออย่างต่อเนื่องจากสถาบันต่างๆ ทำให้เกิดคำถามที่ว่า: ราคา Bitcoin จะแตะ $1 ล้าน ได้หรือไม่?

Fidelity เผยข้อมูล BTC รุ่นเก๋า ถูกเก็บมากกว่าที่ขุดใหม่!

ปัจจุบัน กลุ่ม ancient Bitcoin คิดเป็นสัดส่วนกว่า 17% ของอุปทานทั้งหมด หรือประมาณ 3.4 ล้านเหรียญ ซึ่งมีมูลค่าประมาณ $360B (ราคาต่อ BTC อยู่ที่ $107,000) ตัวเลขดังกล่าวสะท้อนถึงความมุ่งมั่นของผู้ถือระยะยาว โดยมีเพียงไม่ถึง 3% นับตั้งแต่มีการสร้างเหรียญเหล่านี้ขึ้นมา ที่เหรียญถูกนำมาขาย โอน หรือย้าย

นอกจากนี้ รายงานยังคาดการณ์ว่าอัตราส่วนนี้อาจเพิ่มขึ้นเป็น 20% ภายในปี 2028 และ 25% ภายในปี 2034 ทำให้อุปทานที่มีอยู่ในตลาดยิ่งตึงตัวขึ้นเรื่อยๆ

การเติบโตของซัพพลายเหรียญเก่าของ BTC
การเติบโตของซัพพลายเหรียญเก่าของ Bitcoin
แหล่งที่มา: Fidelity Digital Assets

ในขณะเดียวกัน การลงทุนจากสถาบันการเงินกำลังเร่งตัวขึ้นเช่นกัน ข้อมูลจาก Bitwise ระบุว่า การไหลเข้า (inflow) ของเงินทุนใน Bitcoin มีแนวโน้มแตะ $120B ภายในปี 2025 และพุ่งสูงถึง $300B ในปี 2026 ตามกรณีพื้นฐานที่ประเมินไว้

ผู้เข้าร่วมในตลาดมีหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น รัฐบาลที่อาจจัดสรรทุนสำรองทองคำ 5% มาเป็น Bitcoin (คิดเป็นมูลค่า $161.7B หรือ 7.7% ของอุปทาน), รัฐในสหรัฐฯ ที่นำไปใช้เพิ่มขึ้น 30% ($19.6B), แพลตฟอร์มบริหารความมั่งคั่งจัดสรร 0.5% ($300B), และบริษัทมหาชนที่เพิ่มการถือครองอีกเท่าตัว ($117.8B)

ในกรณีตลาดกระทิง การไหลเข้าของเงินทุนอาจสูงถึง $426B ซึ่งหมายความว่าจะดูดซับ BTC กว่า 4 ล้านเหรียญ (หรือ 19% ของอุปทาน) ส่งผลให้อุปทานในตลาดยิ่งลดลงมากขึ้น

การที่สถาบันหันมาสะสม Bitcoin พร้อมกับการเพิ่มขึ้นของ ancient Bitcoin ชี้ให้เห็นถึงโอกาสที่อุปทานส่วนใหญ่อาจกลายเป็น “illiquid” (ไม่สามารถปล่อยขายได้ง่าย เพราะขาดสภาพคล่อง) ซึ่งมีโอกาสหนุนราคาให้สูงขึ้นได้

วิเคราะห์เส้นทาง BTC สู่ $1M: เป็นไปได้จริงหรือแค่ฝัน?

การที่ราคา Bitcoin จะพุ่งไปถึง $1 ล้านต่อเหรียญได้นั้น จำเป็นต้องมีมูลค่าตลาดรวม (market capitalization) ที่ $21 ล้านล้าน ซึ่งสูงกว่าปัจจุบันถึง 10 เท่า (ปัจจุบันมูลค่าตลาดอยู่ที่ $2.10 ล้านล้าน)

ปัจจุบันมี BTC ถูกขุดแล้วจำนวน 19,880,604 เหรียญ หรือ 94.66% ของอุปทานสูงสุดที่ 21 ล้านเหรียญ

ด้วยอุปทานที่จำกัดและแนวโน้มความต้องการที่เพิ่มขึ้น ความเป็นไปได้ในการบรรลุเป้าหมายดังกล่าวอาจเกิดขึ้นได้จากการลดลงของอุปทานที่สามารถซื้อขายได้

ประวัติศาสตร์หลังการขุดบิทคอยน์ หรือ Bitcoin Halving ในปี 2013, 2017, และ 2021 แสดงให้เห็นถึงการพุ่งขึ้นของราคาที่ได้รับแรงหนุนจากการลด (supply) อุปทานและเพิ่ม demand (ความต้องการ)

เหตุการณ์เหล่านี้สนับสนุนทฤษฎีที่ว่าแนวโน้มปัจจุบันอาจทำให้เกิดผลลัพธ์ที่คล้ายคลึงกัน

ผลกระทบจากซัพพลายเหรียญเก่าชัดเจนมาก ตอนนี้มีถึง 17% ของ Bitcoin ทั้งหมดที่แทบไม่มีการเคลื่อนไหว และตัวเลขนี้ยังมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ซึ่งทำให้เหรียญที่หมุนเวียนอยู่ในตลาดยิ่งน้อยลง หากนักลงทุนสถาบันยังซื้อสะสมต่อเนื่อง คาดว่าภายในปี 2026 อาจมีเหรียญที่ไม่ถูกนำมาใช้งานถึง 30% หรือประมาณ 6.3 ล้าน BTC

อย่างไรก็ตาม ยังมีความท้าทายอยู่ โดยหลังการเลือกตั้งสหรัฐในปี 2024 มีบางวันที่ซัพพลายเหรียญเก่าถูกขายออกถึง 10% ของช่วงเวลาทั้งหมด ซึ่งมากกว่าค่าเฉลี่ยปกติถึง 4 เท่า แสดงว่าผู้ถือระยะยาวก็อาจตัดสินใจขายเมื่อเกิดความผันผวน

นอกจากนี้ เหรียญที่ถูกถือมานานกว่า 5 ปี ก็ถูกขายออกใน 39% ของวันหลังเลือกตั้ง ซึ่งมากกว่าค่าเฉลี่ยถึง 3 เท่า และสอดคล้องกับช่วงที่ราคา Bitcoin แกว่งตัวออกข้างในไตรมาสแรกของปี 2025

ราคา BTC เคลื่อนไหวตามการลดลงของซัพพลายเหรียญเก่า
ราคา Bitcoin เคลื่อนไหวตามการลดลงของซัพพลายเหรียญเก่า ที่มา: Glassnode

แม้ว่า Bitcoin จะมีแนวโน้มเข้าสู่ภาวะขาดสภาพคล่องมากขึ้น แต่สภาพตลาดที่ผันผวนก็อาจกระตุ้นให้มีการขายเหรียญออกมา ซึ่งอาจทำให้ราคาขยับขึ้นได้ช้าลง

อย่างไรก็ตาม Bitwise ระบุว่าในปี 2024 มีความต้องการซื้อที่ยังรออยู่ข้างสนามถึง $35B เนื่องมาจากนโยบายหลีกเลี่ยงความเสี่ยงของ Morgan Stanley และ Goldman Sachs ซึ่งทั้งสองสถาบันบริหารสินทรัพย์รวมกันกว่า 60 ล้านล้านดอลลาร์

ในกรณีแย่ที่สุด Bitwise คาดว่าจะมีเงินไหลเข้าเกิน $150B ส่วนในกรณีที่ดีที่สุดอาจแตะ $426B หรือเทียบเท่ากับ Bitcoin ประมาณ 4.27 ล้านเหรียญ ซึ่งสะท้อนศักยภาพของ demand ที่มหาศาล

ดังนั้น supply ที่หายากขึ้นและกระแสเงินจากนักลงทุนสถาบันจึงเป็นปัจจัยสำคัญที่ผลักดันความขาดแคลนของ Bitcoin แม้เป้าหมายราคาที่ $1,000,000 จะดูใหญ่ แต่จากแนวโน้มปัจจุบัน ก็อาจเป็นไปได้ในระยะยาว

โดยสรุป ปรากฏการณ์ที่อุปทาน BTC โบราณเติบโตแซงหน้าเหรียญที่ขุดใหม่ ตามข้อมูลจาก Fidelity ประกอบกับกระแสเงินทุนจากสถาบันที่คาดว่าจะหลั่งไหลเข้ามาอย่างมหาศาล กำลังสร้างสภาวะ Supply Shock ที่ชัดเจน แม้จะมีความท้าทายจากความผันผวนในระยะสั้น แต่นักลงทุนต่างจับตามองว่าปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่งนี้ จะเป็นแรงส่งสำคัญที่ผลักดันราคา Bitcoin ไปสู่เป้าหมายที่สูงขึ้นอย่างมีเสถียรภาพในระยะยาว

Telegram

แบ่งปัน: หุ้น
มากกว่า Bitcoin - ข่าวล่าสุดวันนี้
ยังไม่มีความคิดเห็น!

ที่อยู่อีเมลของคุณจะไม่ถูกเผยแพร่