Home » CryptoQuant เตือนแรง! พอร์ต Bitcoin ของ Strategy เสี่ยงต้องเทขาย

CryptoQuant เตือนแรง! พอร์ต Bitcoin ของ Strategy เสี่ยงต้องเทขาย

13.07.2025 9:51 2 นาทีที่อ่าน Phitchaya Rattanavong
Disclosure

บทความนี้อาจมีลิงก์พันธมิตร ซึ่งทางเว็บไซต์อาจได้รับค่าตอบแทนหากผู้อ่านคลิกหรือลงทะเบียนผ่านลิงก์ดังกล่าว โดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมสำหรับผู้อ่าน หากคุณยังคงใช้ไซต์นี้ต่อไป แสดงว่าคุณยอมรับข้อกำหนดและเงื่อนไขของเรา


แบ่งปัน: หุ้น

การลงทุนในคริปโตมีความเสี่ยงสูง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลและตัดสินใจด้วยตนเอง เนื้อหาในเว็บไซต์จัดทำเพื่อให้ข้อมูล ไม่ใช่คำแนะนำการลงทุน เนื้อหาบางส่วนอาจมี Affiliate Links ซึ่งเราอาจได้รับค่าคอมมิชชั่น โปรดอ่าน Affiliate Disclaimer และนโยบายบรรณาธิการสำหรับรายละเอียดเพิ่มเติม

CryptoQuant เตือนแรง! พอร์ต Bitcoin ของ Strategy เสี่ยงต้องเทขาย

บริษัท Strategy (ชื่อเดิม MicroStrategy) กลายเป็นที่รู้จักในฐานะผู้ถือครอง Bitcoin รายใหญ่ของโลก ด้วยพอร์ตการลงทุนที่มีมูลค่าสูงถึง 6.44 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ จากการถือครอง Bitcoin จำนวน 597,000 BTC อย่างไรก็ตาม ภายใต้กำไรมหาศาลนี้กลับซ่อนความเสี่ยงทางการเงินที่ซับซ้อนเอาไว้ ซึ่งล่าสุด CryptoQuant บริษัทวิเคราะห์ข้อมูลคริปโตชื่อดัง ได้ออกมาเปิดเผยรายละเอียดความเสี่ยงเหล่านี้โดยอ้างอิงจากเอกสารที่ Strategy ยื่นต่อ ก.ล.ต. สหรัฐฯ (SEC) ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อราคา Bitcoin ในวงกว้าง การถือครอง Bitcoin จำนวนมากนี้จึงเป็นดาบสองคมที่นักลงทุนต้องจับตาอย่างใกล้ชิด

อย่างไรก็ตาม ความสำเร็จในเบื้องต้นนี้ก็เป็นที่น่าจับตาอย่างยิ่ง โดย กลยุทธ์ Bitcoin ของ Saylor ทำกำไรมหาศาล และทำให้บริษัทของเขากลายเป็นผู้เล่นคนสำคัญในวงการ

กฎบัญชีใหม่อาจสร้างภาระภาษีให้ Bitcoin โดยไม่รู้ตัว

หนึ่งในความเสี่ยงสำคัญที่ CryptoQuant ชี้ให้เห็นมาจากกฎการบัญชีใหม่ของสหรัฐฯ (ASU 2023-08) ซึ่งกำหนดให้บริษัทต้องรายงานมูลค่าสินทรัพย์ดิจิทัลอย่าง Bitcoin ตามราคาตลาด (Fair Market Value) แม้ว่าจะยังไม่ได้ขายสินทรัพย์นั้นออกไปก็ตาม สิ่งนี้หมายความว่า Strategy อาจต้องเผชิญกับภาระภาษีกำไรที่ยังไม่เกิดขึ้นจริงจากการถือครอง Bitcoin ของตนเอง

CryptoQuant ตั้งข้อสังเกตว่ากฎดังกล่าวอาจทำให้บริษัทต้องเสียภาษีขั้นต่ำสำหรับนิติบุคคล (Corporate Alternative Minimum Tax – CAMT) ในอัตรา 15% ตั้งแต่ปี 2026 เป็นต้นไป ซึ่งจะทำให้เกิดภาระผูกพันทางภาษีเป็นเงินสดจากกำไรบนกระดาษ ในเอกสารที่ยื่นต่อ ก.ล.ต. ทาง Strategy เองก็ยอมรับว่าอาจต้องเสียภาษีแม้ว่าจะไม่ได้ขาย Bitcoin ออกไปแม้แต่เหรียญเดียว ซึ่งเป็นความเสี่ยงที่อาจส่งผลต่อสภาพคล่องของบริษัทที่ถือครอง Bitcoin ในระยะยาว

ความเสี่ยงด้านการจัดเก็บ Bitcoin ที่มองข้ามไม่ได้

Strategy ยังได้ระบุถึงความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับการฝากและจัดเก็บ Bitcoin (Custody) ในเอกสารที่ยื่นต่อ ก.ล.ต. โดยยอมรับว่าหากผู้ให้บริการรับฝาก Bitcoin ที่บริษัทใช้บริการอยู่เกิดล้มละลายขึ้นมา Strategy อาจถูกจัดเป็นเพียงเจ้าหนี้ที่ไม่มีหลักประกันทั่วไป ซึ่งหมายความว่าบริษัทอาจสูญเสียการเข้าถึง Bitcoin ทั้งหมดที่ฝากไว้ได้

ความเสี่ยงด้านคู่สัญญา (Counterparty Risk) นี้เป็นประเด็นที่น่ากังวลอย่างยิ่งสำหรับการลงทุนใน Bitcoin ของบริษัท เพราะหากผู้รับฝากสินทรัพย์ล้มเหลว ไม่เพียงแต่จะทำให้ Strategy สูญเสีย Bitcoin มูลค่ามหาศาล แต่ยังสร้างความตื่นตระหนกให้กับตลาดโดยรวมได้อีกด้วย การพึ่งพาบุคคลที่สามในการดูแลรักษา Bitcoin จึงเป็นจุดเปราะบางที่สำคัญ

แรงกดดันจากหนี้สินอาจนำไปสู่การเทขาย Bitcoin

อีกหนึ่งปัญหาที่น่ากังวลคือธุรกิจซอฟต์แวร์หลักของ Strategy ไม่ได้สร้างกระแสเงินสดเพียงพอที่จะครอบคลุมภาระหนี้สินและเงินปันผลได้ ข้อมูล ณ เดือนมิถุนายน 2025 บริษัทมีหนี้แปลงสภาพ (Convertible Debt) มูลค่า 8.2 พันล้านดอลลาร์ และหุ้นบุริมสิทธิ (Preferred Stock) อีก 3.4 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งมีภาระค่าใช้จ่ายรายปีรวมกันกว่า 350 ล้านดอลลาร์ การขาดสภาพคล่องจากธุรกิจหลักทำให้บริษัทต้องพึ่งพาการระดมทุนจากภายนอกหรือการขาย Bitcoin เพื่อชำระหนี้

ท่ามกลางแรงกดดันดังกล่าว ดูเหมือนว่า Michael Saylor ยังคงเชื่อมั่นในกลยุทธ์ของตนเอง โดยล่าสุดมีรายงานว่า Michael Saylor ได้เข้าซื้อ Bitcoin เพิ่มเติม สะท้อนให้เห็นถึงมุมมองที่เป็นบวกต่ออนาคตของสินทรัพย์ดิจิทัลนี้

CryptoQuant เตือนว่าสถานการณ์นี้ทำให้ Strategy มีความเปราะบางต่อความผันผวนของตลาดอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากราคา Bitcoin ปรับตัวลดลงหรือตลาดทุนเกิดภาวะตึงตัว การต้องพึ่งพามูลค่าของ Bitcoin เพื่อรักษาสภาพคล่องทางการเงินจึงเป็นความเสี่ยงที่ใหญ่หลวง

เงินปันผลหุ้นบุริมสิทธิเป็นความเสี่ยงต่อเนื่องที่ต้องจับตา

CryptoQuant ยังชี้ให้เห็นถึงโครงสร้างของหุ้นบุริมสิทธิของ Strategy ว่าเป็นอีกหนึ่งปัจจัยเสี่ยงที่ไม่อาจมองข้าม โดยหุ้น STRK ให้เงินปันผล 8% ซึ่งสามารถจ่ายเป็นเงินสดหรือหุ้นได้ ส่วน STRF ให้ผลตอบแทน 10% แต่ต้องจ่ายเป็นเงินสดเท่านั้น และจะทบต้นหากจ่ายล่าช้าหรือไม่ครบ ขณะที่ STRD แม้จะไม่ทบต้น (non-cumulative) แต่ก็ยังมีข้อกำหนดในการจ่ายเงินปันผลสม่ำเสมอ
หากบริษัทพลาดการจ่ายเงินปันผลเหล่านี้ อาจส่งผลให้เกิดการลดสัดส่วนผู้ถือหุ้น (dilution), ถูกลงโทษทางการเงิน หรือแม้กระทั่งเสี่ยงต่อการสูญเสียอำนาจควบคุมในคณะกรรมการบริษัท

ความเปราะบางต่อปัจจัยเศรษฐกิจมหภาคและราคา Bitcoin

การที่ Strategy ทุ่มเดิมพันกับ Bitcoin อย่างหนัก ทำให้บริษัทมีความอ่อนไหวต่อปัจจัยทางเศรษฐกิจมหภาคอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ในรายงานของบริษัทเองได้ระบุว่าความผันผวนของราคา Bitcoin, อัตราดอกเบี้ย, การเปลี่ยนแปลงกฎระเบียบ และสภาพคล่องในตลาด ล้วนเป็นความเสี่ยงที่สำคัญ

CryptoQuant สรุปว่าสิ่งนี้ทำให้ชะตากรรมของ Strategy ไม่ได้ขึ้นอยู่กับราคาของ Bitcoin เพียงอย่างเดียว แต่ยังขึ้นอยู่กับสภาวะแวดล้อมทางการเงินในภาพรวมด้วย หากเกิดวิกฤตเศรษฐกิจหรือมีการคุมเข้มนโยบายการเงินอย่างกะทันหัน อาจส่งผลกระทบโดยตรงต่อความสามารถในการบริหารจัดการพอร์ต Bitcoin ของบริษัท

CryptoQuant ชี้ชัด: การบังคับขาย Bitcoin อาจกระทบทั้งตลาด

ประเด็นสุดท้ายและน่ากังวลที่สุดคือ หาก Strategy ไม่สามารถระดมทุนผ่านตลาดทุนหรือตลาดตราสารหนี้ได้ บริษัทได้ระบุไว้อย่างชัดเจนว่าอาจถูก ‘บังคับ’ ให้ต้องขาย Bitcoin ที่ถือครองอยู่ออกมา CryptoQuant เตือนว่าสถานการณ์เช่นนี้อาจส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อตลาดคริปโตโดยรวม

การเทขาย Bitcoin จำนวนมหาศาลจากผู้ถือครองรายใหญ่อย่าง Strategy อาจสร้างแรงกดดันด้านการขายอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ซึ่งจะนำไปสู่ความผันผวนของราคาอย่างรุนแรงและอาจทำให้บริษัทต้องรับรู้ผลขาดทุนภายใต้สภาวะตลาดที่ไม่เอื้ออำนวย ทั้งนี้ CryptoQuant ย้ำว่าบทวิเคราะห์ทั้งหมดนี้เป็นการสรุปจากเอกสารที่ Strategy ยื่นต่อ ก.ล.ต. อย่างเป็นทางการ ซึ่งสะท้อนให้เห็นความเสี่ยงที่นักลงทุนใน Bitcoin ควรรับทราบ

 

พิชญา รัตนวงศ์ เป็นนักข่าวและนักวิเคราะห์ด้านคริปโตเคอเรนซีและเทคโนโลยีบล็อกเชน ผู้มีความเชี่ยวชาญในการถ่ายทอดข้อมูลที่ซับซ้อนให้เข้าใจง่ายสำหรับผู้อ่านทุกระดับ ไม่ว่าจะเป็นนักลงทุนมือใหม่หรือผู้เชี่ยวชาญในวงการ ด้วยประสบการณ์กว่า 8 ปีในสายงานข่าวการเงินดิจิทัลและการกำกับดูแล Web3 พิชญาเคยร่วมงานกับทั้งสื่อในประเทศและต่างประเทศ เช่น Bangkok Biz, Asia Blockchain Review และ BeInCrypto เธอมุ่งมั่นในการเชื่อมโยงข้อมูลข่าวสารระหว่างผู้กำหนดนโยบาย ผู้พัฒนาเทคโนโลยี และนักลงทุน พร้อมส่งเสริมความรู้ความเข้าใจเรื่องกฎระเบียบคริปโตในบริบทไทย-อาเซียน ผลงานของเธอมีจุดเด่นด้านการวิเคราะห์ข่าว DeFi การลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัล และการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของ Web3 ที่กำลังเปลี่ยนโฉมเศรษฐกิจดิจิทัลของภูมิภาค

Telegram

แบ่งปัน: หุ้น
มากกว่า Bitcoin - ข่าวล่าสุดวันนี้
ยังไม่มีความคิดเห็น!

ที่อยู่อีเมลของคุณจะไม่ถูกเผยแพร่