การลงทุนในคริปโตมีความเสี่ยงสูง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลและตัดสินใจด้วยตนเอง เนื้อหาในเว็บไซต์จัดทำเพื่อให้ข้อมูล ไม่ใช่คำแนะนำการลงทุน โปรดอ่านนโยบายบรรณาธิการสำหรับรายละเอียดเพิ่มเติม
บทความนี้อาจมีลิงก์พันธมิตร ซึ่งทางเว็บไซต์อาจได้รับค่าตอบแทนหากผู้อ่านคลิกหรือลงทะเบียนผ่านลิงก์ดังกล่าว โดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมสำหรับผู้อ่าน หากคุณยังคงใช้ไซต์นี้ต่อไป แสดงว่าคุณยอมรับข้อกำหนดและเงื่อนไขของเรา
การลงทุนในคริปโตมีความเสี่ยงสูง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลและตัดสินใจด้วยตนเอง เนื้อหาในเว็บไซต์จัดทำเพื่อให้ข้อมูล ไม่ใช่คำแนะนำการลงทุน โปรดอ่านนโยบายบรรณาธิการสำหรับรายละเอียดเพิ่มเติม
เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 2025 ราคาของ Bitcoin (BTC) พุ่งทะลุ 105,000 ดอลลาร์สหรัฐ หลังสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและอิหร่านเริ่มคลี่คลาย โดยแม้จะเกิดเหตุโจมตีทางอากาศจากสหรัฐฯ ต่ออิหร่านในเวลาต่อมา ราคาก็ร่วงลงเพียงชั่วครู่ก่อนจะฟื้นตัวกลับขึ้นมาเหนือระดับ 100,000 ดอลลาร์อีกครั้ง ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่า Bitcoin ได้กลายเป็นสินทรัพย์ที่ได้รับความเชื่อถือในฐานะ “เครื่องมือป้องกันความเสี่ยงทางเศรษฐกิจ” (macroeconomic hedge) อย่างแท้จริง ท่ามกลางความไม่แน่นอนในระดับโลก
ขณะเดียวกัน แนวคิดใหม่ที่กำลังได้รับความสนใจในวงการคริปโต คือการยกระดับบทบาทของ Bitcoin ให้ก้าวไปไกลกว่าการเป็นเพียงสินทรัพย์เพื่อถือครอง โดยโครงการ “Bitcoin Hyper” (HYPER) ได้เปิดตัวในฐานะเลเยอร์ 2 ตัวแรกของ Bitcoin ที่ผสานความเร็วระดับ Solana เข้ากับความปลอดภัยของเครือข่าย Bitcoin ผ่านการนำ “Solana Virtual Machine” (SVM) มาประยุกต์ใช้ ช่วยปลดล็อกความสามารถในการพัฒนาแอปพลิเคชันแบบกระจายศูนย์ (dApps) บน Bitcoin ได้อย่างแท้จริง
โครงการ Bitcoin Hyper ดำเนินการระดมทุนในรูปแบบพรีเซล โดยไม่มีการจัดสรรเหรียญให้กับนักลงทุนรายใหญ่หรือกองทุน VC ซึ่งถือเป็น “การเปิดตัวแบบเสรี” (fair launch) อย่างแท้จริง โดยทุกโทเคนในรอบพรีเซลสามารถเข้าถึงได้โดยสาธารณชน
ในรอบการระดมทุนปัจจุบัน เหรียญ HYPER ถูกตั้งราคาที่ 0.012 ดอลลาร์ และภายในเวลาไม่นานก็สามารถระดมทุนได้แล้วกว่า 1.5 ล้านดอลลาร์ โดยราคาดังกล่าวจะคงอยู่เพียงอีก 8 ชั่วโมง ก่อนที่จะมีการปรับขึ้นในรอบถัดไปตามคาดการณ์ราคา HYPER
สำหรับนักลงทุนที่เชื่อมั่นในศักยภาพของ Bitcoin ในการพัฒนาไปสู่ระบบนิเวศ DeFi ความเร็วสูง พร้อมรองรับการใช้งานแอปพลิเคชันแบบ Web3 อย่างเต็มรูปแบบ Bitcoin Hyper กำลังวางตัวเป็นสะพานสำคัญในการเปลี่ยนผ่านดังกล่าว
แม้ปัจจุบัน Bitcoin จะได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางในฐานะ “สินทรัพย์ป้องกันความเสี่ยงระดับมหภาค” โดยเฉพาะในยุคที่ความไม่แน่นอนด้านการเงิน ภาวะเงินเฟ้อ และความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ทวีความรุนแรงขึ้น แต่สิ่งที่ Bitcoin ยังขาดอยู่คือ “การใช้งานจริงบนเครือข่าย” ที่สามารถขยายมูลค่าได้มากกว่าการถือครองอย่างเดียว
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา นักลงทุนสถาบัน ผู้จัดการสินทรัพย์ และแม้แต่องค์กรภาครัฐ ต่างเข้าลงทุนใน Bitcoin ไม่ใช่เพราะความเร็วหรือฟีเจอร์เชิงเทคนิค แต่เพราะความมั่นคงของระบบ การกระจายศูนย์อย่างแท้จริง และจำนวนเหรียญที่จำกัด โดยในปี 2025 กองทุน IBIT ของ BlackRock ซึ่งเป็นกองทุน ETF แบบ Spot ที่ลงทุนใน Bitcoin ได้กลายเป็น ETF ที่เติบโตเร็วที่สุดเป็นประวัติการณ์ โดยมีมูลค่าสินทรัพย์ภายใต้การบริหารทะลุ 70,000 ล้านดอลลาร์ และถือครอง Bitcoin คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 3.25% ของอุปทานทั้งหมดในตลาด แสดงให้เห็นถึงความเชื่อมั่นในระยะยาวจากภาคสถาบันอย่างชัดเจน
❗️@BlackRock‘s Bitcoin ETF $IBIT has entered the top 25 U.S. ETFs#IBIT reached $70B+ in AUM, ranking 24th among U.S. #ETFs—just 1.4 years after launch. With all other top ETFs being 12+ years old, IBIT’s rise signals growing institutional demand for #Bitcoin #BTC exposure. pic.twitter.com/tTlwEpbtIg
— 🇺🇦 CryptoDiffer – StandWithUkraine 🇺🇦 (@CryptoDiffer) June 6, 2025
แม้จะมีบทบาทด้านความมั่นคงทางการเงิน แต่ Bitcoin ในปัจจุบันยังเป็นเพียง “เงินทุนที่อยู่เฉยๆ” ไม่สามารถนำไปใช้งานได้อย่างยืดหยุ่น เช่น การพัฒนาแอปพลิเคชัน การซื้อขายสินทรัพย์ หรือการใช้งานในโปรโตคอลทางการเงินแบบกระจายศูนย์โดยตรง หากไม่มีการพึ่งพาเครือข่ายอื่น
Bitcoin Hyper จึงถูกพัฒนาขึ้นเพื่อเติมเต็มช่องว่างดังกล่าว โดยนำเสนอเลเยอร์ 2 ที่รองรับการทำธุรกรรมความเร็วสูง พร้อมความสามารถในการโปรแกรมและเชื่อมต่อแอปพลิเคชันการเงินแบบ Web3 โดยยังยึดมั่นในหลักการรักษาความปลอดภัยขั้นสูงของเครือข่าย Bitcoin ผ่านการจัดเก็บข้อมูลสุดท้าย (finality) บนเชนหลัก
กล่าวอีกนัยหนึ่ง Bitcoin Hyper คือก้าวสำคัญของการเปลี่ยน Bitcoin จากสินทรัพย์ที่เน้นเก็บมูลค่า สู่โครงสร้างพื้นฐานที่สามารถสร้างมูลค่าใหม่ได้อย่างแท้จริง ผ่านการใช้งานบนเครือข่ายแบบเรียลไทม์
โครงการ Bitcoin Hyper ได้เปิดเผยรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับโครงสร้างระบบผ่านโพสต์บน X เมื่อวันที่ 19 มิถุนายน 2025 โดยระบุว่า ระบบของแพลตฟอร์มทำงานร่วมกับเครือข่าย Bitcoin ชั้นฐานผ่านบริดจ์แบบกระจายศูนย์ (decentralized bridge) ที่ไม่ต้องพึ่งผู้ดูแลสินทรัพย์ (non-custodial) ซึ่งเปิดโอกาสให้ผู้ใช้นำ BTC จริงเข้าสู่ระบบ เพื่อใช้งานในรูปแบบใหม่บนเลเยอร์ 2
ผู้ใช้งานสามารถนำ BTC ไปฝากผ่านบริดจ์ และเมื่อธุรกรรมได้รับการยืนยันบนเครือข่าย Bitcoin แล้ว จะมีการสร้างเหรียญ BTC เวอร์ชันห่อ (wrapped BTC) บน Bitcoin Hyper โดยทันที ซึ่งเวอร์ชันนี้สามารถนำไปใช้งานในระบบที่รองรับความเร็วสูงและต้นทุนต่ำ ทั้งในด้านการทำธุรกรรมและการเรียกใช้สมาร์ตคอนแทรกต์ ซึ่งแต่เดิมไม่สามารถทำได้โดยตรงบนเครือข่าย Bitcoin
หนึ่งในจุดเด่นของสถาปัตยกรรม Bitcoin Hyper คือการนำเทคโนโลยี Zero-Knowledge Proof (ZK Proof) มาใช้ในการยืนยันธุรกรรม โดยระบบจะบันทึกหลักฐานของธุรกรรมกลับไปยังเครือข่าย Bitcoin ชั้นฐาน ซึ่งช่วยให้สามารถขยายขีดความสามารถของระบบได้โดยไม่ต้องละทิ้งหลักความไว้วางใจของ Bitcoin
เมื่อผู้ใช้งานต้องการถอน BTC ออกจากเลเยอร์ 2 ก็สามารถเผาเหรียญ wrapped BTC และรับ BTC จริงคืนจากบริดจ์ได้โดยตรง กระบวนการนี้สะท้อนให้เห็นถึงโครงสร้างที่เน้นประสิทธิภาพการใช้งาน โดยยังคงยึดมั่นกับหลักการด้านความปลอดภัย ความโปร่งใส และฉันทามติของเครือข่าย Bitcoin
ด้วยแนวคิดดังกล่าว Bitcoin Hyper กำลังวางตัวเป็น “execution layer” ที่สามารถรองรับการใช้งานในโลกการเงินแบบกระจายศูนย์ได้อย่างแท้จริง โดยไม่ต้องแลกกับความปลอดภัยของเครือข่ายแม่อย่าง Bitcoin
Bitcoin Hyper กำลังเปลี่ยนบทบาทของ Bitcoin จากการเป็นเพียงสินทรัพย์เพื่อการถือครอง มาเป็นรากฐานของระบบการเงินกระจายศูนย์ยุคใหม่ โดยการเพิ่มความสามารถในการใช้งานแบบเรียลไทม์ เช่น การซื้อขายสินทรัพย์ การวางเงินค้ำ (staking) การให้กู้ยืม และการใช้สมาร์ตคอนแทรกต์—all บนเครือข่ายที่ยังคงยึดมั่นในความปลอดภัยของชั้นฐานของ Bitcoin
แนวคิดนี้ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่อาจช่วยขยายความสำคัญของ Bitcoin ในระบบเศรษฐกิจดิจิทัล และสร้างแรงขับเคลื่อนใหม่ต่อความต้องการใช้งาน BTC ในระบบนิเวศแบบ on-chain ซึ่งเดิมทีไม่สามารถทำได้โดยตรง
โทเคน HYPER ไม่ได้มีหน้าที่เพียงเป็นตัวกลางในการทำธุรกรรมเท่านั้น แต่ยังทำหน้าที่เป็นกลไกหลักในการรักษาความปลอดภัยของเครือข่าย จูงใจผู้เข้าร่วม และเป็นกุญแจสำคัญในการเข้าถึงเครื่องมือและแอปพลิเคชันที่พัฒนาบนแพลตฟอร์ม Hyper
ในแง่ของเศรษฐกิจโทเคน HYPER จึงถือเป็นชั้นเศรษฐกิจ (economic layer) ที่ขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงของ Bitcoin จากระบบที่เก็บมูลค่าเฉยๆ ไปสู่แพลตฟอร์มที่สร้างมูลค่าใหม่ได้อย่างต่อเนื่อง
สำหรับผู้ลงทุนรายแรก การเข้าร่วมพรีเซลของ HYPER จึงเทียบได้กับการเข้าเก็บเหรียญอย่าง ARB หรือ MATIC ก่อนที่ระบบนิเวศเหล่านั้นจะเติบโตแบบก้าวกระโดด – แต่ครั้งนี้เป็นโอกาสที่เชื่อมโยงกับเลเยอร์ 1 ที่แข็งแกร่งที่สุดในโลกอย่าง Bitcoin
สำหรับผู้ที่สนใจเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของระบบนิเวศ Bitcoin Hyper สามารถซื้อโทเคน HYPER ได้โดยตรงผ่านเว็บไซต์ทางการของโครงการ โดยรองรับการชำระเงินผ่านหลากหลายช่องทาง ไม่ว่าจะเป็น ETH, USDT, BNB หรือแม้แต่บัตรเครดิต
เพื่อความสะดวกสูงสุดในการจัดการสินทรัพย์ดิจิทัล Bitcoin Hyper แนะนำให้ใช้ Best Wallet ซึ่งเป็นกระเป๋าเงินดิจิทัลที่ออกแบบมาเพื่อการเข้าถึงโทเคนพรีเซลโดยเฉพาะ โดยในขณะนี้ HYPER ได้ถูกจัดแสดงไว้แล้วในหมวด “Upcoming Tokens” ของแอป ทำให้ผู้ใช้งานสามารถติดตามราคา จัดการพอร์ต และเข้าถึงข้อมูลโครงการได้อย่างสะดวกในที่เดียว
นอกจากนี้ Best Wallet ยังมีฟีเจอร์คัดสรรโทเคนศักยภาพสูงในช่วงพรีเซลก่อนเข้าสู่ตลาดซื้อขายหลัก ซึ่งเป็นอีกหนึ่งช่องทางสำหรับนักลงทุนที่ต้องการโอกาสเข้าถึงโปรเจกต์คุณภาพตั้งแต่ระยะเริ่มต้น
สำหรับผู้ที่ต้องการอัปเดตข่าวสารและพูดคุยกับทีมงานและนักลงทุนรายอื่นๆ สามารถเข้าร่วมชุมชน Bitcoin Hyper ได้ผ่านทาง Telegram และ X (Twitter) อย่างเป็นทางการ
สามารถเยี่ยมชมเว็บไซต์เพื่อดูรายละเอียดเพิ่มเติมและเริ่มต้นการลงทุนได้ทันที
เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 2025 – ราคา Bitcoin (BTC) ทะยาน […]
Shiba Inu (SHIB) สร้างปรากฏการณ์ครั้งใหญ่ในปี 2021 ด้วย […]
เมื่อ Bitcoin ทำสถิติสูงสุดครั้งใหม่ที่ 111,814 ดอลลาร์ […]
Metaplanet ยังคงเดินหน้าเสริมความแข็งแกร่งในฐานะจุดอ้าง […]