BTC (หรือ Bitcoin) ได้ผันตัวมาเป็นสินทรัพย์ในคลังของหลายๆ บริษัทและองค์กร แต่ไม่ใช่กับ Philippe Laffont มหาเศรษฐีผู้ก่อตั้งกองทุนเฮดจ์ฟันด์ Coatue Management ซึ่งบริหารสินทรัพย์กว่า 5 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งเขาเมินเฉยต่อเหรียญคริปโตอันดับหนึ่งนี้มาตลอด แต่ล่าสุด Philippe เริ่มมีท่าทีที่เปลี่ยนไป และตั้งคำถามว่าทำไมตัวเองถึงยังไม่มี Bitcoin ในมือ
เปิดใจ Philippe Laffont: ทำไมถึงเสียดายที่ไม่ได้ซื้อ Bitcoin?
ในการให้สัมภาษณ์กับ CNBC นาย Philippe นักลงทุนด้านเทคโนโลยีผู้มากประสบการณ์ ได้ยอมรับอย่างตรงไปตรงมาว่าเขากำลังทบทวนการตัดสินใจของตัวเองที่ยังไม่ได้เข้าสู่ตลาดคริปโตเหมือนคนอื่นๆ
“ผมตื่นขึ้นมาทุกเช้าแล้วถามตัวเองว่าทำไมถึงยังไม่มี Bitcoin ในพอร์ตการลงทุนของผม” เขากล่าว ซึ่งแสดงถึงการเปลี่ยนแปลงทัศนคติอย่างชัดเจนจากที่เคยตั้งแง่สงสัยในอดีต คำพูดนี้สะท้อนความรู้สึกเสียดายโอกาสที่อาจหลุดลอยไป ซึ่งเป็นสิ่งที่นักลงทุนหลายคนก็รู้สึกเช่นกัน
Philippe ได้เปรียบเทียบมูลค่าตลาดของ Bitcoin ที่ระดับ 2 ล้านล้านดอลลาร์ ว่าเป็นเพียง 0.5% ของความมั่งคั่งทั่วโลกเท่านั้น เขาคาดการณ์ว่าตัวเลขนี้มีความเป็นไปได้ที่จะเติบโตขึ้นเป็น 1% หรือแม้กระทั่ง 2% แม้เขาจะมองว่าการคาดการณ์ที่สูงลิ่วถึง 100 ล้านล้านดอลลาร์นั้นดูไกลเกินจริง แต่เขาก็ไม่ปฏิเสธความเป็นไปได้ที่สินทรัพย์นี้อาจเพิ่มมูลค่าเป็น 2-3 เท่า
ความผันผวนของ BTC ลดลง สัญญาณสู่ตลาดที่มั่นคงขึ้น
อีกหนึ่งประเด็นสำคัญที่ Philippe ชี้ให้เห็นคือความผันผวนของ Bitcoin ที่ลดลงอย่างเห็นได้ชัด จากที่ในอดีต Bitcoin เคยมีความผันผวนสูงกว่าดัชนี Nasdaq อย่างมาก แต่ในช่วงหลังมาน้ี การเคลื่อนไหวของราคากลับมีความคล้ายคลึงกับดัชนีหุ้นเทคโนโลยีมากขึ้น ซึ่งเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่าตลาด Bitcoin กำลังเติบโตและมีเสถียรภาพมากขึ้น ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ดึงดูดให้นักลงทุนสถาบันและนักลงทุนกระแสหลักหันมาให้ความสนใจ
แม้ว่า Philippe จะยังไม่ได้ลงทุนในตอนนี้ แต่เขาก็ทิ้งท้ายไว้อย่างน่าสนใจว่า “บางครั้งการเป็นนักลงทุนที่ดีก็หมายถึงการยอมรับว่าคุณเคยคิดผิด” ซึ่งอาจเป็นการบอกใบ้ว่าเขาเองก็อาจจะเข้าสู่ตลาด Bitcoin ในอนาคตเช่นกัน
BTC Bull Token: ทางเลือกการลงทุน Bitcoin
ขณะที่นักลงทุนรายใหญ่ระดับองค์กรกำลังหันมาสะสม Bitcoin กัน นักลงทุนรายย่อยจำนวนมากก็กำลังมองหาโอกาสเติบโตในวงการคริปโต แบบเดียวกับที่หลายคนเคยพลาดที่ไม่ได้ลงทุน Bitcoin ตั้งแต่เนิ่นๆ นั่นเอง

หนึ่งในโครงการที่เชื่อมโยงกับการเติบโตของ Bitcoin โดยตรง คือ BTC Bull Token (BTCBULL) ซึ่งเป็นเหรียญมีมที่แจกแอร์ดรอปเป็น Bitcoin จริงๆ เมื่อราคา Bitcoin ขยับไปสู่เป้าหมายที่กำหนด โดยจะเริ่มจาก $150,000 แล้วเพิ่มขึ้นทุกๆ $50,000 หลังจากนั้น
นอกจากนี้ยังมีการเผาโทเคน BTCBULL เพื่อลด supply โทเคนในตลาดเป็นระยะๆ ด้วย โดยจะเริ่ม burn เมื่อราคา Bitcoin แตะ $125,000 และเพิ่มขึ้นทุกๆ $50,000 หลังจากนั้น
โครงการนี้ได้รับความสนใจอย่างมาก เพราะเป็นการมองการณ์ไกลว่ามูลค่า Bitcoin จะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เมื่อเวลาผ่านไป มันจึงเป็นโครงการที่ออกแบบมาสำหรับการถือยาว มากกว่าการเป็นแค่เหรียญเก็งกำไร
ทั้งนี้ BTCBULL กำลังจะปิดพรีเซลในอีกไม่กี่วันข้างหน้าแล้ว ก่อนที่จะมีการจดทะเบียนเข้าตลาดแลกเปลี่ยน ซึ่งมักเป็นช่วงที่ราคาเหรียญพุ่งสูงขึ้น ดังนั้นช่วง presale ก็ถือเป็นจังหวะที่ดีในการเข้าลงทุนและรอเติบโตไปพร้อมกับ Bitcoin
การที่ Philippe Laffont เริ่มแสดงความเสียดายและมองเห็นศักยภาพการเติบโตของ Bitcoin ถือเป็นสัญญาณบวกที่สำคัญ เพราะมันสะท้อนให้เห็นว่าสินทรัพย์ดิจิทัลนี้กำลังได้รับการยอมรับในวงกว้างมากขึ้น แม้แต่ในหมู่นักลงทุนระดับหมื่นล้านดอลลาร์ที่เคยไม่ไว้ใจ Bitcoin มาก่อน
ด้วยปัจจัยด้านมูลค่าตลาดที่ยังมีช่องว่างให้เติบโตและความผันผวนที่ลดลง อนาคตของ Bitcoin ในสายตาของนักลงทุนสถาบันจึงดูสดใสและน่าจับตามองยิ่งขึ้น
บล็อกเชนและสินทรัพย์ดิจิทัล, Web3, วิเคราะห์แนวโน้มราคาสินทรัพย์, โทเค็นโนมิกส์ Tanawat Thanichapol เป็นนักวิเคราะห์คริปโตและที่ปรึกษาบล็อกเชนอิสระจากประเทศไทยที่มีประสบการณ์กว่า 7 ปี จบหลักสูตรด้านเศรษฐกิจดิจิทัลจาก MIT Initiative on the Digital Economy (IDE) เขาเคยร่วมงานกับสตาร์ทอัพคริปโตในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และปัจจุบันเขียนบทความวิเคราะห์ตลาด รวมถึงพัฒนาบอทช่วยเทรดให้กับสื่อสายคริปโตหลายแห่ง เขาเชี่ยวชาญด้านโทเค็นโนมิกส์ การวิเคราะห์ on-chain และการจับสัญญาณแนวโน้มในตลาดสินทรัพย์ดิจิทัล สนใจเป็นพิเศษในด้านการเงินแบบกระจายศูนย์และอนาคตของ We