Home » Bitcoin แซง Amazon และ Google เป็นสินทรัพย์อันดับ 5 ของโลก! เปิดลิสต์เหรียญที่มีลุ้นตามรอย

Bitcoin แซง Amazon และ Google เป็นสินทรัพย์อันดับ 5 ของโลก! เปิดลิสต์เหรียญที่มีลุ้นตามรอย

16.07.2025 11:57 2 นาทีที่อ่าน Tanawat Thanichapol
Disclosure

บทความนี้อาจมีลิงก์พันธมิตร ซึ่งทางเว็บไซต์อาจได้รับค่าตอบแทนหากผู้อ่านคลิกหรือลงทะเบียนผ่านลิงก์ดังกล่าว โดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมสำหรับผู้อ่าน หากคุณยังคงใช้ไซต์นี้ต่อไป แสดงว่าคุณยอมรับข้อกำหนดและเงื่อนไขของเรา


แบ่งปัน: หุ้น

การลงทุนในคริปโตมีความเสี่ยงสูง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลและตัดสินใจด้วยตนเอง เนื้อหาในเว็บไซต์จัดทำเพื่อให้ข้อมูล ไม่ใช่คำแนะนำการลงทุน เนื้อหาบางส่วนอาจมี Affiliate Links ซึ่งเราอาจได้รับค่าคอมมิชชั่น โปรดอ่าน Affiliate Disclaimer และนโยบายบรรณาธิการสำหรับรายละเอียดเพิ่มเติม

Bitcoin แซง Amazon และ Google เป็นสินทรัพย์อันดับ 5 ของโลก! เปิดลิสต์เหรียญที่มีลุ้นตามรอย

Bitcoin (BTC) สร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้กับวงการสินทรัพย์ดิจิทัลอีกครั้ง โดยล่าสุดมูลค่าตลาด (Market Cap) ได้พุ่งทะยานแซงหน้าบริษัทยักษ์ใหญ่ระดับโลกอย่าง Google (Alphabet) และ Amazon เป็นที่เรียบร้อย การเติบโตอย่างก้าวกระโดดนี้ไม่เพียงแต่ตอกย้ำสถานะของ Bitcoin ในฐานะสินทรัพย์ที่น่าลงทุน แต่ยังเป็นสัญญาณที่ชัดเจนว่าสถาบันการเงินและนักลงทุนรายใหญ่กำลังหันมาให้ความสนใจในตลาดคริปโตเคอร์เรนซีอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน บทความนี้จะเจาะลึกถึงปัจจัยเบื้องหลังความสำเร็จของ Bitcoin และวิเคราะห์เหรียญทางเลือกที่อาจได้รับอานิสงส์จากการเติบโตครั้งนี้

Bitcoin สร้างสถิติใหม่! ขึ้นแท่นสินทรัพย์มูลค่าสูงสุดอันดับ 5 ของโลก

ความสำเร็จครั้งประวัติศาสตร์ของ Bitcoin เกิดขึ้นเมื่อมูลค่าตลาดรวมพุ่งสูงถึงประมาณ 2.4 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ทำให้สามารถแซงหน้ามูลค่าตลาดของ Amazon และ Alphabet ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของ Google ที่มีมูลค่าอยู่ที่ราว 2.2 ล้านล้านดอลลาร์ได้อย่างขาดลอย ความสำเร็จนี้ส่งผลให้ Bitcoin กลายเป็นสินทรัพย์ที่มีมูลค่าสูงที่สุดเป็นอันดับที่ 5 ของโลก ซึ่งถือเป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญที่แสดงให้เห็นถึงพลังและการยอมรับที่เพิ่มขึ้นของสกุลเงินดิจิทัล

Bitcoin สร้างสถิติใหม่! ขึ้นแท่นสินทรัพย์มูลค่าสูงสุดอันดับ 5 ของโลก

การที่มูลค่าของ Bitcoin สามารถเทียบชั้นกับบริษัทเทคโนโลยีที่ทรงอิทธิพลที่สุดในโลกได้นั้น สะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่มีต่อศักยภาพของ Bitcoin ในระยะยาว ไม่ใช่เป็นเพียงสินทรัพย์เพื่อการเก็งกำไรอีกต่อไป แต่กำลังถูกมองว่าเป็นเครื่องมือในการเก็บรักษามูลค่า (Store of Value) ที่แข็งแกร่งและเป็นทางเลือกใหม่ในโลกการเงินสมัยใหม่

เจาะลึกปัจจัยหนุนราคา Bitcoin พุ่งทะลุ $120,000

ปัจจัยหลักที่ขับเคลื่อนการเติบโตของ Bitcoin ในครั้งนี้คือการหลั่งไหลเข้ามาของเงินทุนจากสถาบัน หลังจากที่สหรัฐอเมริกาอนุมัติการจัดตั้งกองทุน Spot Bitcoin ETF ในช่วงต้นปี 2024 ซึ่งเปิดประตูให้นักลงทุนสถาบันและรายย่อยสามารถเข้าถึง Bitcoin ได้ง่ายและปลอดภัยยิ่งขึ้น นอกจากนี้ สภาพแวดล้อมด้านกฎระเบียบที่เป็นมิตรมากขึ้นภายใต้การบริหารของประธาน ก.ล.ต. สหรัฐฯ คนใหม่ ก็เป็นอีกหนึ่งแรงหนุนสำคัญ

ข้อมูลจาก Glassnode ล่าสุดแสดงให้เห็นว่ากองทุน Bitcoin ETF มีเงินทุนไหลเข้าเป็นบวกอย่างต่อเนื่อง โดยในบางวันมีเม็ดเงินลงทุนไหลเข้ามากกว่าหนึ่งพันล้านดอลลาร์ สิ่งนี้แสดงให้เห็นถึงความต้องการ Bitcoin ที่เพิ่มขึ้นอย่างมหาศาลจากฝั่งสถาบัน ซึ่งเป็นแรงขับเคลื่อนที่ทรงพลังและแตกต่างจากตลาดกระทิงในรอบก่อนๆ ที่ส่วนใหญ่ขับเคลื่อนโดยนักลงทุนรายย่อย

 

ความสำเร็จของการอนุมัติ ETF นั้นเห็นได้ชัดจากกองทุนของสถาบันการเงินชั้นนำ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ความต้องการ Bitcoin ETF ของ BlackRock ที่ได้สร้างสถิติใหม่และดึงดูดเม็ดเงินลงทุนมหาศาลเข้าสู่ตลาด

ปรากฏการณ์ “MicroStrategy Effect” ปลุกกระแสบริษัทแห่ซื้อ Bitcoin

อีกหนึ่งปรากฏการณ์ที่น่าสนใจคือ “MicroStrategy Effect” ซึ่งเริ่มต้นจากกลยุทธ์ของ Michael Saylor ประธานบริษัท Strategy (ชื่อเดิม MicroStrategy) ที่ตัดสินใจนำเงินสดสำรองของบริษัทกว่า 500 ล้านดอลลาร์มาลงทุนใน Bitcoin ในปี 2020 การตัดสินใจครั้งนั้นส่งผลให้มูลค่าของบริษัทพุ่งสูงขึ้นกว่า 3,700% และได้สร้างต้นแบบให้บริษัทอื่นๆ หันมาพิจารณา Bitcoin เป็นสินทรัพย์ในคลังของบริษัท ซึ่งล่าสุดเมื่อวาน ณ วันที่ 15 กรกฎาคม 2025 บริษัท Strategy ประกาศช้อนซื้อ Bitcoin เพิ่ม ดันยอดรวมเกิน 6 แสน BTC แล้ว เป็นผู้ถือครองมากอันดับสองของโลกรองจาก ETF ของ BlackRock

กราฟแสดงยอดผู้ถือครอง BTC ในโลก

ความสำเร็จของ MicroStrategy ได้จุดประกายให้บริษัทจดทะเบียนจำนวนมาก แม้แต่บริษัทที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีโดยตรง เริ่มระดมทุนเพื่อเข้าซื้อ Bitcoin เก็บไว้เป็นสินทรัพย์สำรอง กลยุทธ์การเข้าซื้อ Bitcoin ของภาคธุรกิจนี้ได้สร้างอุปทานความต้องการระลอกใหม่ที่แข็งแกร่ง และเป็นอีกหนึ่งในลมใต้ปีกที่ช่วยผลักดันราคา Bitcoin ให้ทะยานขึ้นอย่างต่อเนื่อง

นักวิเคราะห์คาดการณ์อนาคต Bitcoin ยังมีโอกาสเติบโตอีกมาก

แม้ว่า Bitcoin จะประสบความสำเร็จอย่างมากในรอบนี้ แต่นักวิเคราะห์หลายสำนักยังคงมองว่านี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของการเติบโตเท่านั้น บทวิเคราะห์ล่าสุดชี้ให้เห็นถึง 5 เหตุผลที่ราคา Bitcoin ยังสามารถปรับตัวขึ้นได้อีกเท่าตัวจากระดับปัจจุบัน ขณะที่นักวิเคราะห์นามแฝงอย่าง “EliteOptionsTrader” คาดการณ์ว่าราคา Bitcoin มีโอกาสเพิ่มขึ้นอีก 100% ก่อนสิ้นปีนี้

นอกเหนือจากมุมมองเชิงบวกในระยะยาวแล้ว ในระยะสั้นเองก็มีสัญญาณที่ดีเช่นกัน โดยล่าสุด การฟื้นตัวของราคา Bitcoin ก็ได้ส่งผลให้ตลาดคริปโตโดยรวมกลับมาคึกคักอีกครั้ง

มุมมองเชิงบวกเหล่านี้ตอกย้ำว่าโมเมนตัมของ Bitcoin ยังคงแข็งแกร่ง และการยอมรับที่เพิ่มขึ้นจากทั้งฝั่งสถาบันและภาคธุรกิจจะเป็นปัจจัยสำคัญที่คอยสนับสนุนราคา Bitcoin ในระยะยาว นักลงทุนจึงต่างจับตามองว่าราคา Bitcoin จะสามารถสร้างสถิติสูงสุดใหม่ต่อไปได้ถึงระดับใด

Bitcoin Hyper (HYPER): โซลูชัน Layer-2 ที่ต่อยอดความสำเร็จของ Bitcoin

ท่ามกลางการเติบโตของ Bitcoin โครงการอย่าง Bitcoin Hyper ได้รับความสนใจในฐานะโซลูชัน Layer-2 ที่สร้างขึ้นบนรากฐานของ Bitcoin โดยมีเป้าหมายเพื่อเพิ่มขีดความสามารถด้าน Smart Contract และดึงดูดเงินทุนจากสถาบัน Bitcoin Hyper พยายามบุกเบิกแนวทางใหม่ด้วยการผสมผสานความปลอดภัยของ Bitcoin เข้ากับความเร็วในการประมวลผลของ Solana (Solana Virtual Machine – SVM)

Bitcoin Hyper (HYPER): โซลูชัน Layer-2 ที่ต่อยอดความสำเร็จของ Bitcoin

โครงการนี้ระดมทุนไปแล้วกว่า 3 ล้านดอลลาร์ นักลงทุนมองว่า Bitcoin Hyper เป็นโอกาสที่หาได้ยาก คล้ายกับการลงทุนใน Bitcoin ยุคแรกๆ โดยนักวิเคราะห์จากช่อง 99Bitcoins คาดการณ์ว่า Bitcoin Hyper อาจสร้างผลตอบแทนได้ถึง 10 เท่า ซึ่งเป็นการต่อยอดความสำเร็จจากระบบนิเวศของ Bitcoin โดยตรง

ด้วยแนวคิดที่น่าสนใจนี้ ทำให้นักลงทุนจำนวนมากจับตามองอนาคตของโปรเจกต์ ซึ่งมีการ วิเคราะห์แนวโน้มราคา Bitcoin Hyper ว่าอาจมีศักยภาพในการเติบโตสูงในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า

สำหรับนักลงทุนที่สนใจในศักยภาพของโปรเจกต์และต้องการเป็นส่วนหนึ่งของการเติบโต สามารถศึกษา วิธีซื้อ Bitcoin Hyper อย่างละเอียด เพื่อเตรียมความพร้อมก่อนตัดสินใจลงทุน

Snorter (SNORT): เครื่องมือเทรดความเร็วสูงสำหรับตลาด Altcoin

ในขณะที่ความสนใจเริ่มกระจายจาก Bitcoin ไปยัง Altcoin อื่นๆ เครื่องมือที่ช่วยเพิ่มความได้เปรียบในการเทรดจึงเป็นที่ต้องการ Snorter (SNORT) คือโทเคนที่ขับเคลื่อน Snorter Bot ซึ่งเป็นบอทเทรดความเร็วสูงบน Telegram ที่สร้างขึ้นสำหรับเครือข่าย Solana โครงการนี้ระดมทุนไปแล้วกว่า 1.7 ล้านดอลลาร์ในเวลาเพียงไม่กี่สัปดาห์ สะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมั่นในประโยชน์ใช้สอยจริง

Snorter ถูกออกแบบมาเพื่อช่วยให้นักลงทุนรายย่อยสามารถแข่งขันกับการเทรดความเร็วสูงของบอทและนักลงทุนรายใหญ่ได้ โดยมีฟีเจอร์อย่างการดักซื้อเหรียญ (sniping) ในเสี้ยววินาที, copy trading และระบบป้องกันการหลอกลวง ซึ่งตอบโจทย์ความต้องการของตลาดในปัจจุบันที่มองหาเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพมากกว่าแค่เหรียญมีมตามกระแส

ด้วยคุณสมบัติที่ตอบโจทย์นักเทรด ทำให้หลายคนคาดการณ์ถึงมูลค่าของโทเคนในอนาคต โดยมีการ คาดการณ์ราคา Snorter Token ปี 2025-2030 ว่าอาจเป็นหนึ่งในเครื่องมือทำกำไรที่น่าสนใจ

ผู้ที่มองเห็นโอกาสจากบอทเทรดความเร็วสูงและต้องการลงทุนในโทเคน สามารถศึกษา ขั้นตอนการซื้อ Snorter Token เพื่อเริ่มต้นใช้งานและลงทุนในโปรเจกต์นี้

TOKEN6900: เหรียญมีมสุดขั้วสำหรับนักลงทุนสายเสี่ยง

สำหรับนักลงทุนที่มองหาโอกาสทำกำไรสูงในตลาดที่มีความผันผวนและอาจพลาดโอกาสจากราคา Bitcoin ที่สูงขึ้น TOKEN6900 อาจเป็นทางเลือกที่น่าสนใจ เหรียญนี้ประกาศตัวอย่างชัดเจนว่าเป็นเหรียญมีมที่ไม่มีประโยชน์ใช้สอย ไม่มีแผนงาน และไม่มีคำสัญญาใดๆ เป็นเพียงเหรียญที่สร้างขึ้นจากวัฒนธรรมมีมและความโกลาหลของโลกคริปโตโดยแท้จริง

TOKEN6900: เหรียญมีมสุดขั้วสำหรับนักลงทุนสายเสี่ยง

TOKEN6900 กำลังเปิดขาย Presale บนเครือข่าย Ethereum โดยชูแนวคิด “brain rot finance” ที่เน้นความตลกขบขันและเสียดสีสังคมออนไลน์ ด้วยการกระจายโทเคนกว่า 80% ให้กับผู้ซื้อในช่วง Presale โปรเจกต์นี้เดิมพันทั้งหมดกับพลังของมีม ซึ่งอาจเป็นที่น่าสนใจสำหรับนักลงทุนที่เข้าใจและยอมรับความเสี่ยงในตลาดเหรียญมีม เหมือนที่เคยเกิดขึ้นกับ DOGE และ PEPE

แม้จะไม่มีประโยชน์ใช้สอย แต่พลังของชุมชนและวัฒนธรรมมีมก็อาจสร้างมูลค่ามหาศาลได้ ซึ่งนักลงทุนสามารถศึกษา การวิเคราะห์ราคาและศักยภาพของ TOKEN6900 เพื่อประเมินความเสี่ยงและโอกาสในการลงทุน

สรุป: Bitcoin ยืนหนึ่ง! จับตานวัตกรรมใหม่ที่จะตามรอยความสำเร็จ

การที่มูลค่าตลาดของ Bitcoin ทะยานแซงหน้า Google และ Amazon ถือเป็นเครื่องยืนยันถึงการเติบโตและสถานะที่แข็งแกร่งขึ้นในโลกการเงินกระแสหลัก ความสำเร็จนี้ไม่ได้เป็นเพียงชัยชนะของ Bitcoin เท่านั้น แต่ยังเป็นการเปิดทางให้กับนวัตกรรมและโครงการใหม่ๆ ในระบบนิเวศคริปโต ไม่ว่าจะเป็นโซลูชันที่ต่อยอดจาก Bitcoin อย่าง Bitcoin Hyper หรือเครื่องมือที่ตอบสนองต่อพลวัตของตลาดอย่าง Snorter นักลงทุนควรจับตามองการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่นี้อย่างใกล้ชิด เพื่อปรับกลยุทธ์และมองหาโอกาสการลงทุนที่สอดคล้องกับทิศทางของตลาดที่กำลังเติบโตอย่างไม่หยุดยั้ง

บล็อกเชนและสินทรัพย์ดิจิทัล, Web3, วิเคราะห์แนวโน้มราคาสินทรัพย์, โทเค็นโนมิกส์ Tanawat Thanichapol เป็นนักวิเคราะห์คริปโตและที่ปรึกษาบล็อกเชนอิสระจากประเทศไทยที่มีประสบการณ์กว่า 7 ปี จบหลักสูตรด้านเศรษฐกิจดิจิทัลจาก MIT Initiative on the Digital Economy (IDE) เขาเคยร่วมงานกับสตาร์ทอัพคริปโตในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และปัจจุบันเขียนบทความวิเคราะห์ตลาด รวมถึงพัฒนาบอทช่วยเทรดให้กับสื่อสายคริปโตหลายแห่ง เขาเชี่ยวชาญด้านโทเค็นโนมิกส์ การวิเคราะห์ on-chain และการจับสัญญาณแนวโน้มในตลาดสินทรัพย์ดิจิทัล สนใจเป็นพิเศษในด้านการเงินแบบกระจายศูนย์และอนาคตของ We

Telegram

แบ่งปัน: หุ้น
มากกว่า Bitcoin - ข่าวล่าสุดวันนี้
ยังไม่มีความคิดเห็น!

ที่อยู่อีเมลของคุณจะไม่ถูกเผยแพร่