Home » Ethereum Foundation เปิดแผน! ดัน Ethereum สู่ 10,000 TPS

Ethereum Foundation เปิดแผน! ดัน Ethereum สู่ 10,000 TPS

08.07.2025 13:08 1 นาทีที่อ่าน Phitchaya Rattanavong
Disclosure

บทความนี้อาจมีลิงก์พันธมิตร ซึ่งทางเว็บไซต์อาจได้รับค่าตอบแทนหากผู้อ่านคลิกหรือลงทะเบียนผ่านลิงก์ดังกล่าว โดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมสำหรับผู้อ่าน หากคุณยังคงใช้ไซต์นี้ต่อไป แสดงว่าคุณยอมรับข้อกำหนดและเงื่อนไขของเรา


แบ่งปัน: หุ้น

การลงทุนในคริปโตมีความเสี่ยงสูง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลและตัดสินใจด้วยตนเอง เนื้อหาในเว็บไซต์จัดทำเพื่อให้ข้อมูล ไม่ใช่คำแนะนำการลงทุน เนื้อหาบางส่วนอาจมี Affiliate Links ซึ่งเราอาจได้รับค่าคอมมิชชั่น โปรดอ่าน Affiliate Disclaimer และนโยบายบรรณาธิการสำหรับรายละเอียดเพิ่มเติม

Ethereum Foundation เปิดแผน! ดัน Ethereum สู่ 10,000 TPS

Ethereum Foundation สร้างความสั่นสะเทือนให้วงการอีกครั้ง โดย Justin Drake นักวิจัยของมูลนิธิ ได้เปิดเผยโรดแมปใหม่ล่าสุดในชื่อ ‘Gigagas era’ ซึ่งมีเป้าหมายอันทะเยอทะยานในการเพิ่มขีดความสามารถในการประมวลผลธุรกรรมของ Ethereum ให้สูงถึง 10,000 รายการต่อวินาที (TPS) การประกาศครั้งนี้ถือเป็นก้าวสำคัญที่จะเปลี่ยนนิยามของ Ethereum จากบล็อกเชนที่มีปัญหาความล่าช้าและค่าธรรมเนียมสูง ไปสู่เครือข่ายการชำระเงินที่สามารถปรับขนาดได้อย่างมหาศาล นักลงทุนและนักพัฒนาต่างจับตามองอนาคตของ Ethereum อย่างใกล้ชิดหลังจากการเปิดเผยแผนการครั้งนี้

เจาะลึกแผน Gigagas Era ของ Ethereum และเทคโนโลยี ZK-VM

หัวใจสำคัญของโรดแมป Gigagas era คือการนำเทคโนโลยี Zero-Knowledge Virtual Machine (ZK-VM) มาใช้งานอย่างเต็มรูปแบบ เทคโนโลยีนี้ถูกออกแบบมาเพื่อแก้ไขปัญหาคอขวดในการประมวลผลธุรกรรมแบบดั้งเดิมของ Ethereum โดย ZK-VM จะช่วยให้การจัดการธุรกรรมมีประสิทธิภาพสูงขึ้นอย่างก้าวกระโดด และสร้างระบบการพิสูจน์ธุรกรรมได้แบบเรียลไทม์ ซึ่งจะปลดล็อกศักยภาพของเครือข่าย Ethereum ได้อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน

นอกเหนือจาก ZK-VM แล้ว แผนการพัฒนานี้ยังรวมถึงการผสานเทคโนโลยีอื่นๆ เช่น Native Rollups และ Decentralized Sequencing เข้ามาด้วย เป้าหมายคือการสร้างสมดุลที่สมบูรณ์แบบระหว่างความสามารถในการปรับขนาด (Scalability) และการกระจายอำนาจ (Decentralization) โดยยังคงรักษาความปลอดภัยอันเป็นแกนหลักของ Ethereum ไว้อย่างครบถ้วน การอัปเกรดครั้งนี้จะทำให้ Ethereum สามารถรองรับปริมาณธุรกรรมที่เพิ่มขึ้นมหาศาลได้อย่างราบรื่น ซึ่งเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่งสำหรับการใช้งานในระดับโลก

การพัฒนาครั้งนี้จะส่งผลให้ Ethereum ซึ่งเป็นอัลท์คอยน์อันดับหนึ่งของตลาด มีความสามารถในการแข่งขันสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ การแก้ไขปัญหาด้านความเร็วและค่าธรรมเนียมจะทำให้ Ethereum กลายเป็นแพลตฟอร์มที่น่าดึงดูดยิ่งขึ้นสำหรับนักพัฒนาแอปพลิเคชันกระจายอำนาจ (dApps) และผู้ใช้งานทั่วไป การเปลี่ยนแปลงนี้จะเสริมความแข็งแกร่งให้กับตำแหน่งของ Ethereum ในฐานะผู้นำด้านบล็อกเชนแพลตฟอร์ม

ผลกระทบต่อระบบนิเวศ Ethereum และอนาคตที่น่าจับตา

การเพิ่มขีดความสามารถในการประมวลผลของ Ethereum จะส่งผลกระทบเชิงบวกอย่างมหาศาลต่อระบบนิเวศทั้งหมด สิ่งที่คาดหวังได้เป็นอันดับแรกคือการลดลงของค่าธรรมเนียม (Gas Fee) อย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งจะช่วยกระตุ้นให้เกิดการยอมรับในวงกว้างและดึงดูดนักลงทุนสถาบันให้เข้ามาในตลาด Ethereum มากขึ้น นอกจากนี้ โปรโตคอล DeFi และโทเคนประเภท Liquid Staking เช่น stETH ของ Lido ก็จะได้รับประโยชน์โดยตรงจากการที่เครือข่าย Ethereum มีประสิทธิภาพสูงขึ้น

แนวโน้มนี้สอดคล้องกับการที่ สถาบันยักษ์ใหญ่ใช้ Ethereum สร้างระบบการเงิน มากขึ้น ซึ่งเป็นการตอกย้ำถึงศักยภาพของเครือข่ายในฐานะโครงสร้างพื้นฐานทางการเงินแห่งอนาคต

ความสำเร็จของการอัปเกรดครั้งใหญ่ในอดีตอย่าง ‘The Merge’ ได้สร้างความเชื่อมั่นให้กับชุมชนและนักพัฒนาเป็นอย่างมาก ทำให้การสนับสนุนโรดแมปใหม่นี้เป็นไปอย่างแข็งขัน Justin Drake ยังได้กล่าวถึงวิสัยทัศน์ระยะยาวที่เรียกว่า ‘Fossilization’ ซึ่งคือการทำให้สถาปัตยกรรมของ Ethereum มีความเสถียรและไม่เปลี่ยนแปลง เพื่อสร้างความมั่นคงให้กับเครือข่ายในระยะยาว การพัฒนาของ Ethereum ในครั้งนี้จึงไม่ใช่แค่การเพิ่มความเร็ว แต่เป็นการวางรากฐานสำหรับอนาคต

ความเสถียรที่เพิ่มขึ้นนี้เป็นหนึ่งใน เหตุผลที่สถาบันการเงินเลือกใช้ Ethereum ซึ่ง Vitalik Buterin ผู้ร่วมก่อตั้งก็ได้เคยอธิบายถึงความสำคัญในประเด็นนี้ไว้เช่นกัน

อย่างไรก็ตาม ความสำเร็จของโรดแมปนี้ยังขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง ทั้งแนวโน้มด้านกฎระเบียบที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต และการยอมรับอย่างต่อเนื่องจากชุมชนผู้ใช้งานและนักพัฒนาทั่วโลก การเดินทางของ Ethereum สู่ยุค 10,000 TPS จึงเป็นสิ่งที่น่าจับตามองอย่างยิ่ง และอาจเป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์ของวงการคริปโตเคอร์เรนซีและเครือข่าย Ethereum

สรุป: อนาคตของ Ethereum กับการก้าวสู่ยุค 10,000 TPS

โดยสรุปแล้ว การเปิดเผยโรดแมป ‘Gigagas era’ โดย Ethereum Foundation ถือเป็นข่าวใหญ่ที่ชี้ให้เห็นถึงทิศทางการพัฒนาที่ชัดเจนของ Ethereum ในอนาคต เป้าหมาย 10,000 TPS ไม่ใช่แค่ตัวเลขที่น่าประทับใจ แต่เป็นการประกาศความพร้อมของ Ethereum ที่จะก้าวข้ามขีดจำกัดเดิมๆ และกลายเป็นโครงสร้างพื้นฐานทางการเงินที่สำคัญของโลกดิจิทัล ด้วยเทคโนโลยี ZK-VM และการสนับสนุนจากชุมชนที่แข็งแกร่ง อนาคตของ Ethereum ดูสดใสและเต็มไปด้วยศักยภาพในการเติบโตอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน นักลงทุนควรจับตาดูการพัฒนาของ Ethereum อย่างใกล้ชิด เพราะนี่อาจเป็นโอกาสครั้งสำคัญในการลงทุน

ในขณะที่การพัฒนาระยะยาวดำเนินไป นักลงทุนรายใหญ่หรือ ‘วาฬ’ ก็เริ่มเคลื่อนไหว ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมั่นในตลาดผ่าน การคาดการณ์ราคา Ethereum ฟื้นตัว ในระยะสั้น

พิชญา รัตนวงศ์ เป็นนักข่าวและนักวิเคราะห์ด้านคริปโตเคอเรนซีและเทคโนโลยีบล็อกเชน ผู้มีความเชี่ยวชาญในการถ่ายทอดข้อมูลที่ซับซ้อนให้เข้าใจง่ายสำหรับผู้อ่านทุกระดับ ไม่ว่าจะเป็นนักลงทุนมือใหม่หรือผู้เชี่ยวชาญในวงการ ด้วยประสบการณ์กว่า 8 ปีในสายงานข่าวการเงินดิจิทัลและการกำกับดูแล Web3 พิชญาเคยร่วมงานกับทั้งสื่อในประเทศและต่างประเทศ เช่น Bangkok Biz, Asia Blockchain Review และ BeInCrypto เธอมุ่งมั่นในการเชื่อมโยงข้อมูลข่าวสารระหว่างผู้กำหนดนโยบาย ผู้พัฒนาเทคโนโลยี และนักลงทุน พร้อมส่งเสริมความรู้ความเข้าใจเรื่องกฎระเบียบคริปโตในบริบทไทย-อาเซียน ผลงานของเธอมีจุดเด่นด้านการวิเคราะห์ข่าว DeFi การลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัล และการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของ Web3 ที่กำลังเปลี่ยนโฉมเศรษฐกิจดิจิทัลของภูมิภาค

Telegram

แบ่งปัน: หุ้น
มากกว่า Altcoins - ข่าวล่าสุดวันนี้
ยังไม่มีความคิดเห็น!

ที่อยู่อีเมลของคุณจะไม่ถูกเผยแพร่