Michael Saylor ผู้ร่วมก่อตั้งและประธานบริษัท Strategy (ชื่อเดิม MicroStrategy) ได้สร้างความฮือฮาให้กับวงการคริปโตอีกครั้ง ด้วยการคาดการณ์อันน่าทึ่งว่าราคา Bitcoin (BTC) มีศักยภาพที่จะพุ่งทะยานสูงถึง 12,280% แตะระดับ 13 ล้านดอลลาร์สหรัฐภายในปี 2045 บทวิเคราะห์นี้จะเจาะลึกถึงวิสัยทัศน์เบื้องหลังคำทำนายนี้ พร้อมประเมินปัจจัยสนับสนุนและความเป็นไปได้ที่นักลงทุนทุกคนต้องจับตา
การคาดการณ์ที่กล้าหาญนี้สะท้อนถึงความเชื่อมั่นอย่างแรงกล้าของเขา ซึ่งล่าสุด Michael Saylor ได้เข้าซื้อ Bitcoin เพิ่มอีกมหาศาล เพื่อตอกย้ำวิสัยทัศน์ของเขาที่มีต่ออนาคตของคริปโต
เจาะวิสัยทัศน์ Michael Saylor: ทำไม Bitcoin จะเปลี่ยนโลกการเงิน?
Michael Saylor เชื่อว่า Bitcoin ไม่ได้เป็นเพียงสินทรัพย์ดิจิทัล แต่เป็นรากฐานของระบบการเงินโลกในอนาคต วิสัยทัศน์ของเขาคือการ “Tokenize” หรือแปลงสินทรัพย์ทุกอย่างบนโลก ไม่ว่าจะเป็นอสังหาริมทรัพย์ หุ้นนอกตลาด หรือของสะสม ให้อยู่ในรูปแบบโทเค็นบนเทคโนโลยีบล็อกเชน ซึ่งจะช่วยเพิ่มความโปร่งใสและลดความไร้ประสิทธิภาพของระบบการเงินในปัจจุบัน
การจะเข้าสู่โลกที่สินทรัพย์ทุกอย่างถูกแปลงเป็นโทเค็นได้นั้น การมีเครื่องมือสำหรับจัดเก็บสินทรัพย์ดิจิทัลจึงเป็นสิ่งสำคัญอันดับแรก ซึ่งการทำความเข้าใจว่า Bitcoin Wallet คืออะไรและเลือกใช้อย่างไร ถือเป็นก้าวแรกที่สำคัญสำหรับนักลงทุน
ในโลกที่ทุกอย่างถูกแปลงเป็นโทเค็น Saylor มองว่า Bitcoin คือ “สินทรัพย์สำรอง” ที่สมบูรณ์แบบที่สุด เนื่องจากคุณสมบัติการกระจายอำนาจ (Decentralization) ที่ทำให้ไม่มีใครสามารถควบคุมได้ มีจำนวนจำกัดเพียง 21 ล้านเหรียญ และทำงานบนบล็อกเชนที่ปลอดภัยและตรวจสอบได้ สิ่งนี้จะทำให้ Bitcoin กลายเป็นสกุลเงินหลักที่ทุกคนต้องใช้ในการซื้อขายและโอนย้ายสินทรัพย์ดิจิทัลเหล่านี้ ซึ่งจะผลักดันให้ความต้องการและมูลค่าของ Bitcoin เพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล
วิสัยทัศน์ของ Saylor ไม่เพียงแต่ชี้นำ Strategy เท่านั้น แต่ยังเป็นแรงบันดาลใจให้บริษัทอื่น ๆ เดินตามรอย ดังเช่นกรณีของ Metaplanet ที่เข้าซื้อ Bitcoin จำนวนมาก จนกลายเป็นผู้ถือครองรายใหญ่
ปัจจัยเร่ง: รัฐบาล Trump จะหนุน Bitcoin จริงหรือ?
อีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ Saylor ชี้ให้เห็นคือบทบาทของรัฐบาลสหรัฐฯ โดยเฉพาะอย่างยิ่งภายใต้การนำของ Donald Trump ซึ่งถูกมองว่าเป็นประธานาธิบดีที่มีท่าทีเป็นมิตรต่อคริปโตเคอร์เรนซีมากที่สุดคนหนึ่งในประวัติศาสตร์ การแต่งตั้งบุคลากรที่มีความเข้าใจและสนับสนุนอุตสาหกรรมคริปโตเข้ามาดำรงตำแหน่งสำคัญ เช่น ในคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (SEC) อาจเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญ
แนวคิดนี้สอดคล้องกับกลยุทธ์ที่ใหญ่กว่า ซึ่งหลายฝ่ายมองว่า กลยุทธ์ของ Saylor และท่าทีของ Trump กำลังส่งผลกระทบต่อตลาดในวงกว้าง
Saylor คาดว่าขั้นตอนแรกคือการสร้างกรอบกฎหมายสำหรับสินทรัพย์ดิจิทัลที่ชัดเจนในสหรัฐฯ ซึ่งจะช่วยลดความไม่แน่นอนและกระตุ้นให้เกิดการยอมรับในวงกว้าง หากสหรัฐฯ ซึ่งเป็นผู้นำเศรษฐกิจโลกสามารถวางรากฐานที่มั่นคงได้ ก็มีแนวโน้มสูงที่ประเทศอื่นๆ ทั่วโลกจะปฏิบัติตาม นำไปสู่การยอมรับ Bitcoin ในระดับโลก และเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญสู่เป้าหมายราคาที่เขาคาดการณ์ไว้
นักลงทุนมองหาโอกาส: Bitcoin Bull Token (BTCBULL) มาแรง
จากการวิเคราะห์แนวโน้มขาขึ้นของ Bitcoin ที่เรากล่าวมา นักลงทุนหลายคนเริ่มมองหาโอกาสในตลาดกับเหรียญที่มีความเชื่อมโยง โดยเฉพาะ Bitcoin Bull Token ($BTCBULL) ที่กำลังได้รับความสนใจอย่างมากในฐานะ Meme coin ที่ผสานแนวคิด “ฟันธงว่า Bitcoin จะทะลุ 1 ล้านดอลลาร์” เข้ากับระบบการให้รางวัลผู้ถือเหรียญด้วย Bitcoin จริง

โอกาส 10 วันสุดท้ายก่อน Presale ปิดรอบเร็วๆนี้! ปัจจุบัน BTCBULL ระดมทุนไปได้แล้วกว่า 7.2 ล้านดอลลาร์ โครงการนี้มีกลไกที่น่าสนใจคือ เมื่อราคา Bitcoin แตะระดับเป้าหมายสำคัญ เช่น $100,000 หรือ $150,000 ผู้ถือโทเค็น BTCBULL จะได้รับรางวัลเป็น Bitcoin จริง และจะมีการเผาเหรียญ BTCBULL เพื่อลดอุปทานและเพิ่มความหายากไปพร้อมกัน หาก Bitcoin พุ่งทะยานตามที่นักวิเคราะห์หลายคนคาดการณ์ เหรียญนี้อาจให้ผลตอบแทนมากกว่าการถือ Bitcoin ตรงๆ หลายเท่า จึงเป็นหนึ่งในเหรียญ altcoin ที่น่าสนใจสำหรับตลาดกระทิงรอบนี้
วิเคราะห์เป้าหมายราคา Bitcoin $13 ล้าน: เป็นไปได้แค่ไหน?
แม้ว่าวิสัยทัศน์ของ Saylor จะน่าตื่นเต้น แต่เป้าหมายราคา 13 ล้านดอลลาร์ก็ดูเป็นเรื่องที่ท้าทายอย่างยิ่ง หากราคา Bitcoin ไปถึงจุดนั้นจริง มูลค่าตลาดรวม (Market Cap) ของมันจะพุ่งสูงถึง 273 ล้านล้านดอลลาร์ ซึ่งมากกว่ามูลค่ารวมของตลาดหุ้น S&P 500 ทั้งหมดเกือบ 6 เท่า และมากกว่าขนาดเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ถึง 9 เท่า ตัวเลขดังกล่าวทำให้เป้าหมายนี้ดูห่างไกลจากความเป็นจริงในปัจจุบัน
นอกจากนี้ ยังมีอุปสรรคด้านการเมืองและเศรษฐกิจที่สำคัญ การให้ทุกประเทศทั่วโลกหันมาใช้ Bitcoin เป็นสินทรัพย์สำรองหลักจะต้องเผชิญกับแรงต้านมหาศาล เนื่องจากหลายประเทศยังคงต้องการใช้สกุลเงินเฟียตของตนเองเพื่อควบคุมนโยบายการเงินและรักษาความสามารถในการแข่งขันทางการค้า
อย่างไรก็ตาม หากมองในมุมที่สมจริงมากขึ้น การที่มูลค่าตลาดของ Bitcoin จะเติบโตขึ้นไปเทียบเท่ากับมูลค่าตลาดของทองคำ (ประมาณ 23.1 ล้านล้านดอลลาร์) ก็ดูมีความเป็นไปได้มากกว่า ซึ่งจะทำให้ราคา Bitcoin อยู่ที่ประมาณ 1.1 ล้านดอลลาร์ต่อเหรียญ ตัวเลขนี้สอดคล้องกับเป้าหมายระยะสั้นของ Saylor ที่มองว่า BTC อาจแตะ 1 ล้านดอลลาร์ได้ในอีก 10 ปีข้างหน้า
สรุป: Michael Saylor ชี้เป้า Bitcoin แต่ต้องลงทุนอย่างระมัดระวัง
โดยสรุปแล้ว คำทำนายของ Michael Saylor ได้จุดประกายความหวังและแสดงให้เห็นถึงศักยภาพสูงสุดของ Bitcoin ในฐานะสินทรัพย์ที่จะปฏิวัติโลกการเงิน แม้ว่าเป้าหมายราคา 13 ล้านดอลลาร์อาจดูทะเยอทะยานเกินไปในปัจจุบัน แต่เป้าหมายระยะสั้นที่ 1 ล้านดอลลาร์นั้นมีความเป็นไปได้มากกว่าหากเทียบกับการเป็น “ทองคำดิจิทัล” อย่างไรก็ตาม นักลงทุนควรตระหนักว่า Bitcoin ยังคงเป็นสินทรัพย์ที่มีความผันผวนสูง และ Saylor เองก็มีส่วนได้ส่วนเสียโดยตรงจากการที่บริษัทของเขาถือครอง Bitcoin จำนวนมหาศาล ดังนั้น การศึกษาข้อมูลและลงทุนด้วยความระมัดระวังจึงเป็นสิ่งสำคัญที่สุด
คำถามสำคัญที่นักลงทุนหลายคนอาจสงสัยหลังจากการวิเคราะห์ทั้งหมดนี้คือ ควรลงทุนในบิทคอยน์ตอนนี้หรือไม่ ซึ่งการประเมินแนวโน้มราคาในอนาคตจะช่วยให้ตัดสินใจได้ดียิ่งขึ้น
พิชญา รัตนวงศ์ เป็นนักข่าวและนักวิเคราะห์ด้านคริปโตเคอเรนซีและเทคโนโลยีบล็อกเชน ผู้มีความเชี่ยวชาญในการถ่ายทอดข้อมูลที่ซับซ้อนให้เข้าใจง่ายสำหรับผู้อ่านทุกระดับ ไม่ว่าจะเป็นนักลงทุนมือใหม่หรือผู้เชี่ยวชาญในวงการ ด้วยประสบการณ์กว่า 8 ปีในสายงานข่าวการเงินดิจิทัลและการกำกับดูแล Web3 พิชญาเคยร่วมงานกับทั้งสื่อในประเทศและต่างประเทศ เช่น Bangkok Biz, Asia Blockchain Review และ BeInCrypto
เธอมุ่งมั่นในการเชื่อมโยงข้อมูลข่าวสารระหว่างผู้กำหนดนโยบาย ผู้พัฒนาเทคโนโลยี และนักลงทุน พร้อมส่งเสริมความรู้ความเข้าใจเรื่องกฎระเบียบคริปโตในบริบทไทย-อาเซียน ผลงานของเธอมีจุดเด่นด้านการวิเคราะห์ข่าว DeFi การลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัล และการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของ Web3 ที่กำลังเปลี่ยนโฉมเศรษฐกิจดิจิทัลของภูมิภาค