ราคา Bitcoin พุ่งขึ้นอย่างน่าจับตา 1.78% ใน 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา แตะระดับ $109,500 โดยได้รับแรงหนุนสำคัญจากการไหลเข้าของเงินทุนสถาบันผ่าน Spot Bitcoin ETF นำโดยยักษ์ใหญ่อย่าง BlackRock ประกอบกับความตึงเครียดทางการค้าโลกที่ผ่อนคลายลง และโมเมนตัมทางเทคนิคที่แข็งแกร่ง ปัจจัยเหล่านี้กำลังผลักดันให้ราคา Bitcoin มีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง การเติบโตของ Bitcoin ครั้งนี้สะท้อนความเชื่อมั่นที่เพิ่มขึ้นจากนักลงทุนรายใหญ่ ซึ่งมองว่า Bitcoin เป็นสินทรัพย์ที่น่าลงทุนในระยะยาว
BlackRock นำทัพ! เงินทุน ETF หนุนราคา Bitcoin ทะลุ $1 พันล้าน
ข้อมูลตลาดล่าสุด ณ วันที่ 3 กรกฎาคม ชี้ให้เห็นว่า Spot Bitcoin ETF สามารถดึงดูดเงินทุนไหลเข้าได้มากกว่า 1 พันล้านดอลลาร์ภายในเวลาเพียงสองวันเท่านั้น โดยมีผู้ออกกองทุนรายใหญ่อย่าง BlackRock และ Fidelity เป็นผู้นำทัพ การไหลเข้าของเงินทุนมหาศาลนี้สะท้อนถึงความต้องการ Bitcoin จากกลุ่มนักลงทุนสถาบันที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
นักวิเคราะห์ตั้งข้อสังเกตว่า ปัจจุบันผลิตภัณฑ์การลงทุนที่ได้รับการกำกับดูแลเหล่านี้ถือครองอุปทานหมุนเวียนของ Bitcoin ในสหรัฐฯ ไปแล้วประมาณ 40% สถานการณ์นี้ส่งผลโดยตรงต่อสภาพคล่องของ Bitcoin ในตลาด ทำให้มีอุปทานน้อยลงและสร้างแรงกดดันให้ราคา Bitcoin ปรับตัวสูงขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ การเข้ามาของสถาบันจึงเป็นปัจจัยสำคัญที่ขับเคลื่อนราคา Bitcoin ในรอบนี้

นอกเหนือจากการลงทุนผ่าน ETF แล้ว ยังมีข้อมูลที่น่าสนใจว่าบริษัทมหาชนแห่ซื้อ Bitcoin แซงหน้า ETF มาหลายไตรมาสติดต่อกัน ซึ่งเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ส่งผลต่ออุปทานในตลาด
ปัจจัยมหภาคหนุนตลาด Bitcoin: การค้าโลกและสภาพคล่อง
นอกเหนือจากปัจจัยภายในตลาดคริปโตแล้ว สภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจมหภาคก็เป็นอีกแรงหนุนสำคัญ การที่รัฐบาลสหรัฐฯ ประกาศลดภาษีนำเข้าสินค้าจากเวียดนามจาก 46% เหลือ 20% ถูกมองว่าเป็นสัญญาณบวกที่ช่วยลดความตึงเครียดทางการค้าและส่งเสริมความร่วมมือระหว่างประเทศ บรรยากาศที่ดีขึ้นนี้ส่งผลให้นักลงทุนกล้าที่จะลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงอย่าง Bitcoin มากขึ้น
ในขณะเดียวกัน ปริมาณเงิน M2 ของสหรัฐฯ ที่เพิ่มขึ้นแตะระดับ 55.48 ล้านล้านดอลลาร์ เป็นการเพิ่มสภาพคล่องมหาศาลเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ ซึ่งโดยปกติแล้วสภาพคล่องส่วนเกินนี้มักจะไหลเข้าสู่ตลาดสินทรัพย์เสี่ยงเพื่อแสวงหาผลตอบแทนที่สูงขึ้น และ Bitcoin ก็เป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางสำคัญของเงินทุนเหล่านี้ การเติบโตของ Bitcoin จึงได้รับอานิสงส์จากปัจจัยมหภาคนี้อย่างเต็มที่
วิเคราะห์กราฟ Bitcoin: สัญญาณกระทิงชัดเจนและแนวต้านสำคัญ
ในเชิงเทคนิค ตามข้อมูลจาก CoinCodex ราคา Bitcoin แสดงสัญญาณกระทิงที่ชัดเจน โดยล่าสุดราคาได้ทะลุผ่านเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่อย่างง่าย (SMA) ทั้งระยะสั้น 7 วันที่ $107,350 และระยะ 30 วันที่ $105,926 ซึ่งเป็นการยืนยันโครงสร้างขาขึ้นในระยะสั้นของ Bitcoin ได้เป็นอย่างดี
เมื่อพิจารณาอินดิเคเตอร์วัดโมเมนตัมอย่าง Relative Strength Index (RSI) พบว่าค่าปัจจุบันอยู่ที่ 58.32 ซึ่งบ่งชี้ว่าตลาด Bitcoin ยังอยู่ในโซนกลาง (Neutral) และยังมีพื้นที่ให้ราคาปรับตัวขึ้นได้อีกก่อนที่จะเข้าสู่ภาวะซื้อมากเกินไป (Overbought) สอดคล้องกับ MACD Histogram ที่เป็นบวกที่ +240.66 สะท้อนโมเมนตัมขาขึ้นที่กำลังแข็งแกร่งของ Bitcoin
สำหรับแนวรับ-แนวต้านที่น่าจับตาของ Bitcoin ในขณะนี้ แนวรับสำคัญอยู่ที่ระดับ $106,265 และ $103,684 ในขณะที่แนวต้านสำคัญที่ Bitcoin ต้องผ่านไปให้ได้คือ $110,555 และ $112,264 การเคลื่อนไหวของราคา Bitcoin ในกรอบนี้จะเป็นตัวชี้วัดทิศทางในระยะต่อไป
นอกจากการวิเคราะห์ทางเทคนิคในระยะสั้นแล้ว สถาบันการเงินขนาดใหญ่อย่าง Standard Chartered ก็ได้ออกมาแสดงมุมมองเชิงบวกในระยะยาว โดยมีการคาดการณ์ว่าราคา Bitcoin อาจพุ่งทะลุ $200,000 ในอนาคต
สรุป: BlackRock และปัจจัยหนุน ดัน Bitcoin สู่ขาขึ้นรอบใหม่
โดยสรุป การทะยานขึ้นของราคา Bitcoin ในครั้งนี้เป็นผลมาจากปัจจัยบวกหลายด้านที่เกิดขึ้นพร้อมกัน ทั้งการไหลเข้าของเงินทุนมหาศาลจาก Spot Bitcoin ETF ที่นำโดย BlackRock, บรรยากาศเศรษฐกิจมหภาคที่ผ่อนคลาย และสัญญาณทางเทคนิคที่ยืนยันแนวโน้มขาขึ้นอย่างชัดเจน ปัจจัยเหล่านี้ได้สร้างรากฐานที่แข็งแกร่งให้กับ Bitcoin และทำให้นักลงทุนทั่วโลกจับตามองว่าราคา Bitcoin จะสามารถทะลุแนวต้านสำคัญและสร้างสถิติใหม่ได้อีกครั้งในอนาคตอันใกล้นี้
จากแนวโน้มเชิงบวกทั้งหมดนี้ อาจทำให้นักลงทุนหลายคนเกิดคำถามว่า การลงทุนบิทคอยน์ตอนนี้ยังทันหรือไม่ ซึ่งเป็นประเด็นสำคัญที่ต้องพิจารณาถึงศักยภาพในอนาคต
และสำหรับผู้ที่ตัดสินใจแล้วว่าต้องการเริ่มต้นลงทุน การศึกษาวิธีซื้อบิทคอยน์สำหรับผู้เริ่มต้นอย่างละเอียดจะช่วยให้สามารถเข้าสู่ตลาดได้อย่างมั่นใจและปลอดภัย
พิชญา รัตนวงศ์ เป็นนักข่าวและนักวิเคราะห์ด้านคริปโตเคอเรนซีและเทคโนโลยีบล็อกเชน ผู้มีความเชี่ยวชาญในการถ่ายทอดข้อมูลที่ซับซ้อนให้เข้าใจง่ายสำหรับผู้อ่านทุกระดับ ไม่ว่าจะเป็นนักลงทุนมือใหม่หรือผู้เชี่ยวชาญในวงการ ด้วยประสบการณ์กว่า 8 ปีในสายงานข่าวการเงินดิจิทัลและการกำกับดูแล Web3 พิชญาเคยร่วมงานกับทั้งสื่อในประเทศและต่างประเทศ เช่น Bangkok Biz, Asia Blockchain Review และ BeInCrypto
เธอมุ่งมั่นในการเชื่อมโยงข้อมูลข่าวสารระหว่างผู้กำหนดนโยบาย ผู้พัฒนาเทคโนโลยี และนักลงทุน พร้อมส่งเสริมความรู้ความเข้าใจเรื่องกฎระเบียบคริปโตในบริบทไทย-อาเซียน ผลงานของเธอมีจุดเด่นด้านการวิเคราะห์ข่าว DeFi การลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัล และการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของ Web3 ที่กำลังเปลี่ยนโฉมเศรษฐกิจดิจิทัลของภูมิภาค