ในโลกของคริปโตเคอร์เรนซีที่เต็มไปด้วยความผันผวน การจับสัญญาณจากตัวชี้วัดต่างๆ ถือเป็นกุญแจสำคัญในการคาดการณ์ทิศทางตลาด และล่าสุดมีตัวชี้วัดหนึ่งของ Bitcoin ที่มักจะส่งสัญญาณเตือนจุดเปลี่ยนสำคัญของตลาดได้อย่างแม่นยำ นั่นคือยอดคงเหลือของผู้ถือ Bitcoin ในระยะสั้น (Short-Term Holder Balance) ซึ่งข้อมูลล่าสุดจาก Sentora กำลังบอกใบ้ถึงสถานการณ์ที่น่าสนใจของ Bitcoin เป็นอย่างยิ่ง คำถามคือ สัญญาณนี้กำลังบอกอะไรเราเกี่ยวกับอนาคตของราคา Bitcoin กันแน่?
เจาะลึกตัวชี้วัด Short-Term Holder ของ Bitcoin จาก Sentora
บริษัทวิเคราะห์ข้อมูล DeFi อย่าง Sentora (IntoTheBlock เดิม) ได้เปิดเผยข้อมูลที่น่าสนใจเกี่ยวกับพฤติกรรมของนักลงทุน Bitcoin โดยแบ่งผู้ถือออกเป็น 3 กลุ่มตามระยะเวลาการถือครองเหรียญ ได้แก่
- Traders — ผู้ถือครองน้อยกว่า 1 เดือน
- Cruisers — ผู้ถือครอง 1-12 เดือน
- Hodlers — ผู้ถือครองนานกว่า 1 ปี
ซึ่งการเปลี่ยนแปลงของยอดคงเหลือในกลุ่มเหล่านี้สามารถบ่งบอกถึงสภาวะของตลาด Bitcoin ได้เป็นอย่างดี
ในอดีตที่ผ่านมา ข้อมูลชี้ให้เห็นว่าช่วงที่ตลาด Bitcoin ใกล้ถึงจุดสูงสุด (Market Top) หรือจุดต่ำสุด (Market Bottom) มักจะเกิดการพุ่งขึ้นอย่างรวดเร็วของยอดคงเหลือในกลุ่ม Traders อยู่เสมอ
นี่เป็นเพราะกลุ่ม Hodlers และ Cruisers ทำการขายเพื่อทำกำไรหรือยอมขาดทุน (Capitulation) ทำให้เหรียญ Bitcoin ที่พวกเขาถืออยู่ถูกโอนย้ายไปยังกลุ่มผู้ซื้อรายใหม่ ซึ่งก็คือกลุ่ม Traders นั่นเอง การเปลี่ยนแปลงนี้จึงเป็นเหมือนสัญญาณเตือนล่วงหน้าของจุดกลับตัวในตลาด Bitcoin
แต่สิ่งที่น่าสนใจคือ แม้ว่าล่าสุดราคา Bitcoin จะพุ่งขึ้นทำสถิติสูงสุดใหม่ (All-Time High) แต่ข้อมูลจาก Sentora กลับไม่พบการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญในยอดคงเหลือของกลุ่ม Traders เลย ซึ่ง Sentora ตั้งข้อสังเกตว่านี่เป็นสถานการณ์ที่ “น่าสนใจ” เพราะมันแตกต่างจากรูปแบบที่เคยเกิดขึ้นในอดีตอย่างชัดเจน การที่ไม่มีการเทขาย Bitcoin จากผู้ถือระยะยาวครั้งใหญ่ อาจเป็นสัญญาณว่าตลาดยังไม่ร้อนแรงถึงขีดสุด
ปรากฏการณ์ที่ผู้ถือระยะยาวไม่ยอมขายนี้ ยังสอดคล้องกับรายงานที่ชี้ให้เห็นถึง ภาวะอุปทาน Bitcoin ที่อาจตึงตัวขึ้น ซึ่งอาจส่งผลให้เกิดภาวะขาดตลาดหากความต้องการยังคงเพิ่มสูงขึ้น
สัญญาณ Bitcoin ปัจจุบันหมายความว่าอย่างไร? และข้อมูล On-Chain อื่นๆ
การที่ยอดคงเหลือของผู้ถือ Bitcoin ระยะสั้นยังคงนิ่งเฉย อาจตีความได้ว่าวัฏจักรขาขึ้นในรอบนี้ยังเหลือพื้นที่ให้เติบโตต่อไป เนื่องจากยังไม่ปรากฏสัญญาณการเทขายทำกำไรครั้งใหญ่จากผู้ถือระยะยาว ซึ่งเป็นหนึ่งในตัวชี้วัดสำคัญของจุดสูงสุดของตลาด Bitcoin ในอดีต หากไม่มีแรงเทขายมหาศาลเข้ามาในตลาด ก็เป็นไปได้ว่าราคา Bitcoin อาจยังคงมีแรงส่งให้ไปต่อได้อีก
แนวโน้มดังกล่าวยังสอดคล้องกับมุมมองของนักวิเคราะห์หลายราย เช่น การคาดการณ์ราคา Bitcoin และ Ethereum ปี 2025 จาก Arthur Hayes ที่มองว่าตลาดยังมีศักยภาพในการเติบโตอีกมาก
นอกจากนี้ ข้อมูล on-chain อื่นๆ ยังช่วยสนับสนุนแนวคิดนี้ โดย Sentora ได้ชี้ให้เห็นว่าปริมาณธุรกรรม Bitcoin บนเครือข่าย (On-chain Transaction Volume) มีการปรับตัวสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ โดยในสัปดาห์ที่ผ่านมามีมูลค่าสูงถึงเกือบ 7 แสนล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2022 การเพิ่มขึ้นของกิจกรรมบนเครือข่ายสะท้อนให้เห็นถึงความสนใจและการใช้งาน Bitcoin ที่มากขึ้น
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าปริมาณธุรกรรม Bitcoin จะสูงขึ้นมาก แต่ก็ยังคงต่ำกว่าระดับสูงสุดในช่วงตลาดกระทิงปี 2021 อย่างเห็นได้ชัด
ข้อมูลนี้อาจบอกใบ้เป็นนัยๆ ว่าตลาดยังไม่เข้าสู่สภาวะ “ร้อนแรงเกินไป” (Overheated) เหมือนในอดีต ประกอบกับการที่ราคา Bitcoin กำลังเคลื่อนไหวในลักษณะไซด์เวย์ (Sideways) ในช่วงนี้ ทำให้นักลงทุนจำนวนมากต่างจับตาว่าทิศทางต่อไปของ Bitcoin จะเป็นอย่างไร
สัญญาณจากตัวชี้วัด Bitcoin บ่งชี้ตลาดยังไม่ถึงจุดพีค
สรุปแล้ว ข้อมูลจาก Sentora ชี้ให้เห็นว่าตัวชี้วัดยอดคงเหลือของผู้ถือ Bitcoin ระยะสั้น ซึ่งเป็นสัญญาณเตือนจุดกลับตัวของตลาดที่สำคัญ ยังคงมีเสถียรภาพและไม่แสดงอาการพุ่งสูงขึ้นเหมือนในอดีตที่ตลาดถึงจุดสูงสุด การที่ไม่มีการเทขายทำกำไรครั้งใหญ่จากผู้ถือระยะยาว ประกอบกับปริมาณธุรกรรมที่สูงแต่ยังไม่ถึงจุดพีคของปี 2021 อาจเป็นสัญญาณบวกที่บ่งชี้ว่าวัฏจักรขาขึ้นของ Bitcoin ในรอบนี้อาจยังไม่สิ้นสุดลง นักลงทุนจึงควรติดตามตัวชี้วัดนี้อย่างใกล้ชิด เพื่อประเมินทิศทางของตลาด Bitcoin ต่อไป
จากข้อมูลทั้งหมดนี้ ทำให้นักลงทุนหลายคนอาจกำลังพิจารณาว่าควรตัดสินใจอย่างไรต่อไป ซึ่งการศึกษา บทวิเคราะห์ว่าควรลงทุนบิทคอยน์ตอนนี้หรือไม่ จะช่วยให้เห็นภาพรวมและประกอบการตัดสินใจได้ดียิ่งขึ้น
พิมพ์ใจ เป็น นักวิเคราะห์ตลาดการเงินที่มีประสบการณ์มากกว่า 8 ปี โดยเริ่มต้นจากการเป็น Day Trader ในตลาดหุ้นไทยก่อนจะเปลี่ยนมาโฟกัสที่ตลาดคริปโตเต็มตัวในปี 2018 ปัจจุบัน นอกจากงานเขียนแล้ว เธอยังเป็นที่ปรึกษาด้านการลงทุนดิจิทัลแอสเซ็ทให้กับกองทุนรวมหลายแห่ง และเป็นวิทยากรในงานประชุมระดับชาติอย่าง Asia Blockchain Summit พิมพ์ใจผสานความเข้าใจด้านจิตวิทยาการลงทุน การวิเคราะห์เทคนิค และพฤติกรรมตลาดเข้าด้วยกัน เพื่อสร้างเนื้อหาที่ช่วยให้ผู้อ่านเรียนรู้กลยุทธ์การเทรดที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ อ่านสัญญาณตลาดและจัดการความเสี่ยงได้อย่างเหมาะสม ไม่ใช่เพียงคาดเดาหรือใช้อารมณ์เท่านั้น