Dogecoin เสี่ยงร่วงหนักหากหลุดแนวรับ – แต่ถ้ายืนได้อาจพุ่งแรง!

วันที่ 21 มิถุนายน 2025 นักวิเคราะห์คริปโตนามแฝง Crypto Sat ได้ตรวจพบ “สัญญาณการกลับตัว” บนกราฟราย 2 ชั่วโมงของ Dogecoin ซึ่งบ่งชี้ว่าการปรับฐานลงแรงในช่วงหลังอาจไม่ส่งผลกระทบต่อแนวโน้มราคาระยะสั้นมากนัก

นักวิเคราะห์กล่าวว่าสัญญาณดังกล่าวปรากฏขึ้นในขณะที่ Dogecoin กำลังทดสอบแนวรับทางเทคนิคสำคัญ ซึ่งเคยเป็นจุดกลับตัวในช่วงกลางเดือนเมษายนและเกิดการพุ่งขึ้นอย่างรุนแรงในช่วงกลางเดือนพฤษภาคม แต่ต่อมาราคาได้ลดลงกว่า -30% จนย้อนกลับมาทดสอบแนวรับระดับเดิมอีกครั้ง

รูปแบบการกลับตัวบนกราฟ 2 ชั่วโมงอาจพลิกทิศราคา

จากการวิเคราะห์ล่าสุดของ Crypto Sat บน X ราคาของ Dogecoin กำลังส่งสัญญาณการเข้าสู่ช่วงการสะสม เพราะกราฟเริ่มมีการก่อตัวของแท่งเทียนเป็นรูปแบบ “Double Bottom” ซึ่งเป็นหนึ่งในรูปแบบการกลับตัวที่พบได้บ่อยในทางเทคนิค

หากแนวโน้มนี้เกิดขึ้นจริง Dogecoin ก็จะมีโอกาสจะกลับเข้าสู่แนวโน้มขาขึ้นในระยะสั้น โดยจุดแรกอาจเกิดขึ้นบริเวณ 0.168 ดอลลาร์ ซึ่งเป็นจุดที่อาจจูงใจให้นักลงทุนกลับเข้าซื้ออีกครั้งหลังจากการเทขายรุนแรง

เขาชี้ว่าหาก Dogecoin เกิดการดีดตัวขึ้นจากระดับดังกล่าวอีกครั้งโดยมีปริมาณการซื้อขายรายวันจำนวนมากเข้ามาสนับสนุน ซึ่งเขามองว่านี่อาจเป็นสัญญาณกระทิงในระยะแรก 

อย่างไรก็ตาม จุดสำคัญที่ยังคงจับตาคือแนวต้านบริเวณ 0.20 ดอลลาร์ซึ่งทำหน้าที่เป็น Neckline ของรูปแบบ Double Bottom

ในทางกลับกัน หาก Dogecoin หลุดต่ำกว่าระดับ 0.165 ดอลลาร์ นี่จะสะท้อนว่าแรงขายยังคงมีอยู่และขาลงจะคงดำเนินต่อไป 

มุมมองภาพรวม: จับตาแนวรับ 0.168 ดอลลาร์

เมื่อพิจารณาในมุมมองระยะยาว ระดับราคา 0.168 ดอลลาร์ถือเป็นแนวรับที่มีความสำคัญของ Dogecoin เพราะเคยปรากฏเป็นแนวรับบนกราฟหลายครั้งตลอดปี 2024 โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงการฟื้นตัวของตลาดเมื่อกลางเดือนเมษายนที่ผ่านมา

แนวรับดังกล่าวยังอยู่ในบริเวณจุดตัดของ Descending Channel ซึ่งทำหน้าที่เป็น “ด้ามถ้วย” ของรูปแบบกราฟแบบ Cup and Handle ในกรอบเวลา 4 ปี โดยเป็นโซนที่อาจเอื้อต่อการเกิดการทะลุแนวต้านหรือหลุดแนวรับในเชิงเทคนิค

หากรูปแบบนี้เกิดขึ้นจริง เป้าหมายสูงสุดจะอยู่ที่ประมาณ 0.75 ดอลลาร์ซึ่งสอดคล้องกับระดับ Fibonacci 1.618

อย่างไรก็ตาม ทิศทางขาขึ้นนี้จะเกิดขึ้นได้ต่อเมื่อแนวรับ 0.168 ดอลลาร์ยังคงอยู่ และตัวชี้วัดโมเมนตัมต้องเริ่มฟื้นตัว 

ปัจจุบันเส้น MACD ยังคงต่ำกว่าเส้นสัญญาณ (หลังเกิด Death Cross เมื่อต้นเดือนมิถุนายน) และ RSI ลดลงต่ำกว่าระดับกลาง อยู่ที่ประมาณ 42 แสดงถึงแรงซื้อที่อ่อนแอลง

หาก Dogecoin หลุดระดับ 0.168 ดอลลาร์ก็จะเข้าสู่ Gap Area ซึ่งเป็นบริเวณที่มีปริมาณซื้อขายรายวันที่น้อยมาก และอาจทำให้ราคาปรับตัวลงไปอีกโดยแนวรับถัดไปอาจอยู่ที่ประมาณ 0.09 ดอลลาร์

อีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ต้องจับตาคือ ETF Dogecoin ซึ่งหากได้รับอนุมัติ อาจเป็นตัวเร่งสำคัญในการดึงดูดเม็ดเงินจากนักลงทุนแบบดั้งเดิม

ขอบคุณข้อมูลจาก https://cryptonews.com/news/dogecoin-price-prediction-liftoff-imminent-as-classic-reversal-pattern-forms/

Bitcoin Hyper อาจเป็นตัวเลือกที่ดีกว่า

นักลงทุนที่มุ่งเน้นเหรียญเก็งกำไรอย่าง Dogecoin อาจจำเป็นต้องทบทวนกลยุทธ์การลงทุนอีกครั้ง เมื่อระบบนิเวศของ Bitcoin เริ่มมีการพัฒนาเพื่อตอบโจทย์ข้อจำกัดดั้งเดิมที่มีมาอย่างยาวนาน ทั้งในด้านความล่าช้า ค่าธรรมเนียมที่สูง และข้อจำกัดในการพัฒนาแอปพลิเคชัน

การเปลี่ยนแปลงนี้เริ่มต้นด้วย Bitcoin Hyper ($HYPER) ซึ่งเป็น Layer-2 ตัวแรกของ Bitcoin ที่มอบความเร็วในระดับเดียวกับ Solana และรองรับ Smart Contract ภายใต้ระบบนิเวศ Bitcoin โดยตรง

$HYPER ขับเคลื่อนด้วย Solana Virtual Machine และเชื่อมต่อกับระบบ Bitcoin อย่างปลอดภัยผ่าน Canonical Bridge แบบกระจายศูนย์ ทำให้สามารถพัฒนา dApp ได้อย่างรวดเร็ว ต้นทุนต่ำ และสามารถรวมฟังก์ชันต่าง ๆ ได้อย่างยืดหยุ่น

ในช่วง 3 สัปดาห์แรกของการขายรอบพรีเซล $HYPER ระดมทุนได้มากกว่า 1 ล้านดอลลาร์ ซึ่งนักวิเคราะห์บางคนมองว่าน่าจะมาจากแรงจูงใจจากผลตอบแทนการ Stake ที่สูงถึง 651% APY ที่ดึงดูดนักลงทุนในช่วงแรก

ด้วยคุณสมบัติสุดล้ำเหล่านี้ $HYPER อาจเป็นโอกาสทองสำหรับนักลงทุนที่กำลังมองหาเหรียญคริปโตมาใหม่และมีศักยภาพในการเติบโตสูง!

เรียนรู้วิธีการซื้อ $HYPER อย่างละเอียดได้ที่นี่

Sukrit Wittaya

สุกฤษ วิทยา เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านบล็อกเชนและสินทรัพย์ดิจิทัลที่คร่ำหวอดในวงการมากว่า 10 ปี เขาเริ่มต้นจากการพัฒนาแอปพลิเคชันด้านฟินเทคก่อนจะหันมาให้ความสนใจในการถ่ายทอดความรู้เกี่ยวกับเทคโนโลยีบล็อกเชนและสกุลเงินดิจิทัลในช่วงปี 2017 ผ่านการเขียนบล็อก ปัจจุบัน สุกฤษเป็นทั้งนักวิเคราะห์เทคโนโลยี Web3 นักเขียน และที่ปรึกษาด้านกลยุทธ์การลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลให้กับทั้งสตาร์ทอัปและองค์กรภาครัฐ ผลงานของเขามุ่งเน้นที่การเชื่อมโยงระหว่างเทคโนโลยีกับการใช้งานจริงในโลกการเงิน โดยเฉพาะการอธิบายแนวคิดซับซ้อนให้เข้าใจง่าย พร้อมทั้งนำเสนอบทวิเคราะห์ที่ช่วยให้ผู้อ่านมองเห็นโอกาสและความเสี่ยงในระบบเศรษฐกิจดิจิทัลอย่างรอบด้าน