Horsley–Saylor เห็นพ้อง! สถาบันเทเงิน หนุน Bitcoin สู่ฐานใหม่

ตลาดคริปโตกลับมาคึกคักอีกครั้ง หลัง Hunter Horsley, CEO ของ Bitwise ออกมาคาดการณ์ว่าแรงเทขาย Bitcoin จะหมดไปเมื่อราคาทะยานสู่ระดับ $150,000 สอดรับกับมุมมองของ Michael Saylor ที่ชี้ว่ายุคใหม่ของ Bitcoin ที่ขับเคลื่อนโดยสถาบันการเงินได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว

CEO Bitwise มั่นใจ! Bitcoin แตะ $150K จะเข้าสู่ยุคถือยาว

เมื่อวันที่ 10 มิถุนายน Hunter Horsley, CEO ของ Bitwise Investor, ได้จุดประกายความหวังในตลาดผ่าน X (Twitter เดิม) โดยระบุว่า “ผมคิดว่าเมื่อ Bitcoin ทะลุระดับ $130,000 – $150,000 ไปได้ จะไม่มีใครอยากขาย Bitcoin อีกต่อไป” เขาเชื่อว่าแรงเทขายที่เกิดขึ้นบริเวณ $100,000 นั้นมาจากนักลงทุนยุคแรกที่ตั้งเป้าทำกำไรไว้ แต่เมื่อราคาสร้างฐานใหม่ที่สูงขึ้น พฤติกรรมของนักลงทุนจะเปลี่ยนจากการขายทำกำไรเป็นการถือครองเพื่อสะสมความมั่งคั่ง

Horsley ยังมองไปไกลกว่านั้น โดยคาดว่าเมื่อความเชื่อมั่นเพิ่มขึ้น ทั้งนักลงทุนสถาบันและรายย่อยอาจถึงขั้นกู้ยืมเงินเพื่อเข้าซื้อ Bitcoin เพิ่ม ซึ่งจะเป็นแรงส่งสำคัญที่ผลักดันราคาให้พุ่งสูงขึ้นไปอีก อย่างไรก็ตาม มุมมองนี้ก็มีเสียงวิจารณ์จากนักลงทุนบางส่วนที่มองว่าเป็นคำทำนายที่เกินจริงและอาจซ้ำรอยประวัติศาสตร์ใน Bull Run รอบก่อนๆ ที่เคยมีการคาดการณ์คล้ายกันแต่ไม่เป็นไปตามนั้น

ในขณะที่คำทำนายมีความหลากหลาย การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานของตลาดก็เป็นสิ่งสำคัญ ซึ่งแนวโน้มของอุปทานเงินก็เป็นอีกหนึ่งตัวชี้วัดที่น่าสนใจ โดยหลายคนกำลังจับตาดูว่า แนวโน้มราคา Bitcoin และอุปทานเงิน จะส่งผลต่อตลาดในระยะสั้นอย่างไร

Saylor ชี้สถาบันเข้าซื้อคือสัญญาณ Bull Run ครั้งใหม่ของ BTC

สิ่งที่ทำให้ Bull Run รอบนี้แตกต่างจากครั้งก่อนๆ คือการเข้ามาอย่างจริงจังของนักลงทุนสถาบัน Michael Saylor ผู้ก่อตั้ง MicroStrategy และผู้สนับสนุน Bitcoin ตัวยง ได้ให้สัมภาษณ์กับ Bloomberg ว่า “Bitcoin ได้ผ่านช่วงที่วิกฤตที่สุดไปแล้ว” และตลาดหมี (Crypto Winter) จะไม่กลับมาอีกในเร็วๆ นี้

On @BloombergTV: I explain $STRK, $STRF, $STRD, the risk of shorting $MSTR, the rise of Bitcoin Treasury Companies, our 100% BTC @Strategy, debunk Quantum FUD, and show why AI is bullish for Bitcoin.pic.twitter.com/mOAaAm6DaD

— Michael Saylor (@saylor) June 10, 2025

Saylor ชี้ว่าการที่สถาบันการเงินยักษ์ใหญ่อย่าง BlackRock, VanEck, Grayscale รวมถึงบริษัทเทคโนโลยีอย่าง MetaPlanet และ MicroStrategy เอง ต่างพากันเข้าสะสม Bitcoin เป็นเครื่องยืนยันถึงความชอบธรรมของสินทรัพย์ดิจิทัลนี้ นอกจากนี้ ท่าทีที่เป็นมิตรต่อคริปโตของรัฐบาลสหรัฐฯ ก็เป็นอีกปัจจัยสำคัญที่สร้างความเชื่อมั่นให้กับตลาด โดยเขากล่าวทิ้งท้ายอย่างมั่นใจว่า “เราค่อยมาคุยกันเรื่องตลาดหมีอีกที ตอนที่ Bitcoin แตะ 1 ล้านดอลลาร์ก็ยังไม่สาย”

การเข้ามาของสถาบันการเงินและการเคลื่อนไหวทางการเมืองถือเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อตลาด ซึ่งล่าสุดก็มีความเคลื่อนไหวที่น่าสนใจเกี่ยวกับ ความเป็นจริงของราคา Bitcoin และคำมั่นสัญญาต่อนักลงทุน ที่อาจได้รับอิทธิพลจากการตัดสินใจของหน่วยงานกำกับดูแล

แม้ว่าแนวโน้มของ Bitcoin จะเป็นบวก แต่นักลงทุนที่มองหาโอกาสเติบโตสูงอาจพิจารณาสินทรัพย์ทางเลือกอื่น ๆ ที่มีศักยภาพและกำลังอยู่ในช่วงเริ่มต้น โดยมี 3 โปรเจกต์ที่น่าจับตา ได้แก่

1. Bitcoin Hyper: โปรเจกต์ Layer-2 สำหรับ Bitcoin ที่ต้องการเพิ่มประโยชน์ใช้สอยมากกว่าเก็งกำไร

Bitcoin Hyper ตั้งเป้าดึง Bitcoin ออกจากการเป็นเพียงสินทรัพย์เก็งกำไร ด้วยการเพิ่มกรณีใช้งานผ่านเทคโนโลยี Layer 2 ที่ทีมพัฒนาอ้างว่าเป็นโซลูชัน L2 แรกของเครือข่าย Bitcoin ที่ผสานทั้ง “ความไฮป์” และการใช้งานจริง

ภายในเอกสารไวต์เปเปอร์ โปรเจกต์นี้วางโครงสร้างทางเทคโนโลยีไว้อย่างเป็นระบบ โดยใช้ 3 องค์ประกอบหลัก ได้แก่ L2 scaling, Solana Virtual Machine และ Canonical bridge เพื่อเพิ่มความเร็ว ความยืดหยุ่น และเชื่อมโยงกับเครือข่าย Bitcoin หลัก

Bitcoin Hyper สามารถระดมทุนได้เกิน 1 ล้านดอลลาร์แล้ว และได้รับการสนับสนุนจากยูทูบเบอร์ชื่อดังอย่าง Alessandro De Crypto

เทคโนโลยีที่อยู่เบื้องหลังโปรเจกต์นี้มีความน่าสนใจอย่างยิ่ง โดยเป็นการผสมผสานจุดแข็งของสองเครือข่ายเข้าด้วยกัน ซึ่งสามารถศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับ เทคโนโลยีความเร็วสูงของ Bitcoin Hyper และ Solana เพื่อทำความเข้าใจศักยภาพของมันได้ดียิ่งขึ้น

2. SUBBD: แพลตฟอร์มสำหรับครีเอเตอร์ที่เทียบเท่ากับ OnlyFans ในโลก Web3

SUBBD คือโทเคนยูทิลิตีที่มุ่งสร้างระบบนิเวศด้านคอนเทนต์ภายใต้แนวคิด Web3 โดยเปรียบเสมือนเวอร์ชันใหม่ของ OnlyFans ที่ผสานเครื่องมือ AI เพื่อช่วยครีเอเตอร์ผลิตเนื้อหาได้มีคุณภาพมากขึ้น

ระบบยังเปิดโอกาสให้แฟนๆ สร้างความสัมพันธ์กับครีเอเตอร์ในรูปแบบที่ลึกซึ้งยิ่งกว่าการจ่ายเงินเพียงอย่างเดียว ด้วยการวางรากฐานบนเทคโนโลยีบล็อกเชนและ AI ด้วยเหตุนี้เอง SUBBD จึงกลายเป็นอีกหนึ่งโปรเจกต์ที่น่าจับตาจากการวิเคราะห์ด้วย AI โดยปัจจุบันโครงการมีผู้ใช้งานแล้วกว่า 2,000 โมเดล และอาจเข้าถึงผู้ติดตามมากถึง 250 ล้านคนทั่วโลก

3. Snorter : เหรียญมีมที่มาพร้อมกับเครื่องมือ Crypto Sniping บนเครือข่าย Solana

Snorter เป็นมีมคอยน์ที่พัฒนาเป็นเครื่องมือสไนป์อัตโนมัติบนเครือข่าย Solana โดยมีจุดเด่นที่ความเร็วและความสามารถในการจับจังหวะลงทุนในเหรียญมีมที่มีแนวโน้มเติบโต

ตัวโปรเจกต์ใช้มดดิน (aardvark) เป็นมาสคอต และสามารถระดมทุนได้เกือบ 500,000 ดอลลาร์ในเวลาอันสั้น ความนิยมของ Snorter ยังมาจากการสื่อสารกับชุมชนผ่าน Telegram และฟีเจอร์สำคัญ เช่น การเทรดเร็ว การป้องกัน Honeypot และระบบ Copy Trading ที่ทำให้ผู้ใช้งานสามารถติดตามกลยุทธ์ของนักลงทุนรายใหญ่ได้แบบเรียลไทม์ โดยนักวิเคราะห์อย่าง ClayBro ก็กล่าวชื่นชมระบบกระจายศูนย์ของโปรเจกต์นี้ในคลิปรีวิวล่าสุด

สำหรับนักลงทุนที่สนใจในเหรียญประเภทนี้ การทำความเข้าใจขั้นตอนและวิธีการเข้าซื้ออย่างปลอดภัยถือเป็นสิ่งสำคัญ โดยสามารถเรียนรู้ วิธีการซื้อเหรียญมีมสำหรับมือใหม่ เพื่อเริ่มต้นการลงทุนในสินทรัพย์ทางเลือกที่กำลังเป็นกระแสได้

Bitcoin ยังมีแรงส่งอีกเยอะ? จับตาสัญญาณจากสถาบัน

มุมมองของ Hunter Horsley และ Michael Saylor สะท้อนความเชื่อมั่นว่า Bitcoin กำลังเปลี่ยนผ่านสู่การเป็นสินทรัพย์ระยะยาวที่ขับเคลื่อนโดยทุนสถาบัน ซึ่งอาจเป็นกุญแจสำคัญในการผลักดันราคาให้ทะลุเป้าหมาย $150,000 ได้จริง อย่างไรก็ตาม ความผันผวนล่าสุดแสดงให้เห็นว่าตลาดยังคงมีความไม่แน่นอนสูง ดังนั้น การติดตามการเคลื่อนไหวของนักลงทุนสถาบันอย่างใกล้ชิดจะเป็นตัวชี้วัดทิศทางของ Bitcoin ที่สำคัญที่สุดในระยะต่อไป

ในขณะที่ตลาดยังคงมองหาทิศทางต่อไป นักวิเคราะห์หลายคนก็ได้ออกมาแสดงทรรศนะที่น่าสนใจ ซึ่งรวมถึง การคาดการณ์การพุ่งขึ้นของราคา Bitcoin ที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้นี้

Phitchaya Rattanavong

พิชญา รัตนวงศ์ เป็นนักข่าวและนักวิเคราะห์ด้านคริปโตเคอเรนซีและเทคโนโลยีบล็อกเชน ผู้มีความเชี่ยวชาญในการถ่ายทอดข้อมูลที่ซับซ้อนให้เข้าใจง่ายสำหรับผู้อ่านทุกระดับ ไม่ว่าจะเป็นนักลงทุนมือใหม่หรือผู้เชี่ยวชาญในวงการ ด้วยประสบการณ์กว่า 8 ปีในสายงานข่าวการเงินดิจิทัลและการกำกับดูแล Web3 พิชญาเคยร่วมงานกับทั้งสื่อในประเทศและต่างประเทศ เช่น Bangkok Biz, Asia Blockchain Review และ BeInCrypto เธอมุ่งมั่นในการเชื่อมโยงข้อมูลข่าวสารระหว่างผู้กำหนดนโยบาย ผู้พัฒนาเทคโนโลยี และนักลงทุน พร้อมส่งเสริมความรู้ความเข้าใจเรื่องกฎระเบียบคริปโตในบริบทไทย-อาเซียน ผลงานของเธอมีจุดเด่นด้านการวิเคราะห์ข่าว DeFi การลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัล และการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของ Web3 ที่กำลังเปลี่ยนโฉมเศรษฐกิจดิจิทัลของภูมิภาค