แม้ Bitcoin จะเพิ่งพุ่งทำ All-Time High (ATH) ที่ราว $122,500 เมื่อวาน แต่วันนี้ 15 กรกฎาคม 2025 ราคา Bitcoin กลับปรับฐานลงมาแตะระดับ $117,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ หนึ่งในแรงกดดันหลักครั้งนี้คือ “วาฬ Bitcoin ยุค Satoshi” ที่เคลื่อนไหวเหรียญเก่าจำนวนมาก ซึ่งอาจตีความได้ว่าเป็นการเทขายก้อนใหญ่
เจาะลึก! วาฬ Bitcoin ยุคบุกเบิกตื่นจากการหลับใหล 14 ปี
ข้อมูลจาก Cointelegraph และ Lookonchain ยืนยันว่ากระเป๋าเงิน Bitcoin ใบนี้ไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ มาตั้งแต่ปี 2011 ซึ่งเป็นยุคแรกเริ่มของ Bitcoin การตัดสินใจขายในครั้งนี้จึงถือเป็นเหตุการณ์สำคัญที่นักลงทุนทั่วโลกจับตามอง การถือครอง Bitcoin มายาวนานถึง 14 ปี สะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมั่นในศักยภาพของสินทรัพย์ดิจิทัลตัวแรกของโลก และเป็นบทพิสูจน์ถึงผลตอบแทนอันมหาศาลสำหรับผู้ที่เชื่อมั่นใน Bitcoin ตั้งแต่ยุคแรกเริ่ม
เหตุการณ์ลักษณะนี้ไม่ใช่ครั้งแรก โดยก่อนหน้านี้ก็มีรายงานเกี่ยวกับ การตื่นของวาฬ Bitcoin ที่ทำกำไรมหาศาล ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงเทรนด์ที่น่าสนใจในกลุ่มผู้ถือครองรายใหญ่
การขาย Bitcoin ในจังหวะที่ราคากำลังทำจุดสูงสุดใหม่ บ่งชี้ถึงกลยุทธ์การทำกำไรที่ผ่านการไตร่ตรองมาอย่างดี วาฬรายนี้ได้เปลี่ยนความมั่งคั่งบนโลกดิจิทัลให้กลายเป็นเงินจริงมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นเครื่องยืนยันว่า Bitcoin ได้กลายเป็นสินทรัพย์ที่ได้รับการยอมรับและมีสภาพคล่องสูงพอที่จะรองรับธุรกรรมขนาดใหญ่มหาศาลได้ การตื่นขึ้นของวาฬในตำนานรายนี้จึงเป็นมากกว่าแค่การขาย Bitcoin แต่เป็นสัญลักษณ์แห่งวิวัฒนาการของตลาดคริปโต
บทบาทของ Galaxy Digital และการโอน Bitcoin เข้า Exchange
การเทขาย Bitcoin ครั้งประวัติศาสตร์จากวาฬยุค Satoshi ในรอบ 14 ปีครั้งนี้ ไม่ได้เกิดขึ้นโดยไร้การวางแผน แต่ถูกดำเนินการผ่าน Galaxy Digital บริษัทจัดการการลงทุนและที่ปรึกษาทางการเงินชั้นนำในวงการคริปโต สถาบันขนาดใหญ่ระดับนี้มีบทบาทสำคัญในการช่วยให้วาฬสามารถขาย Bitcoin มูลค่ามหาศาลได้อย่างมีประสิทธิภาพ ปลอดภัย และไม่ทำให้ตลาดตื่นตระหนกในทันที
ข้อมูลจาก Cointelegraph ระบุว่า การขายในครั้งนี้มีมูลค่ารวมสูงถึง $2.34 พันล้านดอลลาร์ โดยดำเนินการผ่าน Galaxy Digital ซึ่งมีบทบาทเสมือน “สะพานเชื่อม” ระหว่างกระเป๋ายุคบุกเบิกกับระบบการซื้อขายยุคใหม่ที่มีโครงสร้างสถาบันรองรับ
แม้จะไม่มีการโอนเข้าสู่ Exchange สาธารณะอย่างเปิดเผยทั้งหมด แต่ธุรกรรมหลายรายการที่เชื่อมโยงกับ Galaxy Digital ถูกติดตามพบว่าเกี่ยวข้องกับ Exchange ชั้นนำ เช่น Bybit และ Binance ซึ่งเป็นจุดที่ตลาดจับตามอง เพราะโดยทั่วไปแล้ว การโอน Bitcoin ไปยัง Exchange มักบ่งชี้ว่าเจ้าของเหรียญมีแนวโน้มที่จะขาย
วิเคราะห์ผลกระทบต่อราคา Bitcoin และมุมมองตลาด
เมื่อพิจารณาว่าเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นทันทีหลังจาก Bitcoin เพิ่งแตะ All-Time High ที่ $122,500 ได้ไม่นาน การเทขาย Bitcoin มูลค่ากว่า $2.34 พันล้าน จากวาฬยุค Satoshi ที่หลับใหลมานานกว่า 14 ปี อาจได้กลายเป็นหนึ่งในจุดชนวนหลักของการปรับฐานราคาลง 4.2% อยู่ที่ระดับประมาณ 117,000 ดอลลาร์สหรัฐ การโอนเหรียญเข้าสู่กระเป๋าที่เชื่อมโยงกับ Exchange อย่าง Binance ยิ่งเสริมความเชื่อว่าตลาดอาจกำลังเผชิญกับแรงขายจริงจังในช่วงสั้น

เมื่อวาฬจากยุคแรกกลับมาเคลื่อนไหวในช่วงเวลาที่ตลาดกำลังร้อนแรงเช่นนี้ นักลงทุนอาจตีความออกเป็นสองขั้ว:
- หากวิเคราะห์มุมมองเชิงบวกอาจเห็นว่า การที่วาฬสามารถ “เทขาย” ปริมาณมหาศาลผ่านช่องทางสถาบันได้โดยไม่มีการล่มของตลาด เป็นสัญญาณเชิงบวกว่า ตลาด Bitcoin มีความลึกและสภาพคล่องเพียงพอ ซึ่งอาจเพิ่มความมั่นใจให้กับนักลงทุนรายใหญ่ในระยะยาว
- หากวิเคราะห์ในทางลบ นักลงทุนสายเก็งกำไรอาจกังวลว่านี่อาจเป็น จุดเริ่มต้นของแรงขายทำกำไร จากผู้ถือครองรายใหญ่อื่น ๆ โดยเฉพาะหลัง Bitcoin ทะลุจุดสูงสุดเดิมและเข้าสู่ช่วงพักตัว
นอกจากนี้ ปัจจัยภายนอก เช่น การเคลื่อนไหวหรือแรงสนับสนุนของบุคคลสำคัญในวงการคริปโตอย่าง Trump และการลงทุนจากสถาบันการเงินและวิกฤตเศรษฐกิจ ก็อาจจะเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยผลักดันหรือสร้างแรงกดดันให้ราคา Bitcoin ในช่วงครึ่งหลังของปี 2025 ได้เช่นกัน นักลงทุนจึงควร จับตาพฤติกรรมของวาฬและข้อมูล On-chain อย่างใกล้ชิด เพื่อประเมินแนวโน้มต่อไปอย่างรอบด้าน
สรุป: การเทขาย Bitcoin ครั้งประวัติศาสตร์และอนาคตตลาด
การตื่นขึ้นของวาฬ Bitcoin ในยุค Satoshi ในรอบ 14 ปี และการเทขาย BTC มูลค่ากว่า 2.34 พันล้านดอลลาร์ผ่าน Galaxy Digital ถือเป็นเหตุการณ์สำคัญที่ผสมผสานระหว่างตำนานของผู้ถือครอง Bitcoin ยุคบุกเบิกเข้ากับวิวัฒนาการทางการเงินสมัยใหม่ แม้การกระทำดังกล่าวอาจสร้างความผันผวนในระยะสั้น แต่ก็เป็นการพิสูจน์ถึงการเติบโตเต็มวัยของตลาด Bitcoin ที่มีโครงสร้างพื้นฐานระดับสถาบันรองรับ อนาคตของ Bitcoin หลังจากนี้จะขึ้นอยู่กับว่าตลาดจะสามารถดูดซับแรงขายและเปลี่ยนผ่านไปสู่ยุคใหม่ที่สถาบันเข้ามามีบทบาทมากขึ้นได้อย่างไร
พิชญา รัตนวงศ์ เป็นนักข่าวและนักวิเคราะห์ด้านคริปโตเคอเรนซีและเทคโนโลยีบล็อกเชน ผู้มีความเชี่ยวชาญในการถ่ายทอดข้อมูลที่ซับซ้อนให้เข้าใจง่ายสำหรับผู้อ่านทุกระดับ ไม่ว่าจะเป็นนักลงทุนมือใหม่หรือผู้เชี่ยวชาญในวงการ ด้วยประสบการณ์กว่า 8 ปีในสายงานข่าวการเงินดิจิทัลและการกำกับดูแล Web3 พิชญาเคยร่วมงานกับทั้งสื่อในประเทศและต่างประเทศ เช่น Bangkok Biz, Asia Blockchain Review และ BeInCrypto
เธอมุ่งมั่นในการเชื่อมโยงข้อมูลข่าวสารระหว่างผู้กำหนดนโยบาย ผู้พัฒนาเทคโนโลยี และนักลงทุน พร้อมส่งเสริมความรู้ความเข้าใจเรื่องกฎระเบียบคริปโตในบริบทไทย-อาเซียน ผลงานของเธอมีจุดเด่นด้านการวิเคราะห์ข่าว DeFi การลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัล และการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของ Web3 ที่กำลังเปลี่ยนโฉมเศรษฐกิจดิจิทัลของภูมิภาค