ท่ามกลางการพุ่งขึ้นของราคา Bitcoin ที่ทะลุสถิติใหม่เหนือ $122,000 และสร้างผลตอบแทนกว่า 16% ในเดือนเดียว Charles Edwards CEO ของ Capriole Investments ได้ออกมาให้มุมมองว่าตลาดกำลังอยู่ในช่วงเริ่มต้นของ “Liquidity Supercycle” ซึ่งขับเคลื่อนโดยสภาพคล่องมหาศาลและอาจส่งผลต่อเนื่องตลอดปี 2025 การเติบโตครั้งนี้ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่มีปัจจัยมหภาครองรับอย่างแข็งแกร่ง
สำหรับนักลงทุนที่สนใจในศักยภาพของ Bitcoin และต้องการเริ่มต้นลงทุน การทำความเข้าใจขั้นตอนการซื้อขายเป็นสิ่งสำคัญแรกเริ่ม โดยสามารถศึกษา คู่มือสำหรับผู้เริ่มต้นในการซื้อ Bitcoin เพื่อเป็นแนวทางได้
วิเคราะห์ปัจจัยมหภาค: ทำไม Bitcoin ถึงเป็นขาขึ้น?
Charles Edwards ได้เจาะลึกในจดหมายข่าวล่าสุดของ Capriole ว่า “เงินและสภาพคล่องคือฉากหลังของการไหลเข้าของเงินทุน”
Edwards ปฏิเสธแนวคิดที่ว่าการพุ่งขึ้นของ Bitcoin เป็นเพียงอุบัติเหตุทางเทคนิค แต่ชี้ไปที่ปัจจัยมหภาคที่ก่อตัวขึ้นมาหลายเดือน ปัจจัยแรกคือการที่นักลงทุนทั่วโลกกำลังเดิมพันสวนทางกับดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งสะท้อนผ่านดัชนี USD Positioning ที่ติดลบหนักตั้งแต่ต้นฤดูร้อน บ่งชี้ว่านักลงทุนหันไปหาสินทรัพย์แข็งอย่าง Bitcoin มากขึ้น
เสาหลักที่ 2 คือตลาดสินเชื่อที่แข็งแกร่ง การที่ส่วนต่างผลตอบแทนหุ้นกู้ BBB ลดลงอย่างต่อเนื่องถือเป็นสัญญาณคลาสสิกของสภาวะ Risk-on ที่มีความสัมพันธ์โดยตรงกับราคา Bitcoin Edwards ระบุว่านี่คือหลักฐานที่ Bitcoin ได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของโลกการเงินดั้งเดิมแล้ว
ปัจจัยที่ทรงพลังที่สุดคือการเติบโตของปริมาณเงิน M3 ทั่วโลกที่ขยายตัว 9% ต่อปี ในอดีตเมื่อเกิดสภาวะนี้ Bitcoin มีผลตอบแทนเฉลี่ย 460% ใน 12 เดือน แม้ Edwards จะเตือนว่าในฐานะสินทรัพย์ระดับล้านล้านดอลลาร์ Bitcoin อาจทำผลตอบแทนได้ไม่สูงเท่าเดิม แต่ก็ยังคาดหวังการเติบโตที่สำคัญอย่างมาก
ความสัมพันธ์กับทองคำและตลาดหุ้น
ประวัติศาสตร์แสดงว่าเมื่อทองคำทะลุแนวต้าน Bitcoin มักตามขึ้น 3-4 เดือนหลัง การพุ่งขึ้นของทองคำต้นปี 2025 จึงเป็นสัญญาณการหันหลังให้เงิน Fiat และมุ่งสู่ Hard Money อย่าง Bitcoin นับแต่ Capriole ชี้ให้เห็นการเคลื่อนไหวของทองคำเมื่อเดือนเมษายน Bitcoin ก็ปรับตัวขึ้น 28% แล้ว
ตลาดหุ้นก็ส่งสัญญาณบวก ดัชนี Advance-Decline Line ของ NYSE ทำจุดสูงสุดใหม่ ขณะที่ดัชนี Equity Premium รีเซ็ตที่ศูนย์ในปลายเดือนพฤษภาคม ทั้งสองเหตุการณ์นี้มักตามมาด้วยช่วงที่ Risk Appetite ขยายตัวหลายเดือนติดต่อกัน ส่งผลบวกต่อสินทรัพย์เสี่ยงอย่าง Bitcoin
Bitcoin Treasury Companies: ตัวเร่ง Supercycle
ส่วนที่น่าทึ่งที่สุดในบทวิเคราะห์นี้อาจไม่ใช่แค่เรื่องมหภาค แต่เป็นปรากฏการณ์ใหม่ที่เรียกว่า “Bitcoin Treasury Companies (TCs)” หรือ บริษัทที่ระดมทุนจากตลาดหุ้นและตราสารหนี้ แล้วนำเงินมาซื้อ Bitcoin เก็บไว้ Edwards เรียกนี่ว่า “กลไกฟองสบู่หลักของวัฏจักรนี้” ซึ่งไม่เคยมีมาก่อน
เฉพาะไตรมาส 2 มีเงินทุนไหลเข้าบริษัทเหล่านี้สูงถึง 1.5 หมื่นล้านดอลลาร์ โดยมีบริษัทที่ใช้กลยุทธ์นี้อย่างน้อย 145 แห่ง เมื่อมูลค่าตลาดสูงขึ้นจากกำไรของ Bitcoin ที่ถือ พวกเขาก็ระดมทุนรอบใหม่ได้ใหญ่ขึ้น เกิดเป็นวงจรส่งเสริมกันเองที่ Edwards เชื่อว่าจะช่วยเพิ่มมูลค่าตลาด Bitcoin ได้มากกว่า 1 ล้านล้านดอลลาร์ในปีหน้า
Edwards ปฏิเสธแนวคิดที่ว่าสิ่งนี้จะทำให้เกิดการรวมศูนย์ในทางลบ โดยให้เหตุผลว่าหาก Bitcoin จะเป็นสกุลเงินพื้นฐานของโลก มันต้องขยายสู่ระดับหลายสิบล้านล้านดอลลาร์เพื่อลดความผันผวน และวิธีเดียวคือการเข้าซื้อจำนวนมหาศาลอย่างปัจจุบัน
การเติบโตของราคา Bitcoin ไม่เพียงแต่ดึงดูดเงินทุนจากสถาบันเท่านั้น แต่ยังกระตุ้นการพัฒนานวัตกรรมในระบบนิเวศอีกด้วย ซึ่งทำให้หลายคนมองว่า Bitcoin Layer-2 อาจเติบโตตาม BTC ไปพร้อมกัน
Bitcoin Hyper ($HYPER): ปลดล็อกศักยภาพใหม่ของ Bitcoin ด้วย Layer-2
ขณะที่นักลงทุนมองหาโอกาสจากแนวโน้มขาขึ้นของ Bitcoin โปรเจกต์ Layer-2 อย่าง Bitcoin Hyper ($HYPER) ก็ได้รับความสนใจสูงในฐานะโซลูชันที่แก้ปัญหาดั้งเดิมของ Bitcoin โดยตรง สร้างบน Solana Virtual Machine เพื่อยกระดับ Bitcoin ให้เป็นเครือข่ายความเร็วสูงสำหรับ DeFi, dApps และ Meme Culture ด้วยความสามารถประมวลผลหลายหมื่นธุรกรรมต่อวินาทีและค่าธรรมเนียมต่ำ

Bitcoin Hyper มาพร้อมระบบนิเวศใช้งานได้ทันที เช่น Meme Coin Factory สำหรับสร้างเหรียญบน Bitcoin, ระบบ DeFi สำหรับ BTC, และสะพานเชื่อมสินทรัพย์ระหว่างเชน (BTC ↔ ETH ↔ SOL) ตั้งแต่วันแรก
รอบ Presale ของ $HYPER เปิดโอกาสให้ทุกคนเข้าถึงอย่างเท่าเทียม โดยไม่มีรอบพิเศษสำหรับนักลงทุนรายใหญ่ (VC) ราคาเริ่มต้นที่ $0.0115 และจะปรับขึ้นทุก 48 ชั่วโมง นอกจากนี้ผู้ซื้อยังสามารถ “ซื้อและ Stake ทันที” เพื่อรับผลตอบแทน APY สูงสุดถึง 319% ซึ่งเป็นโอกาสที่ไม่ควรพลาดสำหรับผู้ที่เชื่อมั่นในอนาคตของระบบนิเวศ Bitcoin
ด้วยคุณสมบัติที่โดดเด่นและโอกาสในการเติบโตไปพร้อมกับ Bitcoin ทำให้เกิดการวิเคราะห์ แนวโน้มราคา Bitcoin Hyper ในระยะยาว ซึ่งอาจเป็นข้อมูลสำคัญสำหรับผู้ที่กำลังพิจารณาลงทุน ลองเข้าไปดูได้เลย!
Capriole มอง Bitcoin Supercycle เพิ่งเริ่มต้น
โดยสรุปแล้ว Charles Edwards และ Capriole Investments มองว่าวัฏจักรขาขึ้นของ Bitcoin รอบนี้เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของ Liquidity Supercycle เท่านั้น แม้ราคาจะพุ่งขึ้นอย่างรุนแรง แต่ปัจจัยพื้นฐานทั้งในด้านมหภาค สภาพคล่องที่ล้นเหลือ และกลไกใหม่จาก Bitcoin Treasury Companies ยังคงแข็งแกร่งและมีแนวโน้มที่จะดำเนินต่อไป
Edwards ย้ำว่าบทวิเคราะห์ของเขามองในกรอบเวลาหลายเดือนข้างหน้า และแม้จะมีการย่อตัวในระยะสั้น แต่ภาพใหญ่สำหรับ Bitcoin ยังคงสดใสอย่างยิ่ง “เรากำลังอยู่บนเส้นโค้งของการยอมรับ ซึ่งต้องใช้เงินทุนอีกหลายล้านล้านดอลลาร์เพื่อผลักดันให้ Bitcoin ไปถึงจุดนั้น” นี่คือบทสรุปที่ชัดเจนว่าการเดินทางของ Bitcoin ยังอีกยาวไกล
บทวิเคราะห์นี้ชี้ให้เห็นถึงแนวโน้มเชิงบวกในระยะยาว แต่คำถามสำคัญสำหรับนักลงทุนหลายคนคือราคาจะไปถึงจุดไหน ซึ่งมีการวิเคราะห์ การคาดการณ์ราคา Bitcoin ในอนาคต ไว้อย่างน่าสนใจ
พิมพ์ใจ เป็น นักวิเคราะห์ตลาดการเงินที่มีประสบการณ์มากกว่า 8 ปี โดยเริ่มต้นจากการเป็น Day Trader ในตลาดหุ้นไทยก่อนจะเปลี่ยนมาโฟกัสที่ตลาดคริปโตเต็มตัวในปี 2018 ปัจจุบัน นอกจากงานเขียนแล้ว เธอยังเป็นที่ปรึกษาด้านการลงทุนดิจิทัลแอสเซ็ทให้กับกองทุนรวมหลายแห่ง และเป็นวิทยากรในงานประชุมระดับชาติอย่าง Asia Blockchain Summit พิมพ์ใจผสานความเข้าใจด้านจิตวิทยาการลงทุน การวิเคราะห์เทคนิค และพฤติกรรมตลาดเข้าด้วยกัน เพื่อสร้างเนื้อหาที่ช่วยให้ผู้อ่านเรียนรู้กลยุทธ์การเทรดที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ อ่านสัญญาณตลาดและจัดการความเสี่ยงได้อย่างเหมาะสม ไม่ใช่เพียงคาดเดาหรือใช้อารมณ์เท่านั้น