Dogecoin พุ่งขึ้นอีกครั้งหลัง Elon Musk ขอโทษ Donald Trump

ราคา Dogecoin (DOGE) เหรียญมีมชื่อดัง ดีดตัวขึ้นกว่า 6% ในช่วงเวลาสั้นๆ หลังจากที่ Elon Musk ซีอีโอของ Tesla และ X ได้ออกมาทวีตข้อความขอโทษต่ออดีตประธานาธิบดี Donald Trump อย่างเป็นทางการ เหตุการณ์นี้ตอกย้ำให้เห็นว่าราคาของเหรียญมีมนั้นอ่อนไหวต่อคำพูดและการกระทำของบุคคลผู้มีอิทธิพลเพียงใด

วิเคราะห์สาเหตุ Dogecoin ร่วง 22% จากความขัดแย้ง Musk-Trump

จุดเริ่มต้นของความผันผวนครั้งนี้เกิดจากความขัดแย้งที่เปิดเผยต่อสาธารณะระหว่าง Elon Musk และ Donald Trump ในช่วงกลางเดือนมิถุนายน 2025 โดย Musk ได้วิพากษ์วิจารณ์ร่างกฎหมายการใช้จ่ายของรัฐบาลกลางที่เสนอโดย Trump อย่างรุนแรงว่าเป็น “สิ่งที่น่ารังเกียจซึ่งจะทำให้หนี้ของประเทศชาติเลวร้ายลง”

ความตึงเครียดทวีความรุนแรงขึ้นเมื่อ Musk กล่าวอ้างอย่างไม่เป็นความจริงว่าชื่อของ Trump ปรากฏอยู่ใน “เอกสารเอ็ปสไตน์” (Epstein File) ซึ่งส่งผลกระทบเชิงลบอย่างหนักต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนในสินทรัพย์ที่เชื่อมโยงกับเขา โดยเฉพาะ Dogecoin ที่มีความสัมพันธ์อย่างใกล้ชิดกับ Musk มาโดยตลอด ส่งผลให้ราคา DOGE ดิ่งลงอย่างหนักถึง 10% ในวันที่ 5 มิถุนายน และมียอดขาดทุนสะสมตลอดทั้งสัปดาห์สูงถึง 22% ซึ่งพิสูจน์ให้เห็นว่า Dogecoin เป็นสินทรัพย์ที่ขับเคลื่อนด้วยความรู้สึก (Sentiment-driven) อย่างแท้จริง

Dogecoin พุ่งสวนตลาด! หลัง Musk ทวีตขอโทษ Trump

อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ได้พลิกกลับอย่างรวดเร็วในวันที่ 11 มิถุนายน เมื่อ Elon Musk ได้ทวีตข้อความยอมรับว่าเขา “เสียใจกับโพสต์บางส่วนเกี่ยวกับประธานาธิบดี @realDonaldTrump เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว พวกมันไปไกลเกินไป” คำขอโทษนี้ได้สร้างความโล่งใจให้กับตลาดในทันที

ผลลัพธ์คือราคาของ Dogecoin ดีดตัวกลับขึ้นมามากกว่า 6% สะท้อนให้เห็นว่าความกังวลของนักลงทุนได้คลี่คลายลง นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่คำพูดของ Musk ส่งผลต่อราคา DOGE ก่อนหน้านี้การประกาศยอมรับ DOGE เป็นช่องทางการชำระเงินของ Tesla ก็เคยทำให้ราคาพุ่งสูงมาแล้ว เหตุการณ์ล่าสุดนี้จึงเป็นเครื่องยืนยันว่านักลงทุนในตลาดเหรียญมีมยังคงต้องจับตาดูทุกการเคลื่อนไหวของบุคคลสำคัญเหล่านี้อย่างใกล้ชิด

นอกจากการติดตามข่าวสารจากบุคคลสำคัญแล้ว การวิเคราะห์ทางเทคนิคก็เป็นอีกปัจจัยที่ช่วยคาดการณ์ทิศทางราคาได้ โดยล่าสุดมี นักวิเคราะห์แนะจับตาแนวต้านสำคัญของ Dogecoin ซึ่งอาจเป็นตัวชี้วัดรอบต่อไปของเหรียญมีมนี้

จับตา Snorter Bot เครื่องมือใหม่รับมือตลาด Dogecoin ผันผวน

จากกรณีของ Dogecoin จะเห็นได้ว่าตลาดเหรียญมีมมีความผันผวนสูงมากและต้องการการตัดสินใจที่รวดเร็ว ทำให้นักลงทุนจำนวนมากเริ่มหันมาสนใจเครื่องมือเทรดที่ใช้ปัญญาประดิษฐ์ (AI) เพื่อสร้างความได้เปรียบ หนึ่งในเครื่องมือที่กำลังเป็นที่จับตามองคือ “Snorter Bot (SNORT)” ซึ่งเป็นบอทเทรดบน Telegram ที่ออกแบบมาเพื่อการซื้อขายเหรียญมีมอัตโนมัติบนหลายเชน ทั้ง Solana (SOL) และ Ethereum (ETH)

Snorter Bot สร้างความฮือฮาด้วยการระดมทุนในรอบพรีเซลได้มากกว่า 650,000 ดอลลาร์ภายในเวลาเพียง 2 สัปดาห์ จุดเด่นของมันคือค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรมที่ต่ำที่สุดในอุตสาหกรรมเพียง 0.85% และผลตอบแทนจากการ Staking ที่เคยพุ่งสูงถึง 700% ต่อปี นอกจากนี้ยังผ่านการตรวจสอบความปลอดภัยจาก SolidProof ทำให้นักวิเคราะห์บางส่วนคาดการณ์ว่า SNORT อาจมีศักยภาพเติบโตได้ถึง 100 เท่าในอนาคต กลายเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับนักลงทุนที่ต้องการคว้าโอกาสในตลาดที่มีความเสี่ยงสูง

ในขณะที่นักลงทุนบางส่วนมองหาเครื่องมือช่วยเทรด ก็มีอีกกลุ่มที่เริ่มกระจายความเสี่ยงไปยังเหรียญอื่น ๆ โดยมีรายงานว่า วาฬ Dogecoin บางส่วนได้ย้ายเงินทุนไปซบ Solaxy ซึ่งเป็นโปรเจกต์ใหม่ที่น่าจับตาบนเชน Solana

สรุป: อิทธิพล Musk-Trump ชี้ชะตา Dogecoin และทิศทางตลาดมีม

เหตุการณ์ความผันผวนของราคา Dogecoin ครั้งนี้เป็นบทพิสูจน์ที่ชัดเจนว่า อนาคตของเหรียญมีมยังคงผูกติดอยู่กับคำพูดและการกระทำของบุคคลผู้มีอิทธิพลอย่าง Elon Musk และความสัมพันธ์ของเขากับบุคคลสำคัญอย่าง Donald Trump อย่างแยกไม่ออก แม้ความผันผวนนี้จะสร้างโอกาสในการทำกำไรมหาศาล แต่ก็มาพร้อมกับความเสี่ยงที่สูงมากเช่นกัน การเกิดขึ้นของเครื่องมืออย่าง Snorter Bot อาจเป็นตัวช่วยในการจัดการความเสี่ยง แต่ท้ายที่สุดแล้ว นักลงทุนควรศึกษาข้อมูลและตัดสินใจด้วยความรอบคอบเสมอ

อย่างไรก็ตาม ท่ามกลางความผันผวนนี้ ก็ยังมีมุมมองเชิงบวกอย่างยิ่งต่ออนาคตของ Dogecoin โดยมี นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า Dogecoin อาจแตะ 10 ดอลลาร์ ในรอบวัฏจักรขาขึ้นครั้งต่อไป ซึ่งสร้างความหวังให้กับผู้ถือเหรียญจำนวนมาก

Sukrit Wittaya

สุกฤษ วิทยา เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านบล็อกเชนและสินทรัพย์ดิจิทัลที่คร่ำหวอดในวงการมากว่า 10 ปี เขาเริ่มต้นจากการพัฒนาแอปพลิเคชันด้านฟินเทคก่อนจะหันมาให้ความสนใจในการถ่ายทอดความรู้เกี่ยวกับเทคโนโลยีบล็อกเชนและสกุลเงินดิจิทัลในช่วงปี 2017 ผ่านการเขียนบล็อก ปัจจุบัน สุกฤษเป็นทั้งนักวิเคราะห์เทคโนโลยี Web3 นักเขียน และที่ปรึกษาด้านกลยุทธ์การลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลให้กับทั้งสตาร์ทอัปและองค์กรภาครัฐ ผลงานของเขามุ่งเน้นที่การเชื่อมโยงระหว่างเทคโนโลยีกับการใช้งานจริงในโลกการเงิน โดยเฉพาะการอธิบายแนวคิดซับซ้อนให้เข้าใจง่าย พร้อมทั้งนำเสนอบทวิเคราะห์ที่ช่วยให้ผู้อ่านมองเห็นโอกาสและความเสี่ยงในระบบเศรษฐกิจดิจิทัลอย่างรอบด้าน