อีลอน มัสก์ (Elon Musk) มหาเศรษฐีเจ้าของ Tesla และ SpaceX ได้ผลักดันให้ Bitcoin (BTC) กลับมาอยู่ในสปอตไลท์ระดับโลกอีกครั้ง หลังจากประกาศจุดยืนสนับสนุน Bitcoin อย่างเต็มตัวผ่านพรรคการเมืองใหม่ ‘America Party’ พร้อมทวีตข้อความสั้นๆ แต่ทรงพลังว่า “เงินเฟียตสิ้นหวังแล้ว ใช่เลย” การประกาศครั้งนี้ส่งผลให้ราคา Bitcoin พุ่งทะยานสู่ระดับ 110,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ ก่อนปรับตัวลงมาอยู่ที่ 108100 ดอลลาร์สหรัฐฯ ในวันที่ 7 ก.ค. 2025 การเคลื่อนไหวทางการเมืองของมัสก์ครั้งนี้ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของวงการ Bitcoin หรือเป็นเพียงอีกหนึ่งพาดหัวข่าวที่สร้างความผันผวน? บทความนี้จะเจาะลึกถึงโอกาสและความเสี่ยงที่นักลงทุน Bitcoin ชาวไทยต้องจับตามอง

พรรค America Party: เดิมพันการเมืองที่ขับเคลื่อนด้วย Bitcoin
พรรค America Party ของอีลอน มัสก์ ถือกำเนิดขึ้นจากความขัดแย้งกับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เกี่ยวกับร่างกฎหมายงบประมาณมูลค่า 3.3 ล้านล้านดอลลาร์ ซึ่งมัสก์มองว่าจะทำลายเศรษฐกิจและเพิ่มหนี้สาธารณะของสหรัฐฯ ที่สูงถึง 37 ล้านล้านดอลลาร์อยู่แล้ว พรรคนี้จึงถูกวางตำแหน่งให้เป็นทางเลือกสายกลาง โดยมีเป้าหมายที่นั่งในสภาในการเลือกตั้งกลางเทอมปี 2026 จุดยืนที่น่าสนใจที่สุดคือการประกาศสนับสนุน Bitcoin อย่างชัดเจน ซึ่งสอดคล้องกับมุมมองของมัสก์ที่มีต่อสกุลเงินเฟียตมาโดยตลอด การสนับสนุน Bitcoin ครั้งนี้ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจเมื่อพิจารณาว่า Tesla ถือครอง Bitcoin มากถึง 11,509 BTC และ SpaceX ก็ถือครอง Bitcoin เช่นกัน
จุดยืนโปร Bitcoin ของพรรคใหม่นี้ได้รับการตอบรับอย่างล้นหลามในชุมชนคริปโต Samson Mow ผู้ก่อตั้ง Jan3 ถึงกับกล่าวว่านี่คือความได้เปรียบ “มหาศาล” ที่มัสก์มีเหนือทรัมป์ พร้อมเสนอให้ Tesla กลับมารับชำระเงินด้วย Bitcoin อีกครั้ง การเคลื่อนไหวนี้ถูกมองว่าเป็นสัญญาณ “Super Bullish” สำหรับอนาคตของ Bitcoin เนื่องจากเป็นการเชื่อมโยงสินทรัพย์ดิจิทัลเข้ากับการเมืองกระแสหลักโดยตรง ซึ่งอาจเป็นแรงส่งสำคัญให้ราคา Bitcoin ทะยานต่อไป
นอกเหนือจากการเคลื่อนไหวทางการเมืองและการถือครองในนามบริษัทแล้ว ความสนใจของมัสก์ยังขยายไปสู่การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีพื้นฐานของ Bitcoin ดังที่เห็นจาก โปรเจกต์ XChat ที่ใช้ Bitcoin เสริมความปลอดภัย ซึ่งตอกย้ำความเชื่อมั่นของเขาที่มีต่อศักยภาพของเครือข่ายนี้
วิเคราะห์โอกาสครั้งใหญ่ของนักลงทุน Bitcoin
การที่บุคคลทรงอิทธิพลอย่างอีลอน มัสก์ หันมาสนับสนุน Bitcoin อย่างเป็นทางการ ถือเป็นการเปิดประตูสู่โอกาสมากมายสำหรับนักลงทุนไทย ท่ามกลางวิกฤตหนี้สินของสหรัฐฯ ที่ทวีความรุนแรงขึ้น การมีอยู่ของ Bitcoin ซึ่งมีอุปทานจำกัดเพียง 21 ล้านเหรียญ ทำให้มันกลายเป็นสินทรัพย์ป้องกันความเสี่ยงจากภาวะเงินเฟ้อและการด้อยค่าของเงินสกุลหลักได้อย่างดีเยี่ยม สิ่งนี้อาจดึงดูดนักลงทุนรายย่อยและสถาบันให้หันมาสนใจ Bitcoin มากขึ้น และมีโอกาสผลักดันราคาให้มุ่งสู่เป้าหมายที่ $150,000 ได้
กระแสความสนใจจากนักลงทุนสถาบันนี้ยังสะท้อนให้เห็นผ่านผลิตภัณฑ์ทางการเงินอื่นๆ เช่น ความสำเร็จของ Bitcoin ETF จาก BlackRock ที่แสดงให้เห็นถึงความเชื่อมั่นและการยอมรับ Bitcoin ในตลาดการเงินกระแสหลักที่เพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน
นอกจากนี้ การเรียกร้องให้ Tesla และ SpaceX กลับมารับชำระเงินด้วย Bitcoin อาจเป็นตัวกระตุ้นให้บริษัทใหญ่ในไทยพิจารณาการนำ Bitcoin มาใช้เป็นสินทรัพย์คงคลังหรือเป็นช่องทางการชำระเงิน ซึ่งจะช่วยเพิ่มอุปสงค์และสภาพคล่องให้กับ Bitcoin ในตลาดไทยอย่างมีนัยสำคัญ ยิ่งไปกว่านั้น ความสนใจของมัสก์ในเทคโนโลยี Layer-2 อย่าง Lightning Network เพื่อใช้ทำธุรกรรมบนดาวอังคาร ยังเป็นการส่งสัญญาณถึงศักยภาพในการขยายขนาดของเครือข่าย Bitcoin ซึ่งอาจสร้างโอกาสการลงทุนในสตาร์ทอัพที่พัฒนาโซลูชันเหล่านี้ในประเทศไทยได้อีกด้วย การเติบโตของ Bitcoin ในครั้งนี้จึงน่าจับตาอย่างยิ่ง
ความเสี่ยงที่นักลงทุน Bitcoin ต้องระวัง หลัง Musk ลงสนามการเมือง
แม้ว่าข่าวนี้จะสร้างความตื่นเต้น แต่ความผันผวนก็เป็นสิ่งที่นักลงทุน Bitcoin ต้องเตรียมพร้อมรับมือ อีลอน มัสก์ มีประวัติความสัมพันธ์แบบ ‘รักๆ เลิกๆ’ กับ Bitcoin ดังที่เห็นในปี 2021 ที่เขาทวีตว่าราคา Bitcoin “สูงเกินไป” และสั่งระงับการชำระเงินด้วย Bitcoin ของ Tesla จนทำให้ตลาดร่วงอย่างหนัก นักลงทุนจึงควรเตรียมพร้อมสำหรับความผันผวนที่อาจเกิดขึ้นหากจุดยืนของเขาเปลี่ยนแปลงไปอีกครั้ง
ในด้านการเมือง พรรค America Party ยังคงมีความไม่แน่นอนสูง การจัดตั้งพรรคอาจไม่สามารถทำได้จริง หรืออาจไม่ได้รับที่นั่งในสภาตามที่คาดหวัง ซึ่งจะทำให้การผลักดันนโยบายที่เอื้อต่อ Bitcoin เป็นไปได้ยาก นอกจากนี้ วิกฤตการคลังของสหรัฐฯ อาจนำไปสู่การออกกฎระเบียบที่เข้มงวดกับคริปโตเคอร์เรนซีมากขึ้น ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อนโยบายที่เปิดกว้างของไทยได้เช่นกัน นักลงทุน Bitcoin จึงจำเป็นต้องติดตามสถานการณ์การเมืองและกฎระเบียบอย่างใกล้ชิด เพื่อประเมินความเสี่ยงที่มีต่อพอร์ตการลงทุนใน Bitcoin ของตนเอง
BTCBULL: เหรียญมีมแจก Bitcoin จริง โอกาสสุดท้ายก่อนลิสต์!
จากการวิเคราะห์แนวโน้มขาขึ้นของ Bitcoin ที่ได้รับแรงหนุนจากบุคคลสำคัญระดับโลก นักลงทุนจำนวนมากจึงเริ่มมองหาโอกาสใน Altcoin ที่เชื่อมโยงกับการเติบโตของ Bitcoin โดยตรง และหนึ่งในโปรเจกต์ที่น่าจับตาที่สุดในขณะนี้คือ Bitcoin Bull Token ($BTCBULL) ซึ่งเป็น Meme Coin แนวใหม่ที่ให้รางวัลผู้ถือเป็น Bitcoin จริงทุกครั้งที่ราคา BTC แตะหมุดหมายสำคัญ
BTCBULL ไม่ใช่แค่เหรียญมีมทั่วไป แต่มี Utility ที่จับต้องได้ โดยมีเป้าหมายเพื่อผลักดันให้ราคา Bitcoin พุ่งสู่ $1,000,000 ผ่านกลไกการเผาโทเค็นและการแจกรางวัล BTC จริงแก่ผู้ถือ ปัจจุบันโครงการระดมทุนได้แล้วกว่า $8.5 ล้าน และได้เผาโทเค็นไปแล้ว 35% ของอุปทานทั้งหมด ทำให้อุปทานในระบบลดลงอย่างถาวร ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่อาจทำให้ราคาพุ่งสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญหลังการลิสต์บนกระดานเทรด นักวิเคราะห์จาก 99Bitcoins ประเมินว่า BTCBULL มีโอกาสเติบโตถึง 10 เท่าตั้งแต่วันแรกที่เปิดเทรด และอาจพุ่งได้ถึง 28 เท่าหาก Market Cap แตะระดับ $1 พันล้าน
เป้าหมายราคา BTCBULL
นี่คือโอกาสสุดท้ายในการเข้าซื้อที่ราคาพรีเซล ก่อนที่โครงการจะลิสต์บนกระดานเทรดในอีกไม่ถึง 48 ชั่วโมงข้างหน้า ซึ่งอาจเป็นโอกาสทำกำไรที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่เชื่อมั่นในการเติบโตของ Bitcoin ในระยะยาว
กลยุทธ์สำหรับนักลงทุนไทย: ทำอย่างไรกับ Bitcoin ตอนนี้?
เพื่อรับมือกับสถานการณ์ที่ทั้งเต็มไปด้วยโอกาสและความเสี่ยงของ Bitcoin นักลงทุนไทยควรมีกลยุทธ์ที่ชัดเจน ประการแรกคือการกระจายความเสี่ยงอย่างมีแบบแผน โดยอาจจัดสรรเงินลงทุน 5-10% ของพอร์ตมาที่ Bitcoin และป้องกันความเสี่ยงด้วยสินทรัพย์อื่น เช่น Stablecoins หรือทองคำ เพื่อลดผลกระทบจากความผันผวนที่รุนแรงของตลาด Bitcoin
นอกเหนือจากการวางกลยุทธ์การลงทุนแล้ว คำถามพื้นฐานที่นักลงทุนหลายคนสงสัยคือ การลงทุนบิทคอยน์ตอนนี้ยังทันอยู่หรือไม่ ซึ่งการวิเคราะห์แนวโน้มราคาในอนาคตจะช่วยให้ตัดสินใจได้ง่ายขึ้น
ประการที่สองคือการตรวจสอบข้อมูลอย่างรอบคอบ โดยเฉพาะข่าวสารจากโซเชียลมีเดีย ควรเปรียบเทียบข้อมูลจากแหล่งข่าวที่น่าเชื่อถือเสมอเพื่อหลีกเลี่ยงการตัดสินใจที่ผิดพลาดจากข่าวลือ นอกจากนี้ การติดตามสถานการณ์การเมืองและการคลังของสหรัฐฯ อย่างใกล้ชิดจะช่วยให้นักลงทุนประเมินทิศทางตลาด Bitcoin ในภาพรวมได้ดีขึ้น สุดท้ายคือการตั้งเป้าหมายราคาที่ชัดเจน ทั้งจุดทำกำไร เช่น เมื่อราคา Bitcoin ทะลุ $120,000 และจุดตัดขาดทุน (Stop-loss) เพื่อบริหารความเสี่ยงหากตลาด Bitcoin มีการปรับฐาน
สรุป: จุดยืนของ Elon Musk อาจเปลี่ยนเกม Bitcoin ครั้งใหญ่
การที่อีลอน มัสก์ นำพรรค America Party เข้ามาในสนามการเมืองพร้อมชูธงสนับสนุน Bitcoin ท่ามกลางวิกฤตหนี้สินของสหรัฐฯ ถือเป็นเหตุการณ์ที่อาจเปลี่ยนนิยามของคริปโตเคอร์เรนซีในเวทีการเงินโลก สำหรับนักลงทุนไทย นี่คือโอกาสสำคัญในการเกาะกระแสขาขึ้นของ Bitcoin และใช้ประโยชน์จากระบบนิเวศคริปโตที่เปิดกว้างของประเทศ อย่างไรก็ตาม ความผันผวนที่เกิดจากตัวมัสก์เอง ความไม่แน่นอนทางการเมือง และข่าวสารที่ต้องคัดกรอง ล้วนเป็นปัจจัยที่ต้องใช้ความระมัดระวังอย่างสูง การสร้างสมดุลระหว่างการคว้าโอกาสและการบริหารความเสี่ยงอย่างมีวินัย คือกุญแจสำคัญที่จะทำให้นักลงทุนสามารถสร้างความมั่งคั่งจากอนาคตของ Bitcoin ที่อีลอน มัสก์ กำลังวาดฝันไว้ได้สำเร็จ
พิชญา รัตนวงศ์ เป็นนักข่าวและนักวิเคราะห์ด้านคริปโตเคอเรนซีและเทคโนโลยีบล็อกเชน ผู้มีความเชี่ยวชาญในการถ่ายทอดข้อมูลที่ซับซ้อนให้เข้าใจง่ายสำหรับผู้อ่านทุกระดับ ไม่ว่าจะเป็นนักลงทุนมือใหม่หรือผู้เชี่ยวชาญในวงการ ด้วยประสบการณ์กว่า 8 ปีในสายงานข่าวการเงินดิจิทัลและการกำกับดูแล Web3 พิชญาเคยร่วมงานกับทั้งสื่อในประเทศและต่างประเทศ เช่น Bangkok Biz, Asia Blockchain Review และ BeInCrypto
เธอมุ่งมั่นในการเชื่อมโยงข้อมูลข่าวสารระหว่างผู้กำหนดนโยบาย ผู้พัฒนาเทคโนโลยี และนักลงทุน พร้อมส่งเสริมความรู้ความเข้าใจเรื่องกฎระเบียบคริปโตในบริบทไทย-อาเซียน ผลงานของเธอมีจุดเด่นด้านการวิเคราะห์ข่าว DeFi การลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัล และการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของ Web3 ที่กำลังเปลี่ยนโฉมเศรษฐกิจดิจิทัลของภูมิภาค