Ethereum Foundation สร้างความสั่นสะเทือนให้วงการอีกครั้ง โดย Justin Drake นักวิจัยของมูลนิธิ ได้เปิดเผยโรดแมปใหม่ล่าสุดในชื่อ ‘Gigagas era’ ซึ่งมีเป้าหมายอันทะเยอทะยานในการเพิ่มขีดความสามารถในการประมวลผลธุรกรรมของ Ethereum ให้สูงถึง 10,000 รายการต่อวินาที (TPS) การประกาศครั้งนี้ถือเป็นก้าวสำคัญที่จะเปลี่ยนนิยามของ Ethereum จากบล็อกเชนที่มีปัญหาความล่าช้าและค่าธรรมเนียมสูง ไปสู่เครือข่ายการชำระเงินที่สามารถปรับขนาดได้อย่างมหาศาล นักลงทุนและนักพัฒนาต่างจับตามองอนาคตของ Ethereum อย่างใกล้ชิดหลังจากการเปิดเผยแผนการครั้งนี้
เจาะลึกแผน Gigagas Era ของ Ethereum และเทคโนโลยี ZK-VM
หัวใจสำคัญของโรดแมป Gigagas era คือการนำเทคโนโลยี Zero-Knowledge Virtual Machine (ZK-VM) มาใช้งานอย่างเต็มรูปแบบ เทคโนโลยีนี้ถูกออกแบบมาเพื่อแก้ไขปัญหาคอขวดในการประมวลผลธุรกรรมแบบดั้งเดิมของ Ethereum โดย ZK-VM จะช่วยให้การจัดการธุรกรรมมีประสิทธิภาพสูงขึ้นอย่างก้าวกระโดด และสร้างระบบการพิสูจน์ธุรกรรมได้แบบเรียลไทม์ ซึ่งจะปลดล็อกศักยภาพของเครือข่าย Ethereum ได้อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน
นอกเหนือจาก ZK-VM แล้ว แผนการพัฒนานี้ยังรวมถึงการผสานเทคโนโลยีอื่นๆ เช่น Native Rollups และ Decentralized Sequencing เข้ามาด้วย เป้าหมายคือการสร้างสมดุลที่สมบูรณ์แบบระหว่างความสามารถในการปรับขนาด (Scalability) และการกระจายอำนาจ (Decentralization) โดยยังคงรักษาความปลอดภัยอันเป็นแกนหลักของ Ethereum ไว้อย่างครบถ้วน การอัปเกรดครั้งนี้จะทำให้ Ethereum สามารถรองรับปริมาณธุรกรรมที่เพิ่มขึ้นมหาศาลได้อย่างราบรื่น ซึ่งเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่งสำหรับการใช้งานในระดับโลก
การพัฒนาครั้งนี้จะส่งผลให้ Ethereum ซึ่งเป็นอัลท์คอยน์อันดับหนึ่งของตลาด มีความสามารถในการแข่งขันสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ การแก้ไขปัญหาด้านความเร็วและค่าธรรมเนียมจะทำให้ Ethereum กลายเป็นแพลตฟอร์มที่น่าดึงดูดยิ่งขึ้นสำหรับนักพัฒนาแอปพลิเคชันกระจายอำนาจ (dApps) และผู้ใช้งานทั่วไป การเปลี่ยนแปลงนี้จะเสริมความแข็งแกร่งให้กับตำแหน่งของ Ethereum ในฐานะผู้นำด้านบล็อกเชนแพลตฟอร์ม
ผลกระทบต่อระบบนิเวศ Ethereum และอนาคตที่น่าจับตา
การเพิ่มขีดความสามารถในการประมวลผลของ Ethereum จะส่งผลกระทบเชิงบวกอย่างมหาศาลต่อระบบนิเวศทั้งหมด สิ่งที่คาดหวังได้เป็นอันดับแรกคือการลดลงของค่าธรรมเนียม (Gas Fee) อย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งจะช่วยกระตุ้นให้เกิดการยอมรับในวงกว้างและดึงดูดนักลงทุนสถาบันให้เข้ามาในตลาด Ethereum มากขึ้น นอกจากนี้ โปรโตคอล DeFi และโทเคนประเภท Liquid Staking เช่น stETH ของ Lido ก็จะได้รับประโยชน์โดยตรงจากการที่เครือข่าย Ethereum มีประสิทธิภาพสูงขึ้น
แนวโน้มนี้สอดคล้องกับการที่ สถาบันยักษ์ใหญ่ใช้ Ethereum สร้างระบบการเงิน มากขึ้น ซึ่งเป็นการตอกย้ำถึงศักยภาพของเครือข่ายในฐานะโครงสร้างพื้นฐานทางการเงินแห่งอนาคต
ความสำเร็จของการอัปเกรดครั้งใหญ่ในอดีตอย่าง ‘The Merge’ ได้สร้างความเชื่อมั่นให้กับชุมชนและนักพัฒนาเป็นอย่างมาก ทำให้การสนับสนุนโรดแมปใหม่นี้เป็นไปอย่างแข็งขัน Justin Drake ยังได้กล่าวถึงวิสัยทัศน์ระยะยาวที่เรียกว่า ‘Fossilization’ ซึ่งคือการทำให้สถาปัตยกรรมของ Ethereum มีความเสถียรและไม่เปลี่ยนแปลง เพื่อสร้างความมั่นคงให้กับเครือข่ายในระยะยาว การพัฒนาของ Ethereum ในครั้งนี้จึงไม่ใช่แค่การเพิ่มความเร็ว แต่เป็นการวางรากฐานสำหรับอนาคต
ความเสถียรที่เพิ่มขึ้นนี้เป็นหนึ่งใน เหตุผลที่สถาบันการเงินเลือกใช้ Ethereum ซึ่ง Vitalik Buterin ผู้ร่วมก่อตั้งก็ได้เคยอธิบายถึงความสำคัญในประเด็นนี้ไว้เช่นกัน
อย่างไรก็ตาม ความสำเร็จของโรดแมปนี้ยังขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง ทั้งแนวโน้มด้านกฎระเบียบที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต และการยอมรับอย่างต่อเนื่องจากชุมชนผู้ใช้งานและนักพัฒนาทั่วโลก การเดินทางของ Ethereum สู่ยุค 10,000 TPS จึงเป็นสิ่งที่น่าจับตามองอย่างยิ่ง และอาจเป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์ของวงการคริปโตเคอร์เรนซีและเครือข่าย Ethereum
สรุป: อนาคตของ Ethereum กับการก้าวสู่ยุค 10,000 TPS
โดยสรุปแล้ว การเปิดเผยโรดแมป ‘Gigagas era’ โดย Ethereum Foundation ถือเป็นข่าวใหญ่ที่ชี้ให้เห็นถึงทิศทางการพัฒนาที่ชัดเจนของ Ethereum ในอนาคต เป้าหมาย 10,000 TPS ไม่ใช่แค่ตัวเลขที่น่าประทับใจ แต่เป็นการประกาศความพร้อมของ Ethereum ที่จะก้าวข้ามขีดจำกัดเดิมๆ และกลายเป็นโครงสร้างพื้นฐานทางการเงินที่สำคัญของโลกดิจิทัล ด้วยเทคโนโลยี ZK-VM และการสนับสนุนจากชุมชนที่แข็งแกร่ง อนาคตของ Ethereum ดูสดใสและเต็มไปด้วยศักยภาพในการเติบโตอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน นักลงทุนควรจับตาดูการพัฒนาของ Ethereum อย่างใกล้ชิด เพราะนี่อาจเป็นโอกาสครั้งสำคัญในการลงทุน
ในขณะที่การพัฒนาระยะยาวดำเนินไป นักลงทุนรายใหญ่หรือ ‘วาฬ’ ก็เริ่มเคลื่อนไหว ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมั่นในตลาดผ่าน การคาดการณ์ราคา Ethereum ฟื้นตัว ในระยะสั้น
พิชญา รัตนวงศ์ เป็นนักข่าวและนักวิเคราะห์ด้านคริปโตเคอเรนซีและเทคโนโลยีบล็อกเชน ผู้มีความเชี่ยวชาญในการถ่ายทอดข้อมูลที่ซับซ้อนให้เข้าใจง่ายสำหรับผู้อ่านทุกระดับ ไม่ว่าจะเป็นนักลงทุนมือใหม่หรือผู้เชี่ยวชาญในวงการ ด้วยประสบการณ์กว่า 8 ปีในสายงานข่าวการเงินดิจิทัลและการกำกับดูแล Web3 พิชญาเคยร่วมงานกับทั้งสื่อในประเทศและต่างประเทศ เช่น Bangkok Biz, Asia Blockchain Review และ BeInCrypto
เธอมุ่งมั่นในการเชื่อมโยงข้อมูลข่าวสารระหว่างผู้กำหนดนโยบาย ผู้พัฒนาเทคโนโลยี และนักลงทุน พร้อมส่งเสริมความรู้ความเข้าใจเรื่องกฎระเบียบคริปโตในบริบทไทย-อาเซียน ผลงานของเธอมีจุดเด่นด้านการวิเคราะห์ข่าว DeFi การลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัล และการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของ Web3 ที่กำลังเปลี่ยนโฉมเศรษฐกิจดิจิทัลของภูมิภาค