Bitcoin (BTC) ฟื้นตัวขึ้นอย่างน่าจับตา โดยดีดกลับมายืนเหนือระดับ $117,500 ได้สำเร็จหลังจากร่วงลงไปชั่วขณะก่อนหน้านี้ สาเหตุเชิงบวกหนึ่งก็คือ มีการประกาศตัวเลขดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของสหรัฐฯ ออกมาในทิศทางบวก ทำให้ตลาดคริปโตเคอร์เรนซีกลับมาคึกคักอีกครั้ง
การฟื้นตัวของ BTC ครั้งนี้ไม่เพียงแต่สร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุน แต่ยังส่งสัญญาณบวกไปยังตลาด Altcoin โดยรวม โดยเฉพาะโปรเจกต์ที่เกี่ยวข้องกับระบบนิเวศของ BTC โดยตรงอย่าง Bitcoin Hyper (HYPER) ที่กำลังเป็นที่จับตามองอย่างมากในขณะนี้
วิเคราะห์ข้อมูล CPI และผลกระทบต่อราคา BTC
ข้อมูล CPI ประจำเดือนมิถุนายนที่ประกาศออกมาล่าสุดนั้นเป็นปัจจัยสำคัญที่ขับเคลื่อนตลาดในครั้งนี้ แม้ว่าตัวเลข CPI ทั่วไปรายปีจะสูงกว่าคาดการณ์เล็กน้อยที่ 2.7% (เทียบกับคาดการณ์ 2.6%) แต่ตัวเลข Core CPI (ไม่รวมราคาอาหารและพลังงานที่ผันผวน) กลับออกมาต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ ซึ่งบ่งชี้ว่าแรงกดดันด้านเงินเฟ้อพื้นฐานอาจกำลังชะลอตัวลง
ข้อมูลนี้ทำให้นักลงทุนคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) อาจมีแนวโน้มที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 2 ครั้งภายในปีนี้ ซึ่งเป็นผลดีต่อสินทรัพย์เสี่ยงอย่าง BTC
นโยบายภาษีของประธานาธิบดี Donald Trump อาจส่งผลให้เกิดแรงกดดันด้านเงินเฟ้อเล็กน้อยในระบบเศรษฐกิจ สะท้อนผ่านตัวเลข CPI รายปีที่เพิ่มขึ้นเล็กน้อยเกินคาด อย่างไรก็ตาม ข้อมูล CPI พื้นฐานที่อ่อนตัวลงกลับบ่งชี้ว่า Federal Reserve ยังคงมีพื้นที่ในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีก 50 basis points ในปีนี้
ตัวอย่างเช่น ข้อมูลจาก CME FedWatch ยังคาดการณ์การปรับลดอัตราดอกเบี้ย 2 ครั้งในปี 2025 โดยคาดว่าครั้งแรกจะเกิดขึ้นในเดือนกันยายน และอีกครั้งในเดือนธันวาคม
ไม่แปลกใจเลยที่สินทรัพย์เสี่ยงต่าง ๆ เริ่มฟื้นตัว ดัชนี S&P 500 สามารถแตะระดับ 6300 ได้เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ นักวิเคราะห์หลายคนเชื่อว่า BTC จะมีแนวโน้มเคลื่อนไหวในทิศทางเดียวกันในระยะสั้น
เอาจริงดิ? Altcoin ฟื้นตัวแรงกว่า Bitcoin – นำโดย Meme Coin และ AI
ตลาดคริปโตเคยเผชิญแรงเทขายหนักเมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา เนื่องจากนักลงทุนลดความเสี่ยงก่อนการเปิดเผยข้อมูลดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI)
นักวิเคราะห์ที่มีชื่อเสียงอย่าง Ali Martinez ให้ความเห็นว่า เมื่อราคาคริปโตปรับลดลงก่อนการประกาศ CPI มักจะมีการฟื้นตัวในภายหลัง ซึ่งแนวโน้มนี้ได้เกิดขึ้นอีกครั้งในวันนี้
แม้ว่า BTC จะปรับตัวขึ้นในระดับที่ไม่มากนัก แต่เหรียญ Altcoins กลับแสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งที่น่าประทับใจ โดย Ethereum (ETH) ปรับตัวขึ้นเกือบ 3% ในวันเดียว และกำลังมุ่งหน้าสู่ระดับราคา $3200
ขณะที่เหรียญในกระแสอย่าง meme coin (เหรียญมีม) และเหรียญ AI กลายเป็นกลุ่มที่ทำผลงานโดดเด่นที่สุด โดย Pudgy Penguins (PENGU) ราคาพุ่งขึ้นราว 15% ในวันเดียว ส่วนเหรียญมีมบนเชน Solana อย่าง Bonk และ Dogwifhat ก็ฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งเช่นกัน (ข้อมูล ณ วันที่ 16 กรกฎาคม)
ปรากฏการณ์นี้สะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่กลับคืนสู่ตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลโดยรวม เมื่อพี่ใหญ่อย่าง Bitcoin เริ่มมีเสถียรภาพ เงินทุนก็เริ่มไหลเข้าสู่ Altcoin ที่มีศักยภาพในการเติบโตสูงกว่าในระยะสั้น
การที่เหรียญ AI อย่าง Bittensor และ Injective รวมถึงเหรียญ Layer-1 อย่าง Sei และ Sui ปรับตัวขึ้นพร้อมกัน แสดงให้เห็นถึงความต้องการที่ซ่อนอยู่ในตลาด ซึ่งพร้อมจะกลับมาทันทีที่ปัจจัยลบๆ เกี่ยวกับ BTC คลี่คลายลง
โทเค็น Low Caps และเหรียญ Presale ไม่น้อยหน้า Bitcoin และ Altcoin ยักษ์ใหญ่!
ในภาวะที่ตลาดฟื้นตัว โปรเจกต์ขนาดเล็กและเหรียญที่อยู่ในช่วงพรีเซลมักจะสร้างผลตอบแทนที่น่าทึ่ง และหนึ่งในนั้นที่กำลังถูกจับตามองคือ Useless Coin ที่ราคาพุ่งขึ้นเกือบ 20% ภายในสัปดาห์เดียว และมูลค่าตลาดทะลุ $360 ล้านเข้าไปแล้ว ด้วยชื่อสุดแสบและความไร้สาระที่คนสร้างตั้งใจ เหรียญนี้กลับได้รับการสนับสนุนจากชุมชนอย่างล้นหลาม จนหลายคนคาดว่ามูลค่าอาจแตะ $1 พันล้านในไม่ช้า
เช่นเดียวกับ TOKEN6900 (T6900) ซึ่งเป็น meme coin ที่ไม่แคร์เรื่องฟังก์ชันการใช้งาน แต่อัดแน่นด้วยพลังมีมสายหลุดโลกสไตล์เดียวกับ SPX6900 โดยเปิดพรีเซลด้วย hard cap แค่ $5 ล้าน และสามารถระดมทุนได้ถึง $570,000 ภายในไม่กี่วัน
แม้จะยังอยู่ในช่วงพรีเซล แต่ T6900 ก็เริ่มได้รับความสนใจจากกลุ่มนักลงทุนสายตาไว และหากเหรียญนี้สามารถวิ่งได้เพียงครึ่งหนึ่งของ USELESS ผู้ที่เข้ารอบท้ายยังมีโอกาสได้เห็นกำไร 30x ส่วนคนที่เข้าก่อนลุ้นได้สูงถึง 100x เลยทีเดียว
อีกโปรเจกต์หนึ่งที่ถูกจับตาโดยนักลงทุนที่มองหาความจริงจังมากขึ้น ได้แก่ Bitcoin Hyper (HYPER) ซึ่งเป็นโปรเจกต์ Layer-2 น้องใหม่บนเครือข่ายบิทคอยน์ที่มีเป้าหมายเพื่อเพิ่มความเร็ว ความสามารถในการขยายขนาด และการรองรับ Smart Contract ให้กับระบบนิเวศของบิทคอยน์

ความน่าสนใจของ HYPER คือการที่โปรเจกต์สามารถระดมทุนในช่วง ICO ไปได้แล้วกว่า 3 ล้านดอลลาร์ในเวลาเพียงไม่กี่สัปดาห์ สะท้อนถึงความต้องการของตลาดต่อโซลูชันที่จะมาช่วยปลดล็อกศักยภาพของ BTC ให้มากกว่าการเป็นแค่สินทรัพย์เก็บมูลค่า
การลงทุนในโปรเจกต์ Layer-2 เช่นนี้ ถือเป็นการเดิมพันกับการเติบโตของเครือข่ายหลักโดยตรง ซึ่งนักลงทุนจำนวนมากมองว่านี่คือโอกาสครั้งใหญ่ และคาดว่า HYPER อาจเป็นเหรียญ 10x ตัวต่อไปในโลกของ Bitcoin
สรุป: ข้อมูลเศรษฐกิจหนุน BTC และเหรียญเล็กๆ อย่าง Meme Coin
โดยสรุปแล้ว การที่ข้อมูล Core CPI ของสหรัฐฯ ออกมาดีกว่าคาดได้กลายเป็นปัจจัยบวกสำคัญที่ช่วยให้ตลาดคริปโตฟื้นตัว นำโดย BTC ที่กลับมายืนได้อย่างมั่นคงและส่งสัญญาณบวกไปยังตลาดโดยรวม
ในขณะเดียวกัน โปรเจกต์ที่สร้างขึ้นบนระบบนิเวศของ BTC อย่าง Bitcoin Hyper ก็กำลังได้รับความสนใจอย่างล้นหลาม ซึ่งตอกย้ำให้เห็นว่าอนาคตของ BTC ไม่ได้จำกัดอยู่แค่ราคา แต่ยังรวมถึงการเติบโตของเทคโนโลยี แอปพลิเคชันบนเครือข่ายด้วย และแรงหนุนจากชุมชนด้วย
นักลงทุนจึงควรจับตาทั้งภาพรวมเศรษฐกิจและนวัตกรรมใหม่ๆ ที่เกี่ยวข้องกับ BTC อย่างใกล้ชิด
บล็อกเชนและสินทรัพย์ดิจิทัล, Web3, วิเคราะห์แนวโน้มราคาสินทรัพย์, โทเค็นโนมิกส์ Tanawat Thanichapol เป็นนักวิเคราะห์คริปโตและที่ปรึกษาบล็อกเชนอิสระจากประเทศไทยที่มีประสบการณ์กว่า 7 ปี จบหลักสูตรด้านเศรษฐกิจดิจิทัลจาก MIT Initiative on the Digital Economy (IDE) เขาเคยร่วมงานกับสตาร์ทอัพคริปโตในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และปัจจุบันเขียนบทความวิเคราะห์ตลาด รวมถึงพัฒนาบอทช่วยเทรดให้กับสื่อสายคริปโตหลายแห่ง เขาเชี่ยวชาญด้านโทเค็นโนมิกส์ การวิเคราะห์ on-chain และการจับสัญญาณแนวโน้มในตลาดสินทรัพย์ดิจิทัล สนใจเป็นพิเศษในด้านการเงินแบบกระจายศูนย์และอนาคตของ We