ตามรายงานจาก Forbes, Philippe Laffont มหาเศรษฐีผู้ก่อตั้งกองทุนเฮดจ์ฟันด์ Coatue Management ได้ออกมาคาดการณ์อย่างน่าทึ่งว่า มูลค่าตลาดของ Bitcoin อาจพุ่งสูงถึง 5 ล้านล้านดอลลาร์ภายในปี 2030 โดยมีปัจจัยสำคัญจากแนวโน้มการลดอิทธิพลของเงินดอลลาร์สหรัฐ (De-Dollarization) ซึ่งอาจผลักดันให้นักลงทุนหันมาถือครองสินทรัพย์ทางเลือกอย่าง Bitcoin มากขึ้น
วิเคราะห์ Bitcoin: Laffont จัดเข้าทำเนียบ ‘Fantastic 40’
Philippe Laffont ได้เพิ่ม Bitcoin เข้าไปในลิสต์ ‘Fantastic 40’ ของเขา ซึ่งเป็นกลุ่มสินทรัพย์ที่เขาเชื่อว่าจะสร้างผลตอบแทนสูงสุดในอีก 5 ปีข้างหน้า โดยวาง Bitcoin เคียงข้างกับบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีอย่าง Microsoft และ Nvidia การตัดสินใจครั้งนี้สะท้อนถึงมุมมองที่เปลี่ยนไปของเขาต่อ Bitcoin จากเดิมที่เคยมองว่าเป็นสินทรัพย์ที่มีความผันผวนสูงเกินไป
Laffont ยอมรับกับ CNBC ว่าเขาเคยลังเลที่จะเข้ามาลงทุนใน Bitcoin แต่ตอนนี้เขามองเห็นว่าความผันผวนของมันเริ่มลดลงจนอยู่ในระดับที่ยอมรับได้มากขึ้น เขาคาดการณ์ว่ามูลค่าตลาดของ Bitcoin อาจเพิ่มขึ้นกว่าสองเท่า แตะระดับ 5 ล้านล้านดอลลาร์ภายในปี 2030 ซึ่งใกล้เคียงกับการคาดการณ์มูลค่าของ Microsoft ที่ 5.7 ล้านล้านดอลลาร์ และ Nvidia ที่ 5.6 ล้านล้านดอลลาร์
มุมมองนี้สอดคล้องกับสัญญาณเชิงบวกจากตลาดปัจจุบัน โดยล่าสุดมีการ วิเคราะห์ราคา Bitcoin หลังการฟื้นตัว ซึ่งชี้ให้เห็นถึงโมเมนตัมขาขึ้นที่แข็งแกร่ง นอกจากนี้บุคคลสำคัญในวงการอย่าง Michael Saylor ที่ไม่เพียงแต่เดินหน้าซื้อเพิ่ม แต่ยังได้ เปิดวิสัยทัศน์ราคา Bitcoin ในระยะยาว ที่สร้างความเชื่อมั่นใน Bitcoin อย่างต่อเนื่องเช่นกัน
De-Dollarization ปัจจัยสำคัญที่อาจผลักดันราคา Bitcoin
หัวใจสำคัญของการคาดการณ์ของ Laffont คือแนวโน้ม ‘De-Dollarization’ หรือการที่โลกกำลังลดการพึ่งพิงเงินดอลลาร์สหรัฐฯ เขาชี้ว่าการสิ้นสุดของยุคที่สหรัฐฯ มีความโดดเด่นเป็นพิเศษ (U.S. exceptionalism) จะเป็นแรงผลักดันสำคัญที่ทำให้นักลงทุนมองหาสินทรัพย์เก็บมูลค่าใหม่ๆ
สถานการณ์ดังกล่าวยิ่งน่าจับตามองเมื่อวิกฤตหนี้สาธารณะของสหรัฐฯ ทวีความรุนแรงขึ้น ซึ่งผู้เชี่ยวชาญบางส่วนมองว่า Bitcoin อาจกลายเป็นสกุลเงินสำรองโลก ท่ามกลางความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจนี้
ในสถานการณ์ที่ค่าเงินดอลลาร์อาจอ่อนแอลง Bitcoin ซึ่งมีคุณสมบัติคล้ายกับทองคำดิจิทัลจึงกลายเป็นทางเลือกที่น่าสนใจ Laffont ได้เปรียบเทียบศักยภาพของ Bitcoin กับมูลค่าตลาดของทองคำที่สูงถึง 22 ล้านล้านดอลลาร์ เพื่อแสดงให้เห็นว่า Bitcoin ยังมีพื้นที่ให้เติบโตอีกมหาศาลในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย (Safe Haven) ในอนาคต
BTC Bull Token ($BTCBULL): เหรียญ Meme ที่ให้รางวัลเป็น Bitcoin จริง
จากแนวโน้มการเติบโตของ Bitcoin ที่เราวิเคราะห์มา นักลงทุนหลายคนเริ่มมองหาโอกาสในตลาด Altcoin ที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะ Bitcoin Bull Token ($BTCBULL) ที่กำลังได้รับความสนใจอย่างมากในฐานะ Meme coin ที่เชื่อมโยงกับความสำเร็จของ Bitcoin โดยตรง
BTCBULL สร้างขึ้นบนแนวคิดที่ว่า ‘Bitcoin จะทะลุ 1 ล้านดอลลาร์’ โดยมีกลไกมอบรางวัลเป็น Bitcoin จริงให้กับผู้ถือโทเค็นทุกครั้งที่ราคา BTC แตะหมุดหมายสำคัญ เช่น $100,000, $125,000 และสูงขึ้นไปเรื่อยๆ นอกจากนี้ยังมีระบบเผาเหรียญ (Token Burn) ทุกครั้งที่ผ่านแต่ละหมุดหมายเพื่อลดอุปทานและเพิ่มมูลค่าในระยะยาว ปัจจุบันโครงการระดมทุน Presale ไปได้แล้วกว่า 7.4 ล้านดอลลาร์ ซึ่งสะท้อนความเชื่อมั่นของนักลงทุนในตลาดกระทิงครั้งนี้
เป้าหมายราคาที่ $125,000 นั้นไม่ใช่เรื่องไกลตัว โดยล่าสุด Bitfinex ได้คาดการณ์ว่า Bitcoin มีโอกาสพุ่งแตะระดับดังกล่าว จากปัจจัยสนับสนุนทางเศรษฐกิจและกระแสของ ETF
สรุป: Laffont มอง Bitcoin เป็นสินทรัพย์แห่งอนาคตที่น่าจับตา
การคาดการณ์ของ Philippe Laffont ตอกย้ำสถานะของ Bitcoin ในฐานะสินทรัพย์ที่น่าลงทุนในระยะยาว โดยมีปัจจัยพื้นฐานระดับมหภาคอย่างแนวโน้ม De-Dollarization เป็นตัวขับเคลื่อนหลัก เป้าหมายมูลค่าตลาด 5 ล้านล้านดอลลาร์อาจดูท้าทาย แต่ก็สะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมั่นว่า Bitcoin กำลังจะกลายเป็นสินทรัพย์กระแสหลักเทียบชั้นกับบริษัทยักษ์ใหญ่ของโลก และเป็นสิ่งที่นักลงทุนไม่ควรมองข้าม
ความเชื่อมั่นของนักลงทุนระยะยาวยังสะท้อนผ่านข้อมูลบนบล็อกเชน ซึ่ง CryptoQuant ชี้ว่า กลุ่มนักลงทุนระยะยาวกำลังสะสม Bitcoin ซึ่งเป็นสัญญาณที่เคยเกิดขึ้นก่อนรอบขาขึ้นครั้งใหญ่ในอดีต
บล็อกเชนและสินทรัพย์ดิจิทัล, Web3, วิเคราะห์แนวโน้มราคาสินทรัพย์, โทเค็นโนมิกส์ Tanawat Thanichapol เป็นนักวิเคราะห์คริปโตและที่ปรึกษาบล็อกเชนอิสระจากประเทศไทยที่มีประสบการณ์กว่า 7 ปี จบหลักสูตรด้านเศรษฐกิจดิจิทัลจาก MIT Initiative on the Digital Economy (IDE) เขาเคยร่วมงานกับสตาร์ทอัพคริปโตในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และปัจจุบันเขียนบทความวิเคราะห์ตลาด รวมถึงพัฒนาบอทช่วยเทรดให้กับสื่อสายคริปโตหลายแห่ง เขาเชี่ยวชาญด้านโทเค็นโนมิกส์ การวิเคราะห์ on-chain และการจับสัญญาณแนวโน้มในตลาดสินทรัพย์ดิจิทัล สนใจเป็นพิเศษในด้านการเงินแบบกระจายศูนย์และอนาคตของ We