Home » Bitcoin ทะลุนิวไฮ $112K! วิเคราะห์แรงหนุนจาก ETF และสัญญาณ On-Chain

Bitcoin ทะลุนิวไฮ $112K! วิเคราะห์แรงหนุนจาก ETF และสัญญาณ On-Chain

10.07.2025 9:42 2 นาทีที่อ่าน Phitchaya Rattanavong
Disclosure

บทความนี้อาจมีลิงก์พันธมิตร ซึ่งทางเว็บไซต์อาจได้รับค่าตอบแทนหากผู้อ่านคลิกหรือลงทะเบียนผ่านลิงก์ดังกล่าว โดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมสำหรับผู้อ่าน หากคุณยังคงใช้ไซต์นี้ต่อไป แสดงว่าคุณยอมรับข้อกำหนดและเงื่อนไขของเรา


แบ่งปัน: หุ้น

การลงทุนในคริปโตมีความเสี่ยงสูง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลและตัดสินใจด้วยตนเอง เนื้อหาในเว็บไซต์จัดทำเพื่อให้ข้อมูล ไม่ใช่คำแนะนำการลงทุน เนื้อหาบางส่วนอาจมี Affiliate Links ซึ่งเราอาจได้รับค่าคอมมิชชั่น โปรดอ่าน Affiliate Disclaimer และนโยบายบรรณาธิการสำหรับรายละเอียดเพิ่มเติม

Bitcoin ทะลุนิวไฮ $112K! วิเคราะห์แรงหนุนจาก ETF และสัญญาณ On-Chain

Bitcoin (BTC) สร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ในวันที่ 10 กรกฎาคม 2025 ด้วยการพุ่งทะยานสู่จุดสูงสุดใหม่ตลอดกาล (All-Time High) เหนือระดับ $112,000 ซึ่งสร้างความตื่นเต้นให้กับนักลงทุนและนักวิเคราะห์ทั่วโลก การทะยานของราคา Bitcoin ครั้งนี้สะท้อนถึงปัจจัยขับเคลื่อนสำคัญหลายประการ ตั้งแต่แรงผลักดันจากนักลงทุนสถาบัน การเปลี่ยนแปลงของเศรษฐกิจมหภาค ไปจนถึงข้อมูลบนเครือข่าย (On-chain) ที่แข็งแกร่ง บทความนี้จะเจาะลึก 3 ปัจจัยหลักที่อยู่เบื้องหลังการทำสถิติครั้งประวัติศาสตร์ของ Bitcoin โดยอ้างอิงข้อมูลเชิงลึกจากผู้เชี่ยวชาญในวงการ

การยอมรับจากสถาบันการเงินดันราคา Bitcoin อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน

ปัจจัยขับเคลื่อนหลักอันดับหนึ่งคือการหลั่งไหลเข้ามาของเงินทุนจากสถาบันการเงิน โดยเฉพาะอย่างยิ่งผ่านกองทุน Spot Bitcoin ETF ข้อมูลจากนักวิเคราะห์ Mads Eberhardts  ณ วันที่ 9 กรกฎาคม ระบุว่ากองทุน Spot Bitcoin ETF ในสหรัฐฯ มีเงินไหลเข้าสูงถึง 4.57 พันล้านดอลลาร์ โดยกองทุน IBIT ของ BlackRock เพียงกองเดียวมีสินทรัพย์ภายใต้การจัดการ (AUM) มากกว่า 65 พันล้านดอลลาร์แล้ว การเติบโตนี้แสดงให้เห็นถึงความเชื่อมั่นใน Bitcoin ที่เพิ่มขึ้นอย่างมหาศาลจากฝั่งองค์กร

การเข้ามาของ ETF ได้เปลี่ยนภูมิทัศน์ของตลาด Bitcoin ไปอย่างสิ้นเชิง ข้อมูลจาก CryptoRank.io เมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม ชี้ว่านักลงทุนที่ไม่ได้มาจากโลกคริปโตโดยตรงกำลังแสวงหาโอกาสในการลงทุนใน Bitcoin มากขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจากความง่ายในการเข้าถึงผ่าน ETF นับตั้งแต่ได้รับการอนุมัติในเดือนมกราคม 2024 ปริมาณการซื้อขายสะสมของกองทุนเหล่านี้ใกล้จะแตะ 1 ล้านล้านดอลลาร์ ความสำเร็จของ IBIT จาก BlackRock ซึ่งถูกยกให้เป็นการเปิดตัว ETF ที่ประสบความสำเร็จที่สุดในประวัติศาสตร์ ตอกย้ำว่าอุปสงค์จากสถาบันกำลังผลักดันให้ Bitcoin เข้าสู่กระแสหลักทางการเงิน ซึ่งช่วยลดการพึ่งพิงนักลงทุนรายย่อยและสร้างเสถียรภาพให้กับแนวโน้มราคาขาขึ้นของ Bitcoin

อิทธิพลของสถาบันการเงินขนาดใหญ่ได้กระตุ้นให้นักวิเคราะห์หลายคนมองอนาคตของ Bitcoin ในแง่บวกมากขึ้น โดยมี บทวิเคราะห์ว่า Bitcoin อาจพุ่งสู่ $300,000 ภายในปี 2025 ซึ่งสะท้อนถึงความเชื่อมั่นที่เพิ่มขึ้นอย่างมาก

ปัจจัยเศรษฐกิจมหภาคและนโยบายหนุน Bitcoin ในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย

สภาวะเศรษฐกิจมหภาคและภูมิทัศน์ด้านกฎระเบียบที่เปลี่ยนแปลงไปได้ช่วยส่งเสริมการเติบโตของราคา Bitcoin อย่างมาก ท่าทีที่เป็นมิตรต่อสินทรัพย์ดิจิทัลของรัฐบาลสหรัฐฯ ภายใต้การนำของประธานาธิบดีทรัมป์ รวมถึงข้อเสนอ “One Big Beautiful Bill Act” ที่มุ่งเน้นการกำกับดูแลที่ผ่อนปรนลง ได้สร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนอย่างมาก

นโยบายที่เป็นมิตรนี้ถือเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่หลายฝ่ายเชื่อว่าจะช่วยสร้างบรรยากาศการลงทุนที่ดี ซึ่งสอดคล้องกับ แรงหนุน Bitcoin จากรัฐบาลทรัมป์และวอลล์สตรีท ที่ถูกจับตามองอย่างใกล้ชิด

นอกจากนี้ ความกังวลเกี่ยวกับหนี้สาธารณะของสหรัฐฯ และนโยบายอัตราดอกเบี้ยที่ทรงตัวของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ได้เพิ่มเสน่ห์ให้กับ Bitcoin ในฐานะเครื่องมือป้องกันความเสี่ยงจากเงินเฟ้อ หรือที่เรียกกันว่า “ทองคำดิจิทัล” ปริมาณเงินในระบบ M2 ของสหรัฐฯ ที่พุ่งขึ้น 4.5% เมื่อเทียบเป็นรายปีในเดือนพฤษภาคม 2025 เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่มักมีความสัมพันธ์เชิงบวกกับราคา Bitcoin เนื่องจากมูลค่าของเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าลง สภาวะแวดล้อมเช่นนี้ ประกอบกับการที่รัฐเท็กซัสประกาศถือครอง Bitcoin ในคลังสำรองมูลค่า 10 ล้านดอลลาร์ ยิ่งสร้างฉากทัศน์ที่แข็งแกร่งให้กับการเติบโตของ Bitcoin ในระยะยาว ซึ่งนักวิเคราะห์บน X ท่านนึงกล่าวว่าในอดีต สัญญาณ M2 เป็นสัญญาณที่ชัดเจนสําหรับ ATH ทุกครั้งที่ผ่านมาก

ข้อมูล On-Chain ชี้แรงขาย Bitcoin ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ

ข้อมูลบนเครือข่าย (On-chain data) ให้ข้อมูลเชิงลึกที่สำคัญเกี่ยวกับพลวัตของราคา Bitcoin รายงานจาก Glassnode เมื่อวันที่ 9 กรกฎาคม ระบุว่าตัวชี้วัด RHODL Ratio ของ Bitcoin ได้แตะระดับสูงสุดในวัฏจักรนี้ ซึ่งบ่งชี้ว่าความมั่งคั่งกระจุกตัวอยู่ในกลุ่มผู้ถือระยะยาว (Long-term holders) และกิจกรรมการเก็งกำไรระยะสั้นลดลงอย่างเห็นได้ชัด

การเปลี่ยนแปลงนี้สะท้อนถึงแรงขายในตลาดที่ลดน้อยลง เนื่องจากนักลงทุนจำนวนมากเลือกที่จะย้าย Bitcoin ของตนไปเก็บในกระเป๋าเงินระยะยาว ซึ่งในอดีตถือเป็นสัญญาณบวกที่มักจะนำไปสู่การพุ่งขึ้นของราคา นอกจากนี้ Glassnode ยังตั้งข้อสังเกตว่าปริมาณ Bitcoin ที่มีอยู่บนกระดานเทรด (Exchange Supply) ลดลงถึง 14.5% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2018 ทำให้เหรียญที่มีพร้อมขายมีจำกัดมากยิ่งขึ้น เมื่อรวมกับปริมาณการโอนบนเครือข่ายที่ลดลง 32% จากจุดสูงสุดในเดือนพฤษภาคม ตัวชี้วัดเหล่านี้สะท้อนให้เห็นว่าตลาด Bitcoin กำลังเย็นลงจากความร้อนแรงของการเก็งกำไร แต่ก็พร้อมสำหรับการเติบโตอย่างยั่งยืนเนื่องจากอุปสงค์ยังคงสูงกว่าอุปทานที่มีอยู่

Bitcoin Hyper ($HYPER): ปลดล็อกศักยภาพใหม่ของ Bitcoin ด้วย Layer-2

จากการวิเคราะห์แนวโน้มของ Bitcoin ที่เรากล่าวมา นักลงทุนหลายคนเริ่มมองหาโอกาสในตลาดที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะโปรเจกต์ Layer-2 ที่กำลังจะมาปฏิวัติข้อจำกัดเดิมๆ ของ Bitcoin ซึ่ง Bitcoin Hyper ($HYPER) คือหนึ่งในนั้น

bitcoin hyper

Bitcoin Hyper คือโปรเจกต์ Layer-2 ที่สร้างบนเทคโนโลยี Solana Virtual Machine (SVM) โดยมีเป้าหมายเพื่อแก้ปัญหาความช้าและค่าธรรมเนียมที่สูงของเครือข่าย Bitcoin ดั้งเดิม ทำให้ Bitcoin สามารถใช้งานได้จริงในโลก DeFi, dApps และ Meme Culture ด้วยความสามารถในการประมวลผลหลายหมื่นธุรกรรมต่อวินาทีและค่าธรรมเนียมที่ต่ำมาก

โปรเจกต์นี้ไม่ได้เป็นเพียงแนวคิด แต่มาพร้อมระบบนิเวศที่ใช้งานได้ทันที เช่น Meme Coin Factory สำหรับสร้างเหรียญบน Bitcoin ได้ง่ายๆ, ระบบ DeFi สำหรับ BTC และสะพานเชื่อมต่อสินทรัพย์ระหว่างเชน BTC, ETH และ SOL ตั้งแต่วันแรก

รอบ Presale ของ $HYPER เปิดโอกาสให้นักลงทุนทุกคนเข้าถึงอย่างเท่าเทียมกัน โดยไม่มีรอบพิเศษสำหรับนักลงทุนรายใหญ่ ราคาจะปรับขึ้นทุก 48 ชั่วโมง และผู้ที่เข้าร่วมสามารถนำเหรียญไป Stake เพื่อรับผลตอบแทน (APY) สูงสุดถึง 361% ได้ทันที นี่คือโอกาสที่ไม่ควรพลาดสำหรับผู้ที่มองเห็นศักยภาพการเติบโตของระบบนิเวศ Bitcoin ในอนาคต

สรุป: Bitcoin ทะยานสู่ ATH ใหม่ สัญญาณตลาดกระทิงยังแข็งแกร่ง

การที่ราคา Bitcoin พุ่งทะลุ $112,000 ไม่ใช่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นโดยบังเอิญ แต่เป็นผลลัพธ์จากการบรรจบกันของปัจจัยบวกหลายด้าน ทั้งการยอมรับจากสถาบันการเงินยักษ์ใหญ่อย่าง BlackRock ผ่าน Spot Bitcoin ETF, สภาวะเศรษฐกิจมหภาคที่เอื้ออำนวยซึ่งผลักดันให้ Bitcoin กลายเป็นสินทรัพย์หลบภัย และข้อมูล On-chain ที่บ่งชี้ว่าแรงขายลดลงอย่างชัดเจน ปัจจัยเหล่านี้ได้สร้างรากฐานที่แข็งแกร่งให้กับการเติบโตของ Bitcoin และส่งสัญญาณว่าตลาดกระทิงรอบนี้อาจยังคงดำเนินต่อไปอีกยาวนาน นักลงทุนยังคงต้องจับตาดูการพัฒนาของ Bitcoin อย่างใกล้ชิดต่อไป

แม้สัญญาณตลาดกระทิงจะแข็งแกร่ง แต่นักลงทุนจำนวนไม่น้อยก็ยังคงมีคำถามว่าช่วงเวลานี้ยังน่าลงทุนอยู่หรือไม่ ซึ่งการ วิเคราะห์ว่าลงทุน Bitcoin ตอนนี้ทันไหม จะช่วยให้เห็นภาพแนวโน้มในอนาคตได้ชัดเจนขึ้น

การที่ Bitcoin สร้างสถิติสูงสุดใหม่นี้ ทำให้มีนักลงทุนหน้าใหม่จำนวนมากสนใจเข้ามาในตลาด สำหรับผู้ที่เพิ่งเริ่มต้น การทำความเข้าใจ วิธีซื้อ Bitcoin อย่างละเอียดสำหรับมือใหม่ ถือเป็นก้าวแรกที่สำคัญอย่างยิ่ง

พิชญา รัตนวงศ์ เป็นนักข่าวและนักวิเคราะห์ด้านคริปโตเคอเรนซีและเทคโนโลยีบล็อกเชน ผู้มีความเชี่ยวชาญในการถ่ายทอดข้อมูลที่ซับซ้อนให้เข้าใจง่ายสำหรับผู้อ่านทุกระดับ ไม่ว่าจะเป็นนักลงทุนมือใหม่หรือผู้เชี่ยวชาญในวงการ ด้วยประสบการณ์กว่า 8 ปีในสายงานข่าวการเงินดิจิทัลและการกำกับดูแล Web3 พิชญาเคยร่วมงานกับทั้งสื่อในประเทศและต่างประเทศ เช่น Bangkok Biz, Asia Blockchain Review และ BeInCrypto เธอมุ่งมั่นในการเชื่อมโยงข้อมูลข่าวสารระหว่างผู้กำหนดนโยบาย ผู้พัฒนาเทคโนโลยี และนักลงทุน พร้อมส่งเสริมความรู้ความเข้าใจเรื่องกฎระเบียบคริปโตในบริบทไทย-อาเซียน ผลงานของเธอมีจุดเด่นด้านการวิเคราะห์ข่าว DeFi การลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัล และการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของ Web3 ที่กำลังเปลี่ยนโฉมเศรษฐกิจดิจิทัลของภูมิภาค

Telegram

แบ่งปัน: หุ้น
มากกว่า Bitcoin - ข่าวล่าสุดวันนี้
ยังไม่มีความคิดเห็น!

ที่อยู่อีเมลของคุณจะไม่ถูกเผยแพร่