ETH จะแซงหน้า BTC ใน Q3 ได้หรือไม่? นี่คือสิ่งที่ตัวชี้วัดบอกเรา

นักลงทุนในตลาดคริปโตกำลังจับตามองอย่างใกล้ชิดว่า Ethereum (ETH) จะสามารถทำผลงานแซงหน้า Bitcoin (BTC) ได้หรือไม่ในไตรมาสที่ 3 ของปี 2025 นี้ โดยมีอินดิเคเตอร์สำคัญหลายตัวที่ชี้ให้เห็นถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุนสถาบันที่อาจกำลังเอนเอียงมาทาง Ethereum มากขึ้น ซึ่งอาจเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของตลาดคริปโต

Circle ดันราคา ETH พุ่ง! หลัง USDC กว่าครึ่งอยู่บนเครือข่าย

การเคลื่อนไหวครั้งใหญ่ล่าสุดที่ส่งผลกระทบต่อตลาดคือการที่ Circle ผู้ออกเหรียญ Stablecoin อย่าง USDC ได้ยื่นขอเสนอขายหุ้น IPO ด้วยมูลค่าสูงถึง 1.1 ล้านล้านดอลลาร์ ซึ่งสร้างแรงกระเพื่อมไปทั่ววงการ และหนึ่งในผู้ที่ได้รับประโยชน์สูงสุดจากการเคลื่อนไหวนี้ก็คือ Ethereum

เหตุผลสำคัญคือ ปัจจุบัน USDC เกือบ 50% ของทั้งหมด หรือคิดเป็นมูลค่ากว่า 36,700 ล้านดอลลาร์ หมุนเวียนอยู่บนเครือข่าย Ethereum ทำให้ ETH กลายเป็นผู้รับผลประโยชน์ทางอ้อมจากกลยุทธ์ของ Circle อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ข่าวดังกล่าวส่งผลให้ราคา ETH ดีดตัวขึ้นทันที 8.52% ในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา ทำให้หลายฝ่ายคาดการณ์ว่าราคาอาจทะลุ 3,000 ดอลลาร์ได้ในไม่ช้า

สำหรับนักลงทุนที่กำลังพิจารณาเข้าสู่ตลาด การทำความเข้าใจเกี่ยวกับอนาคตของเหรียญก็เป็นสิ่งสำคัญ ซึ่งมี การวิเคราะห์แนวโน้มราคา Ethereum ในระยะยาว ที่น่าสนใจเพื่อประกอบการตัดสินใจ

วิเคราะห์เงินทุนสถาบัน: ทำไมเม็ดเงินไหลออกจาก Bitcoin สู่ ETH?

สัญญาณที่ชัดเจนที่สุดที่แสดงถึงการเปลี่ยนแปลงความเชื่อมั่นของสถาบันคือกระแสเงินทุนไหลเข้า-ออกของกองทุน ETF ในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา กองทุน Bitcoin ETF มีเงินไหลออกสุทธิมากกว่า 1,400 ล้านดอลลาร์ ในทางกลับกัน กองทุน Spot ETH ETF กลับมีเงินทุนไหลเข้าสูงถึง 579 ล้านดอลลาร์

ข้อมูลจาก SoSoValue ยิ่งตอกย้ำแนวโน้มนี้ โดยชี้ว่าในช่วง 10 วันทำการล่าสุด กองทุน Spot ETH ETF มีเงินทุนไหลเข้าถึง 8 วัน ทำให้มียอดไหลเข้าสุทธิรวมกว่า 25.2 ล้านดอลลาร์ การย้ายเงินทุนจาก BTC ไปยัง ETH นี้สะท้อนให้เห็นว่าความสนใจของนักลงทุนสถาบันกำลังเติบโตขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ

แนวโน้มนี้สอดคล้องกับข่าวที่ว่า สถาบันการเงินยักษ์ใหญ่หลายแห่งกำลังเลือกใช้ Ethereum เป็นโครงสร้างพื้นฐานสำหรับระบบการเงินยุคใหม่ ซึ่งยิ่งตอกย้ำความเชื่อมั่นในระยะยาว

ETH จะแซงหน้า Bitcoin ได้จริงหรือ? จับตา Layer 2 และ dApps

แม้ว่าในแง่ของมูลค่าตลาดรวม (Market Cap) Ethereum ยังคงห่างไกลจาก Bitcoin อยู่มาก แต่หากมองในแง่ของ “ประสิทธิภาพ” และ “กระแสเงินทุน” การแซงหน้าอาจเกิดขึ้นได้จริงในไตรมาสที่ 3 นี้ ปัจจัยสำคัญที่หนุนหลัง ETH คือระบบนิเวศที่แข็งแกร่ง โดยเฉพาะการเป็นศูนย์กลางของ DeFi และ dApps ชั้นนำ

ความคึกคักของระบบนิเวศนี้ยังสะท้อนผ่านกิจกรรมของนักพัฒนา ซึ่งปัจจุบันมี Altcoin บน Ethereum ที่นักพัฒนาให้ความสนใจ เป็นจำนวนมาก

นอกจากนี้ โซลูชัน Layer 2 อย่าง Arbitrum, Base และ Polygon ยังเข้ามาช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการขยายตัว (Scalability) ของเครือข่าย ทำให้สามารถรองรับธุรกรรมจำนวนมหาศาลได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งเป็นสิ่งที่ดึงดูดนักลงทุนและนักพัฒนาอย่างต่อเนื่อง

ยิ่งไปกว่านั้น แผนการยกระดับเครือข่าย Ethereum ของ Vitalik Buterin ที่ตั้งเป้าเพิ่มประสิทธิภาพขึ้นถึง 10 เท่า ก็เป็นอีกปัจจัยสำคัญที่จะช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับเครือข่ายในอนาคต

นักวิเคราะห์กำลังจับตาดูว่า หาก Bitcoin ยังคงอยู่ในช่วงพักฐานต่อไป กระแสความเชื่อมั่นและเงินทุนที่ไหลเข้าสู่ ETH จะสามารถผลักดันให้ Ethereum สร้างปรากฏการณ์ใหม่และทำผลงานแซงหน้าพี่ใหญ่ของวงการได้สำเร็จหรือไม่

สรุป: ETH ส่งสัญญาณแรง ลุ้นแซง Bitcoin ด้าน Performance

จากข้อมูลทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นผลบวกจากการยื่น IPO ของ Circle, กระแสเงินทุนสถาบันที่ไหลเข้า Spot ETH ETF อย่างต่อเนื่องสวนทางกับ Bitcoin และความแข็งแกร่งของระบบนิเวศ DeFi และ Layer 2 ล้วนเป็นสัญญาณที่บอกเราว่า Ethereum กำลังมาแรง แม้การแซงหน้าในแง่มูลค่าตลาดอาจยังไม่เกิดขึ้นในเร็ววัน แต่ในด้านประสิทธิภาพและแรงดึงดูดของนักลงทุนสถาบัน ไตรมาสที่ 3 นี้อาจเป็นช่วงเวลาที่ ETH จะฉายแสงโดดเด่นและสร้างความเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในตลาดคริปโต

มุมมองนี้ได้รับการสนับสนุนจากผู้เชี่ยวชาญหลายคนที่ชี้ว่า ปี 2025 อาจเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของ Ethereum ที่จะผลักดันให้เหรียญไปสู่จุดสูงสุดใหม่ได้

Pimjai Visawakul

พิมพ์ใจ เป็น นักวิเคราะห์ตลาดการเงินที่มีประสบการณ์มากกว่า 8 ปี โดยเริ่มต้นจากการเป็น Day Trader ในตลาดหุ้นไทยก่อนจะเปลี่ยนมาโฟกัสที่ตลาดคริปโตเต็มตัวในปี 2018 ปัจจุบัน นอกจากงานเขียนแล้ว เธอยังเป็นที่ปรึกษาด้านการลงทุนดิจิทัลแอสเซ็ทให้กับกองทุนรวมหลายแห่ง และเป็นวิทยากรในงานประชุมระดับชาติอย่าง Asia Blockchain Summit พิมพ์ใจผสานความเข้าใจด้านจิตวิทยาการลงทุน การวิเคราะห์เทคนิค และพฤติกรรมตลาดเข้าด้วยกัน เพื่อสร้างเนื้อหาที่ช่วยให้ผู้อ่านเรียนรู้กลยุทธ์การเทรดที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ อ่านสัญญาณตลาดและจัดการความเสี่ยงได้อย่างเหมาะสม ไม่ใช่เพียงคาดเดาหรือใช้อารมณ์เท่านั้น