หมัดต่อหมัด! Dogecoin vs Solana — วิเคราะห์โอกาสกำไร 100x

ในตลาดคริปโตที่เต็มไปด้วยโอกาสทำกำไร นักลงทุนมักตั้งคำถามว่าเหรียญใดจะเติบโตได้ถึง 100 เท่า? Dogecoin และ Solana เป็น 2 ตัวเลือกที่ถูกเปรียบเทียบบ่อยครั้ง 

Dogecoin ขับเคลื่อนด้วยกระแสชุมชนออนไลน์เป็นหลักและ Solana มีเทคโนโลยีบล็อกเชนความเร็วสูงและโครงสร้างแข็งแกร่ง

บทความนี้วิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานและโอกาสของทั้ง 2 เหรียญ เพื่อพิจารณาว่าเหรียญใดมีแนวโน้มสร้างผลตอบแทนมหาศาลได้มากกว่ากันในอนาคต

Dogecoin กับความท้าทายด้านปัจจัยพื้นฐาน

Dogecoin มีจุดแข็งที่แตกต่างจากเหรียญอื่น โดยไม่ได้เน้นเทคโนโลยีล้ำสมัยแต่โดดเด่นด้วยพลังของชุมชนและวัฒนธรรมมีมที่แข็งแกร่ง 

การถูกพูดถึงจากบุคคลมีชื่อเสียง เช่น อีลอน มัสก์ (Elon Musk) ส่งผลให้ราคาพุ่งขึ้นได้อย่างรวดเร็ว อย่างไรก็ตาม จุดแข็งนี้ก็เป็นดาบสองคมเพราะราคาที่ขึ้นอยู่กับกระแสอาจมีความผันผวนสูง

ข้อเสียสำคัญของ Dogecoin คือขาดการใช้งานจริง และการพัฒนาด้านเทคโนโลยีที่ค่อนข้างหยุดนิ่ง มีนักพัฒนาบนเครือข่ายจำนวนน้อยเมื่อเทียบกับเหรียญอื่น เช่น Solana 

อีกทั้ง Dogecoin ยังไม่มีการจำกัดจำนวนเหรียญสูงสุด ทำให้เหรียญสามารถผลิตออกมาได้ไม่จำกัดซึ่งอาจส่งผลต่อมูลค่าในระยะยาว 

การลงทุนใน Dogecoin จึงถือเป็นการเดิมพันกับกระแสสังคมและความเชื่อมั่นของตลาดมากกว่าการลงทุนในเทคโนโลยีหรือแผนพัฒนาในอนาคต

Solana บล็อกเชนที่มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง

Solana ได้รับการขนานนามว่าเป็น ‘Ethereum Killer’ ด้วยจุดแข็งด้านประสิทธิภาพทางเทคนิคที่เหนือกว่า 

Solana สามารถประมวลผลธุรกรรมได้สูงถึง 65,000 รายการต่อวินาที โดยมีค่าธรรมเนียมเฉลี่ยเพียง 0.00025 ดอลลาร์ซึ่งถูกกว่า Ethereum หลายพันเท่า 

ข้อได้เปรียบนี้ดึงดูดนักพัฒนาและผู้ใช้งานจำนวนมากให้เข้ามาใช้งานเครือข่าย

ข้อมูลบนเครือข่ายยืนยันถึงการเติบโตของ Solana โดยในเดือนมิถุนายนมีจำนวน Active Wallet Address สูงถึง 116.4 ล้านบัญชี และจำนวนนักพัฒนาบนเครือข่ายเพิ่มขึ้นถึง 83% สะท้อนถึงการขยายตัวของระบบนิเวศทั้งด้าน DeFi, NFT และเหรียญมีม 

ความเคลื่อนไหวเหล่านี้ชี้ว่าการเติบโตของ Solana มีพื้นฐานที่แข็งแกร่งและยั่งยืน แตกต่างจาก Dogecoin ที่เน้นกระแสและชุมชนเป็นหลัก

ความจริงเรื่องผลตอบแทน 100 เท่า: Dogecoin และ Solana เป็นไปได้แค่ไหน?

หากตั้งเป้าหมายผลตอบแทน 100 เท่า เราต้องพิจารณาตามหลักความเป็นจริง 

ปัจจุบันมูลค่าตลาดของ Solana อยู่ที่ประมาณ 88,000 ล้านดอลลาร์ หากราคาจะเพิ่มขึ้น 100 เท่า หมายถึงมูลค่าตลาดต้องพุ่งถึง 8.8 ล้านล้านดอลลาร์ ซึ่งสูงกว่ามูลค่าของ Bitcoin และใกล้เคียงกับตลาดทองคำทั้งโลก ซึ่งเป็นตัวเลขที่แทบเป็นไปไม่ได้ในทางปฏิบัติ

ในทำนองเดียวกัน Dogecoin ซึ่งมีมูลค่าตลาดราว 38,000 ล้านดอลลาร์ หากเติบโต 100 เท่า จะต้องแตะระดับ 3.8 ล้านล้านดอลลาร์ ซึ่งไม่สมเหตุสมผลสำหรับเหรียญที่ไม่มีเทคโนโลยีรองรับอย่างชัดเจน

แม้ทั้ง 2 เหรียญอาจยังเติบโตได้อีกในอนาคต แต่โอกาสในการให้ผลตอบแทน 100 เท่านั้นต่ำมาก 

นักลงทุนที่มองหาโอกาสลักษณะนี้มักต้องหันไปสนใจเหรียญขนาดเล็กที่ยังอยู่ในช่วงเริ่มต้นมากกว่า

TOKEN6900 เหรียญมาใหม่ที่มีโอกาสเด้ง 100 เท่า

ดูเหมือนว่า TOKEN6900 อาจจะเป็นเหรียญคริปโตที่ตอบโจทย์สำหรับนักลงทุนที่กำลังมองหาโอกาสที่จะได้รับผลตอบแทน 100 เท่า 

TOKEN6900 เป็นเหรียญคริปโตมาใหม่ที่กำลังเปิดขายพรีเซล โครงการได้ประกาศออกมาว่าไม่มีประโยชน์ใช้งาน ไม่มีแผนงานพัฒนา และไม่มีเทคโนโลยี แต่จุดเด่นอยู่ที่จำนวนโทเค็นทั้งหมดที่มีเพียง 930,993,091 โทเค็นเท่านั้นและถูกกำหนดให้มีอุปทานจำกัดอย่างถาวร หมายความว่าไม่สามารถสร้างโทเค็นเพิ่มได้ในอนาคต

ราคาพรีเซลของ TOKEN6900 เริ่มต้นที่เพียง 0.00665 ดอลลาร์ ซึ่งเปิดโอกาสให้ราคามีศักยภาพในการพุ่งขึ้นหลายเท่าอย่างรวดเร็ว

ขณะนี้การขายรอบพรีเซลกำลังเปิดให้เข้าร่วม โดยราคาจะปรับสูงขึ้นทุกๆ 2-3 วันจนกว่าจะสิ้นสุดการขายและลิสต์โทเค็นบนกระดานเทรด

หากต้องการเข้าถือครองในราคาที่คุ้มกว่า นี่คือเวลาที่เหมาะที่สุดในการเข้าร่วมพรีเซลของ TOKEN6900!

ผู้ที่สนใจสามารถเรียนรู้รายละเอียดโครงการ TOKEN6900 เพิ่มเติมและวิธีการซื้อโทเค็นอย่างละเอียดได้ที่นี่

Sukrit Wittaya

สุกฤษ วิทยา เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านบล็อกเชนและสินทรัพย์ดิจิทัลที่คร่ำหวอดในวงการมากว่า 10 ปี เขาเริ่มต้นจากการพัฒนาแอปพลิเคชันด้านฟินเทคก่อนจะหันมาให้ความสนใจในการถ่ายทอดความรู้เกี่ยวกับเทคโนโลยีบล็อกเชนและสกุลเงินดิจิทัลในช่วงปี 2017 ผ่านการเขียนบล็อก ปัจจุบัน สุกฤษเป็นทั้งนักวิเคราะห์เทคโนโลยี Web3 นักเขียน และที่ปรึกษาด้านกลยุทธ์การลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลให้กับทั้งสตาร์ทอัปและองค์กรภาครัฐ ผลงานของเขามุ่งเน้นที่การเชื่อมโยงระหว่างเทคโนโลยีกับการใช้งานจริงในโลกการเงิน โดยเฉพาะการอธิบายแนวคิดซับซ้อนให้เข้าใจง่าย พร้อมทั้งนำเสนอบทวิเคราะห์ที่ช่วยให้ผู้อ่านมองเห็นโอกาสและความเสี่ยงในระบบเศรษฐกิจดิจิทัลอย่างรอบด้าน