การลงทุนในคริปโตมีความเสี่ยงสูง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลและตัดสินใจด้วยตนเอง เนื้อหาในเว็บไซต์จัดทำเพื่อให้ข้อมูล ไม่ใช่คำแนะนำการลงทุน โปรดอ่านนโยบายบรรณาธิการสำหรับรายละเอียดเพิ่มเติม
บทความนี้อาจมีลิงก์พันธมิตร ซึ่งทางเว็บไซต์อาจได้รับค่าตอบแทนหากผู้อ่านคลิกหรือลงทะเบียนผ่านลิงก์ดังกล่าว โดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมสำหรับผู้อ่าน หากคุณยังคงใช้ไซต์นี้ต่อไป แสดงว่าคุณยอมรับข้อกำหนดและเงื่อนไขของเรา
ในช่วงที่ตลาดคริปโตเคอร์เรนซีคึกคัก โดยเฉพาะเมื่อ Bitcoin ทำสถิติราคาสูงสุดเป็นประวัติการณ์ เหรียญที่ได้รับความสนใจไม่น้อยคือ “Shiba Inu Coin ($SHIB)” ซึ่งเปิดตัวในฐานะคู่แข่งของ Dogecoin
แม้เป็นเหรียญที่มีจุดเริ่มต้นมาจากมีม แต่ Shiba Inu เคยสร้างปรากฏการณ์ราคาพุ่งขึ้นกว่า 500,000 เท่า และในปัจจุบันยังคงรักษาสถานะเป็นสินทรัพย์ดิจิทัลอันดับที่ 16 ตามมูลค่าตลาด สะท้อนให้เห็นถึงกระแสความนิยมและการยอมรับที่ยังคงแข็งแกร่งในตลาดสินทรัพย์ดิจิทัล
บทความนี้จะพาผู้อ่านไปรู้จักกับเหรียญ Shiba Inu รวมถึงอัปเดตความเคลื่อนไหวล่าสุด การวิเคราะห์แนวโน้มราคาในอนาคต และการเปรียบเทียบกับเหรียญคู่แข่ง เพื่อช่วยให้คุณเข้าใจภาพรวมของศักยภาพและแนวโน้มในอนาคตของเหรียญ
ณ เวลาที่เขียนบทความนี้ Shiba Inu มีราคาซื้อขายอยู่ที่ประมาณ 0.000013 ดอลลาร์ โดยได้รับความสนใจเพิ่มขึ้นจากนักลงทุนที่มองหาแนวโน้มในระยะยาว
ในส่วนนี้ เราจะมาคาดการณ์ราคา SHIB ตั้งแต่ปี 2025 ถึง 2030 โดยแบ่งออกเป็น 3 ระดับ ได้แก่ ราคาต่ำสุด ราคาเฉลี่ย และราคาสูงสุด ซึ่งอ้างอิงจากการวิเคราะห์ด้วยอัลกอริธึมร่วมกับบทวิเคราะห์จากผู้เชี่ยวชาญ เพื่อให้ผู้อ่านได้เห็นภาพในกรอบที่เป็นไปได้อย่างสมเหตุสมผล
แม้ว่าในระยะสั้น SHIB อาจเผชิญกับความผันผวนสูง แต่บทวิเคราะห์นี้จะช่วยให้คุณมองเห็นทั้งโอกาสในการเติบโตระยะยาว รวมถึงความเสี่ยงที่ควรพิจารณาควบคู่กันไป
ปี | ต่ำสุด | เฉลี่ย | สูงสุด |
2025 | 0.0015 | 0.004 | 0.006 |
2026 | 0.003 | 0.005 | 0.009 |
2030 | 0.010 | 0.032 | 0.107 |
ปี 2025 ราคา Shiba Inu Coin จะเคลื่อนไหวอย่างไร? มาดูการคาดการณ์กัน
ราคาของ SHIB ในปี 2025 มีแนวโน้มที่จะผันผวนตามปัจจัยทางจิตวิทยาของนักลงทุนและกระแสเงินทุนที่ไหลเข้าสู่ตลาดเหรียญมีมโดยรวม โดยในตลาดมักพบว่าเงินทุนจะไหลเข้า Bitcoin ก่อน จากนั้นจึงส่งต่อไปยัง Ethereum และเหรียญ Altcoins หลักอื่น ๆ ก่อนที่จะไหลเข้าสู่เหรียญมีมในช่วงท้ายของวัฏจักรการลงทุน หากแนวโน้มนี้ยังคงเป็นจริง ก็มีความเป็นไปได้ว่าราคาของ Shiba Inu จะขึ้นสู่จุดสูงสุดในช่วงครึ่งหลังของปี 2025 ไปจนถึงสิ้นปี
หนึ่งในประเด็นที่ได้รับความสนใจเป็นพิเศษคือความคืบหน้าในการใช้งาน Shibarium — บล็อกเชน Layer-2 ที่พัฒนาโดย Shiba Inu การที่มีธุรกรรมเกิดขึ้นบน Shibarium อย่างต่อเนื่องจะส่งผลให้เกิดการ “เผาโทเค็น” แบบอัตโนมัติ ซึ่งช่วยลดปริมาณเหรียญในระบบและทำให้เกิดกลไก “อุปทานลดลง → มูลค่าหายากเพิ่มขึ้น”
นอกจากนี้ การเพิ่มประโยชน์ใช้งานในระบบนิเวศของ SHIB ไม่ว่าจะเป็น ShibaSwap (แพลตฟอร์มกระจายอำนาจสำหรับการซื้อขาย) Metaverseหรือเกม NFT ต่าง ๆ ก็ล้วนเป็นปัจจัยเสริมที่อาจช่วยผลักดันราคาให้เติบโตในระยะยาว
นอกจากนี้ ในปี 2025 ยังมีแผนเปิดตัว SHIB Pay — ระบบชำระเงินแบบ On-chain ของ Shiba Inu หากโครงการนี้สามารถผลักดันให้ SHIB กลายเป็นคริปโตเคอร์เรนซีที่มีการใช้งานจริงในชีวิตประจำวันได้อย่างเป็นรูปธรรม ก็จะช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับภาพลักษณ์ของเหรียญในฐานะ “เหรียญคริปโตที่มีศักยภาพในการใช้งานจริง” และเพิ่มความน่าสนใจในฐานะเหรียญคริปโตที่น่าลงทุนมากยิ่งขึ้น
การคาดการณ์ราคา Shiba Inu ในปี 2026 มีดังนี้
ราคาของ SHIB ในปี 2026 มีแนวโน้มเปลี่ยนแปลงอย่างมาก โดยอาจขึ้นอยู่กับทิศทางของตลาดหลังจบภาวะฟองสบู่คริปโตที่อาจเกิดขึ้นในปี 2025 หากตลาดเข้าสู่ช่วงปรับฐานหลังฟองสบู่แตก ราคาของ SHIB อาจเผชิญกับแรงกดดันและปรับตัวลดลงชั่วคราว
อย่างไรก็ตาม หากระบบนิเวศของ SHIB โดยเฉพาะบนแพลตฟอร์ม Shibarium ยังคงเติบโตอย่างมั่นคง ก็มีความเป็นไปได้ที่ราคาจะเคลื่อนไหวในระดับที่ดีแม้ในภาวะตลาดผันผวน
ปี 2026 จะเป็นช่วงเวลาสำคัญที่ Shibarium ต้องพิสูจน์ให้เห็นถึง “การใช้งานจริง” อย่างเป็นรูปธรรม ตัวชี้วัดหลัก เช่น ปริมาณธุรกรรม จำนวนผู้ใช้งานที่ใช้งานจริง และ มูลค่าสินทรัพย์ที่ถูกล็อกไว้ในระบบ DeFi จะเป็นองค์ประกอบสำคัญที่ช่วยสะท้อนมูลค่าที่แท้จริงของเหรียญ SHIB
นอกจากนี้ การพัฒนา ShibaSwap 2.0 ให้สามารถให้บริการได้อย่างเสถียร และการขยายการใช้งานของ SHIB Pay ในฐานะโครงสร้างพื้นฐานด้านการชำระเงินก็ถือเป็นปัจจัยหลักที่อาจส่งผลต่อการเติบโตของมูลค่าเหรียญในระยะยาว
อีกหนึ่งประเด็นที่น่าจับตามองในปี 2026 คือการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ในเครือ Shiba Inu ไม่ว่าจะเป็น Stable Coin อย่าง “SHI” หรือโทเค็นใหม่ “TREAT” ซึ่งหากสามารถเปิดตัวได้อย่างเป็นทางการตามแผน นี่อาจกลายเป็นองค์ประกอบสำคัญในการขยายระบบนิเวศของ SHIB
โดยเฉพาะอย่างยิ่งหาก SHI ถูกนำมาใช้งานเป็นสื่อกลางแลกเปลี่ยนมูลค่าที่มีเสถียรภาพได้จริง ก็มีแนวโน้มที่จะช่วยเพิ่มความต้องการใช้งานเหรียญ SHIB ในเชิงธุรกรรม และอาจกลายเป็นปัจจัยสนับสนุนราคาหลังการเกิดเหตุการณ์ Bitcoin Halving
การคาดการณ์ราคา Shiba Inu ในปี 2030 มีรายละเอียดดังนี้
อนาคตราคาของ Shiba Inu ในปี 2030 ขึ้นอยู่กับว่าระบบนิเวศของโครงการจะสามารถเติบโตได้อย่างต่อเนื่องและยั่งยืนตลอดช่วงเวลา 5-10 ปีข้างหน้าหรือไม่ หากโครงการสามารถพิสูจน์ให้ตลาดเห็นถึง “การเปลี่ยนผ่านจากเหรียญมีมสู่นวัตกรรมที่ใช้งานได้จริง” ได้อย่างแท้จริง โอกาสในการเติบโตของมูลค่ามากกว่า 10 เท่าก็อาจมีความเป็นไปได้
ภายในช่วงเวลาดังกล่าว แพลตฟอร์ม Shibarium อาจพัฒนาไปไกลจนกลายเป็น Layer-2 ที่มีผู้ใช้งานระดับหลายร้อยล้านคนทั่วโลก และหากเหรียญ SHIB ถูกนำไปใช้อย่างแพร่หลายทั้งในภาค DeFi, NFT, เกม และระบบชำระเงิน มูลค่าก็มีแนวโน้มที่จะขยับขึ้นตามการใช้งาน
อีกหนึ่งปัจจัยที่สำคัญคือกลไกการเผาโทเค็นซึ่งดำเนินต่อเนื่องมาหลายปี หากภายในปี 2030 ปริมาณเหรียญที่ถูกเผาสะสมมากกว่า 90% ของอุปทานทั้งหมด ก็จะส่งผลให้ SHIB กลายเป็นสินทรัพย์ที่มีความหายากสูง ซึ่งสามารถช่วยหนุนราคาในระยะยาวได้อย่างมีนัยสำคัญ
อย่างไรก็ตาม ต้องไม่ลืมว่าภายในปี 2030 อุตสาหกรรมคริปโตเคอร์เรนซีโดยรวมก็อาจมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ทั้งในด้านเทคโนโลยีใหม่ กฎระเบียบที่อาจเข้มงวดขึ้น รวมถึงปัจจัยภายนอกอย่างเศรษฐกิจโลกซึ่งล้วนเป็นความเสี่ยงที่ไม่อาจมองข้ามได้
สุดท้าย การที่ Shiba Inu จะยังคงอยู่รอดในตลาดได้หรือไม่นั้นไม่ได้ขึ้นอยู่กับกระแสความนิยมเพียงอย่างเดียว แต่ขึ้นอยู่กับว่า โครงการมีการใช้งานจริงอย่างเป็นรูปธรรมและมีเหตุผลที่ผู้คนยังคงเลือกใช้เหรียญนี้ต่อไปหรือไม่
ในปี 2025 โครงการ Shiba Inu ได้ประกาศเปิดตัวระบบชำระเงินแบบ On-chain ที่มีชื่อว่า SHIB Pay อย่างเป็นทางการ ถือเป็นอีกก้าวสำคัญที่สะท้อนถึงความก้าวหน้าอย่างต่อเนื่องของโครงการ Shiba Inu
SHIB Pay เป็นระบบชำระเงินที่ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถโอนเงินระหว่างกระเป๋าคริปโตได้โดยตรงโดยไม่ต้องผ่านตัวกลางอย่างธนาคารหรือบริษัทบัตรเครดิต ซึ่งช่วยลดต้นทุนและเพิ่มความรวดเร็วในการทำธุรกรรม โดยระบบถูกสร้างขึ้นบนบล็อกเชน Shibarium ที่เป็นแพลตฟอร์มของตัวเอง
จากเหรียญมีมที่เคยเป็นเพียงกระแสในโลกคริปโต ปัจจุบัน Shiba Inu กำลังก้าวสู่การเป็นเครื่องมือชำระเงินที่ใช้งานได้จริง และมีศักยภาพในการนำไปใช้ในชีวิตประจำวัน ในอนาคตคาดว่าเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซและร้านค้าปลีกต่าง ๆ อาจเริ่มนำ SHIB Pay มาใช้ ซึ่งจะช่วยสนับสนุนการเติบโตของเหรียญ และอาจส่งผลเชิงบวกต่อมูลค่าในระยะยาว
ในเดือนกุมภาพันธ์ 2025 โครงการ Shiba Inu ได้ประกาศความร่วมมือเชิงกลยุทธ์กับกระทรวงพลังงานและโครงสร้างพื้นฐานแห่งสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ความร่วมมือครั้งนี้ถือเป็นก้าวสำคัญที่สะท้อนถึงการยกระดับการประยุกต์ใช้บล็อกเชนในระดับภาครัฐ และนับเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของระบบนิเวศ Shiba Inu
ประเด็นสำคัญของความร่วมมือครั้งนี้คือการนำ ShibOS ระบบปฏิบัติการที่พัฒนาบนบล็อกเชน Shibarium มาใช้เพื่อสนับสนุนการให้บริการสาธารณะของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ โดยมีเป้าหมายเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงานของภาครัฐ ยกระดับความโปร่งใสในการจัดการข้อมูล และเสริมความปลอดภัยทางไซเบอร์ในทุกระดับ
สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์เป็นหนึ่งในประเทศที่ให้ความสำคัญกับการพัฒนาเทคโนโลยี Web3 และสินทรัพย์ดิจิทัลอย่างจริงจัง ความร่วมมือครั้งนี้จึงไม่เพียงเสริมความแข็งแกร่งให้กับ Shiba Inu เท่านั้น แต่ยังช่วยขยายบทบาทของเหรียญและเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องไปสู่ภูมิภาคตะวันออกกลางในวงกว้าง
Shibarium ซึ่งเป็นบล็อกเชน Layer-2 ของเหรียญ Shiba Inu ที่เปิดตัวในปี 2023 ได้บรรลุอีกหนึ่งความสำเร็จครั้งสำคัญด้วยจำนวนการทำธุรกรรมสะสมทะลุ 100 ล้านรายการภายในเดือนพฤษภาคม 2025
Shibarium ถูกออกแบบมาเพื่อแก้ไขข้อจำกัดด้านความสามารถในการประมวลผลของ Ethereum โดยมีจุดเด่นคือค่าธรรมเนียมที่ต่ำเพียงไม่กี่สตางค์ และ ความเร็วในการทำธุรกรรมระดับไม่กี่วินาที ทำให้เป็นระบบที่เป็นมิตรต่อผู้ใช้งานอย่างแท้จริง
อีกหนึ่งกลไกสำคัญของ Shibarium คือระบบการเผาโทเค็น SHIB อัตโนมัติในทุกครั้งที่มีการทำธุรกรรม จนถึงขณะนี้มีรายงานว่ามีการเผาเหรียญไปแล้วมากกว่า 1 ล้านล้านโทเค็นซึ่งช่วยลดปริมาณเหรียญในระบบและกลายเป็นปัจจัยสำคัญที่อาจส่งผลต่อการเติบโตของมูลค่าในระยะยาว
Shiba Inu (SHIB) หรือที่เรียกกันทั่วไปว่า “เหรียญชิบะอินุ” เป็นคริปโตเคอร์เรนซีที่ถูกสร้างขึ้นในเดือนสิงหาคมปี 2020 โดยนักพัฒนาผู้ใช้นามแฝงว่า “Ryoshi” ซึ่งในช่วงเริ่มต้น เหรียญนี้แทบไม่มีมูลค่า
อย่างไรก็ตาม ในปี 2021 เหรียญ SHIB ได้รับความสนใจอย่างกว้างขวางจากนักลงทุนทั่วโลก หลังจากที่อีลอน มัสก์ (Elon Musk) ได้ทวีตเกี่ยวกับสุนัขพันธุ์ชิบะอินุ ส่งผลให้ราคาของเหรียญพุ่งขึ้นอย่างรวดเร็ว และกลายเป็นหนึ่งในเหรียญมีมที่ดีที่สุดในวงการคริปโต
ปัจจุบัน SHIB ได้รับการยอมรับจากตลาดคริปโตในระดับหนึ่ง และมีการซื้อขายบนกระดานเทรดชั้นนำหลายแห่งทั่วโลกและมีมูลค่าตามราคาตลาดประมา 6,000 ล้านดอลลาร์ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความสนใจอย่างมากจากนักลงทุน และความคาดหวังต่อศักยภาพในการเติบโตของเหรียญนี้ในอนาคต
Shiba Inu ไม่ได้เป็นเพียงแค่ “เหรียญมีม” เท่านั้น แต่ยังมีระบบนิเวศและโครงสร้างที่พัฒนาอย่างต่อเนื่อง โดยมีคุณสมบัติสำคัญดังนี้:
ด้วยคุณสมบัติดังกล่าว Shiba Inu จึงได้ก้าวข้ามจากการเป็นเพียงเหรียญมีม ไปสู่การเป็นคริปโตเคอร์เรนซีที่มีการใช้งานจริงในระบบเศรษฐกิจดิจิทัล ปัจจุบัน SHIB ได้แสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งผ่านการได้รับการจัดอันดับให้อยู่ในกลุ่มคริปโตเคอร์เรนซีที่มีมูลค่าตลาดสูงและได้รับการยอมรับในฐานะหนึ่งในสินทรัพย์ดิจิทัลที่มีบทบาทชัดเจนในตลาดโลก
เหรียญ Shiba Inu (SHIB) เปิดตัวครั้งแรกในเดือนสิงหาคม ปี 2020 โดยมีราคาเริ่มต้นเกือบเท่ากับศูนย์ในช่วงแรก เหรียญยังไม่ถูกนำไปขึ้นสู่กระดานเทรดหลัก และถูกมองว่าเป็น “เหรียญทางเลือก” ที่มีเพียงนักลงทุนกลุ่มเล็ก ๆ เท่านั้นที่ให้ความสนใจ
จุดเปลี่ยนสำคัญเกิดขึ้นในปี 2021 เมื่ออีลอน มัสก์ (Elon Musk) ได้โพสต์เกี่ยวกับสุนัขพันธุ์ชิบะอินุ และวิทาลิก บูเทอริน (Vitalik Buterin) ผู้ร่วมก่อตั้ง Ethereum ได้บริจาคและเผาโทเค็น SHIB ปริมาณมหาศาล เหตุการณ์เหล่านี้ส่งผลให้ราคา SHIB พุ่งขึ้นมากกว่า 500,000 เท่าภายในเวลาไม่กี่เดือนจนกระทั่งเดือนตุลาคม 2021 เหรียญทำสถิติสูงสุดที่ประมาณ 0.00008 ดอลลาร์และมีมูลค่าตลาดแซงหน้า Dogecoin ในบางช่วงจนกลายเป็นเหรียญมีมอันดับหนึ่งของโลกในขณะนั้น
แม้ว่าช่วงปี 2022 ตลาดคริปโตทั่วโลกจะเผชิญกับภาวะขาลงอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ SHIB เข้าสู่ช่วงปรับฐานในระยะยาว แต่ตัวโครงการยังคงมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2023 ได้เปิดตัว Shibarium ซึ่งเป็นบล็อกเชนแบบ Layer-2 ที่พัฒนาขึ้นเพื่อยกระดับประสิทธิภาพการทำธุรกรรม ส่งผลให้ราคาของ SHIB เริ่มฟื้นตัว และปรับตัวขึ้นมากกว่า 50% จากต้นปี
ในปี 2024 ระบบนิเวศของ SHIB มีความแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการปรับปรุงแพลตฟอร์ม ShibaSwap กลไกการเผาโทเค็นที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น รวมถึงการขยายความร่วมมือกับโครงการด้าน DeFi และโครงสร้างพื้นฐานด้านการชำระเงิน
และในปี 2025 ขณะที่ราคา SHIB เคลื่อนไหวอยู่ที่ประมาณ 0.000013 ดอลลาร์ แม้ราคาจะยังไม่กลับสู่จุดสูงสุด แต่โครงการยังคงพัฒนาอย่างต่อเนื่อง และได้เข้าสู่ระยะใหม่ที่มุ่งเน้น “การใช้งานจริง” เช่น ความร่วมมือกับรัฐบาลสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์และการเปิดตัวระบบชำระเงิน SHIB Pay ซึ่งสร้างความเชื่อมั่นในระยะยาวและเปิดโอกาสต่อการเติบโตในอนาคต
เดือน/ปี | เหตุการณ์ | ราคา |
สิงหาคม 2020 | เปิดตัวเหรียญ Shiba Inu (โดยนักพัฒนานามแฝง “Ryoshi”) | เกือบเป็นศูนย์ |
มีนาคม 2021 | มัสก์กล่าวถึงสุนัขชิบะ | เริ่มพุ่งขึ้นอย่างรวดเร็ว |
พฤษภาคม 2021 | บูเทอรินบริจาคและเบิร์นเหรียญ SHIB จำนวนมาก | ราคายังคงพุ่งขึ้น |
ตุลาคม 2021 | ทำสถิติราคาสูงสุดตลอดกาล | ประมาณ 0.00007 ดอลลาร์(สูงสุด) |
2022 | ถูกนำขึ้น Robinhood และมีการเผาโทเค็น | เข้าสู่ช่วงปรับฐาน ราคาลดลง |
สิงหาคม 2023 | เปิดตัว Shibarium (บล็อกเชน Layer-2) | เริ่มฟื้นตัว |
ตุลาคม 2023 | เปิดตัวเกม NFT “Shiba Eternity” | ราคาขึ้น +50% จากต้นปี |
2024 | ขยายการใช้งานจริงและระบบชำระเงิน | เพิ่มขึ้น 97% ใน 1 ปี |
กุมภาพันธ์ 2025 | ประกาศความร่วมมือกับรัฐบาลสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ | ราคาขยับขึ้นเล็กน้อย |
พฤษภาคม 2025 | เปิดตัว SHIB Pay และธุรกรรมบน Shibarium ทะลุ 100 ล้านรายการ | เคลื่อนไหวที่ประมาณ 0.000012 ดอลลาร์ |
Shiba Inu เป็นหนึ่งในเหรียญคริปโตที่สร้างปรากฏการณ์ในวงการด้วยราคาที่พุ่งขึ้นกว่า 500,000 เท่าภายในเวลาเพียงประมาณ 1 ปีนับจากเปิดตัวในปี 2020 การพุ่งขึ้นของราคานี้ไม่ได้เกิดจากกระแสเพียงอย่างเดียว แต่เกิดจากหลายปัจจัยที่ส่งเสริมกันอย่างเป็นระบบ จนทำให้ SHIB กลายเป็นหนึ่งในเหรียญมีมที่ได้รับความนิยมสูงสุดในช่วงเวลานั้น
แม้ SHIB จะเคยมีช่วงเวลาที่ราคาพุ่งขึ้นอย่างรุนแรง แต่ด้วยธรรมชาติของเหรียญมีมซึ่งมีความผันผวนสูง การลงทุนในสินทรัพย์ลักษณะนี้จำเป็นต้องมีการตระหนักถึงความเสี่ยงและวางแผนบริหารจัดการอย่างรอบคอบ หากคุณกำลังศึกษาวิธีการซื้อเหรียญ SHIB อย่าลืมเรียนรู้เรื่องการจัดการความเสี่ยงควบคู่ไปด้วย
Shiba Inu เป็นหนึ่งในเหรียญมีมที่โดดเด่นที่สุดในตลาดคริปโต โดยสามารถสร้างชื่อเสียงและฐานผู้ใช้งานจำนวนมากได้ภายในระยะเวลาอันสั้น อย่างไรก็ตาม ในตลาดเหรียญมีมยังมีคู่แข่งอีกหลายรายที่ต่างก็ใช้กลยุทธ์และจุดขายที่แตกต่างกันเพื่อตอบโจทย์นักลงทุนและผู้ใช้งาน
ในส่วนนี้ เราจะพาไปเปรียบเทียบเหรียญ SHIB กับเหรียญมีมที่ได้รับความสนใจสูงอีก 3 เหรียญเพื่อวิเคราะห์จุดเด่นและความแตกต่างของแต่ละเหรียญอย่างชัดเจน
ปัจจุบัน แนวโน้มราคา Dogecoin ยังคงไปในทิศทางบวก เพราะเริ่มมีการนำไปใช้เป็นการชำระเงินและเมื่อเร็ว ๆ นี้ได้มีการยื่นขอจดทะเบียน Dogecoin ETF โดย 21 Shares
Shiba Inu | Dogecoin | |
เปิดตัว | 2020 | 2013 |
การจำกัดจำนวนเหรียญ | ไม่มีการจำกัด (มีระบบเผาโทเค็น) | ไม่มีการจำกัด (ระบบออกเหรียญแบบไม่จำกัด) |
บล็อกเชน | Ethereum/Shibarium | บล็อกเชนอิสระของตนเอง |
การใช้งานจริง | ใช้กับระบบชำระเงิน, NFT, DeFi และเกม | รองรับการชำระเงินบางประเภท |
กลุ่มผู้สนับสนุนหลัก | ชุมชนออนไลน์ + ทีมพัฒนา | อีลอน มัสก์ + ชุมชนออนไลน์ |
สถานะการพัฒนา | エコシステム拡大中 | การพัฒนาค่อนข้างชะลอตัว |
อันดับมูลค่าตลาดโดยรวม | ประมาณอันดับ 15–20 | ติด 1 ใน 10 |
ความเหมือน
ความแตกต่าง
Dogecoin มีความได้เปรียบในด้าน ประวัติศาสตร์และการเป็นที่จดจำของแบรนด์จึงมีความมั่นคงในสายตานักลงทุนบางกลุ่ม อย่างไรก็ตาม จุดอ่อนคือการพัฒนาที่ค่อนข้างชะลอตัว
ในทางกลับกัน Shiba Inu โดดเด่นในด้าน การพัฒนาต่อเนื่องและการขยายระบบนิเวศซึ่งทำให้มีแนวโน้มเติบโตในระยะยาว โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ที่ให้ความสำคัญกับการใช้งานจริงและศักยภาพทางเทคโนโลยี
Floki Inu (FLOKI) คือเหรียญมีมเปิดตัวในปี 2021 จากกระแสที่อีลอน มัสก์ (Elon Musk) ตั้งชื่อสุนัขของเขาว่า “Floki” แม้จะเริ่มต้นจากแนวคิดที่ดูเป็นเพียง “มีม” แต่ Floki Inu ได้พัฒนาต่อยอดสู่โครงการที่เน้นเกมในโลกเมตาเวิร์สและแอปพลิเคชันด้านการศึกษาแบบกระจายศูนย์ ทำให้ได้รับความสนใจในฐานะโครงการที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน
ด้านล่างนี้เป็นตารางเปรียบเทียบระหว่าง Shiba Inu และ FLOKI
Shiba Inu | Floki | |
เปิดตัว | 2020 | 2021 |
การจำกัดจำนวนเหรียญ | ไม่จำกัด (มีระบบเผาโทเค็น) | จำกัด (ประมาณ 1 ล้านล้าน FLOKI) |
บล็อกเชน | Ethereum/Shibarium | Ethereum・BNB Chain |
การใช้งานจริง | หลากหลาย: การชำระเงิน, NFT, DeFi ฯลฯ | เน้นเฉพาะด้านเกมและแอปการศึกษา |
กลุ่มเป้าหมายหลัก | ระบบการเงินกระจายศูนย์, การชำระเงิน และความร่วมมือระดับรัฐ | เกมเมอร์, สาย NFT และกลุ่มการศึกษา |
แนวทางการพัฒนา | ขยายระบบนิเวศในหลายด้าน | แม้จะเจาะจง แต่มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง |
ชุมชนผู้สนับสนุน | กระจายทั่วโลกอย่างหลากหลาย | ได้รับความนิยมในกลุ่มเกมและผู้ชื่นชอบมีม |
ความเหมือน
ความแตกต่าง
แม้ว่า Floki Inu จะมีแนวทางพัฒนาเฉพาะทางในด้านเกมและการศึกษาอย่างชัดเจน แต่ก็อาจมีข้อจำกัดในด้านการใช้งานที่หลากหลาย
ในทางตรงกันข้าม Shiba Inu มีความยืดหยุ่นกว่า และกำลังขยายการใช้งานครอบคลุมหลายภาคส่วน เช่น การชำระเงิน DeFi NFT และความร่วมมือกับภาครัฐ ซึ่งถือเป็นจุดแข็งในเชิงความหลากหลายของการใช้งานและศักยภาพในการเติบโตระยะยาว
Pepe Coin (PEPE) คือเหรียญมีมที่เปิดตัวในปี 2023 โดยได้รับแรงบันดาลใจจากมีมชื่อดัง “Pepe the Frog” ซึ่งเป็นภาพกบที่แพร่หลายบนอินเทอร์เน็ต แม้ว่า PEPE เป็นที่รู้จักอย่างรวดเร็วผ่านกระแสในเครือข่ายสังคมออนไลน์ แต่โครงการยังไม่มีแผนการพัฒนาที่ชัดเจนส่งผลให้แนวโน้มราคา Pepe ยังคงไม่แน่นอน
Shiba Inu | Pepe | |
เปิดตัว | 2020 | 2023 |
การจำกัดจำนวนเหรียญ | ไม่มี (มีระบบเผาโทเค็น) | จำกัดที่ 420 ล้านล้านเหรียญ (มีระบบเผาโทเค็น) |
บล็อกเชน | Ethereum/Shibarium | Ethereum(ERC-20) |
การใช้งานจริง | การชำระเงิน, NFT, DeFi และความร่วมมือกับรัฐบาล | แทบไม่มี ใช้เพื่อความบันเทิงและการเก็งกำไร |
แนวโน้มการเติบโต | มุ่งพัฒนาในระยะยาว | พึ่งพากระแสระยะสั้น |
กลุ่มผู้ถือครอง | นักลงทุนระยะยาวและกลุ่มผู้ใช้งานที่เหนียวแน่น | นักเก็งกำไรระยะสั้น |
มูลค่าตลาด (ข้อมูลปี 2025) | อยู่ในกลุ่มกลางค่อนบนของตลาด | ผันผวนสูง ติดอันดับ 1 ใน 50 |
ความเหมือน
ความแตกต่าง
โดยรวมแล้ว Pepe Coin เหมาะกับนักเทรดที่มองหากำไรระยะสั้นในตลาดเหรียญมีม ขณะที่ Shiba Inu ตอบโจทย์นักลงทุนที่ให้ความสำคัญกับ ความยั่งยืน การใช้งานจริง และแนวโน้มการเติบโตระยะยาว
นอกจากนี้ ยังมีเหรียญใหม่ ๆ ในกลุ่ม “มีมสัตว์” เช่น Snorter Token เหรียญตัวกินมดที่เริ่มได้รับความสนใจ ทำให้การแข่งขันในตลาดเหรียญมีมอาจทวีความรุนแรงขึ้นในอนาคต
หลายคนที่กำลังสนใจ Shiba Inu อาจตั้งคำถามว่า “ลงทุนตอนนี้ยังทันอยู่ไหม?” หรือ “Shiba Inu ยังมีอนาคตหรือเปล่า?” เนื่องจากราคาเหรียญเคยทำจุดสูงสุดในปี 2021 ที่ประมาณ 0.00008 ดอลลาร์และหลังจากนั้นลดลงมากกว่า 80% จึงไม่น่าแปลกใจที่บางคนจะมองว่าเหรียญนี้ได้ผ่านยุคทองไปแล้ว
อย่างไรก็ตาม การตัดสินจาก “ราคาเพียงอย่างเดียว” อาจเป็นการด่วนสรุปเกินไป เพราะในความเป็นจริง Shiba Inu แตกต่างจากเหรียญมีมทั่วไปอย่างชัดเจน — ด้วยการพัฒนาเชิงโครงสร้างและการสร้างใช้งานจริงอย่างต่อเนื่อง
บน Shibarium ซึ่งเป็นบล็อกเชน Layer-2 ของ SHIB มีการพัฒนาแอปพลิเคชันต่าง ๆ เช่น แพลตฟอร์ม DeFi เกม NFT และฟีเจอร์ด้านการชำระเงิน ซึ่งทั้งหมดล้วนแสดงให้เห็นถึงความพยายามในการขยายระบบนิเวศให้มีความหลากหลายและนำไปใช้งานได้จริง
นอกจากนี้ ระบบการเผาเหรียญโทเค็นก็ยังดำเนินการอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ปริมาณเหรียญในระบบลดลง ซึ่งเป็นปัจจัยที่สามารถช่วยสร้างความหายากและอาจผลักดันราคาเหรียญได้ในระยะยาว
ในปี 2025 Shiba Inu ได้ประกาศข่าวสำคัญหลายเรื่อง เช่น ความร่วมมือกับรัฐบาลสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์และการเปิดตัวระบบชำระเงิน On-chain ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าโครงการกำลังเดินหน้าเข้าสู่ “เฟสการใช้งานจริงในระดับประเทศ” ไม่ใช่แค่เหรียญที่สร้างขึ้นเพื่อความบันเทิงอีกต่อไป
แม้ว่าในแง่ของการเก็งกำไรระยะสั้น ปัจจุบัน Shiba Inu อาจไม่ใช่ตัวเลือกที่ดูน่าสนใจเหมือนในอดีต แต่สำหรับนักลงทุนที่ให้ความสำคัญกับการเติบโตอย่างมั่นคงในระยะกลางถึงยาวกลับมองว่าระดับราคาในปัจจุบัน “ยังถือว่าน่าสนใจ” และอาจเป็นจุดเข้าซื้อที่เหมาะสม
หากคุณกำลังพิจารณาที่จะลงทุนใน Shiba Inu การวางแผนกลยุทธ์อย่างรอบคอบถือเป็นหัวใจสำคัญ การบริหารความเสี่ยงอย่างเข้มงวด การมองระยะยาว และการติดตามความคืบหน้าของโครงการอย่างใกล้ชิดล้วนเป็นกุญแจสู่ความสำเร็จ
ก่อนลงทุน ควรทำความเข้าใจสถานการณ์ปัจจุบันของ Shiba Inu และติดตามข้อมูลจากแหล่งข้อมูลที่เชื่อถือได้อย่างต่อเนื่อง
Shiba Inu เป็นเหรียญที่มีความผันผวนสูง นักลงทุนจึงควรลงทุนอย่างมีสติ โดย:
ก่อนจะเริ่มซื้อ Shiba Inu อย่าลืมประเมินสไตล์การลงทุนและระดับความเสี่ยงที่คุณยอมรับได้เพื่อวางแผนอย่างมีประสิทธิภาพ แม้จะซื้อขายได้ง่ายผ่านแพลตฟอร์มอย่าง Binance แต่ความสำเร็จขึ้นอยู่กับการตัดสินใจที่มีข้อมูลรองรับ
แม้ราคา Shiba Inu จะได้รับอิทธิพลจากกระแสบนเครือข่ายสังคมออนไลน์หรือบุคคลมีชื่อเสียง เช่น อีลอน มัสก์ แต่ในระยะยาวโครงการ Shiba Inu มีการพัฒนาโครงสร้างอย่างต่อเนื่อง เช่น:
มูลค่าตลาดของเหรียญ Shiba Inu เติบโตขึ้นอย่างมากในช่วงที่ผ่านมา และก็เคยมีผู้ลงทุนที่กลายเป็นเศรษฐีจากเหรียญนี้ในอดีต จากการคาดการณ์แนวโน้มราคา หากโครงการต่าง ๆ ที่กล่าวมาข้างต้นประสบความสำเร็จ เหรียญนี้ก็มีโอกาสสร้างมูลค่าเพิ่มขึ้นอีกในระยะยาว
สำหรับผู้ที่หวังผลตอบแทนก้อนโตจากตลาดคริปโต การไม่หลงไปกับความผันผวนระยะสั้น แต่เลือกมองภาพรวมในระยะกลางถึงยาว และถือครองเหรียญอย่างมีวินัยจะเป็นกลยุทธ์ที่เหมาะสมมากกว่า
หนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ควรพิจารณาเมื่อคิดจะลงทุนในเหรียญ Shiba Inu คือการพัฒนาของระบบนิเวศและกลยุทธ์ด้านการควบคุมปริมาณเหรียญผ่านการเผาโทเค็น
ปัจจุบัน Shiba Inu กำลังก้าวออกจากภาพลักษณ์ของเหรียญมีม และเดินหน้าสู่การเป็นโครงการที่มีระบบนิเวศรองรับการใช้งานจริง โดยมี Shibarium ซึ่งเป็นบล็อกเชน Layer-2 ของตัวเองเป็นแกนหลัก
จุดที่นักลงทุนควรให้ความสนใจเป็นพิเศษคือกลไกการเผาโทเค็นแบบอัตโนมัติซึ่งฝังอยู่ในระบบของ Shibarium โดยทุกครั้งที่มีการทำธุรกรรม โทเค็นส่วนหนึ่งจะถูกเผาทิ้งเพื่อลดอุปทานในระยะยาว เพิ่มความหายาก และอาจส่งผลต่อราคาตลาดในทางบวก
ปัจจุบัน (ข้อมูลปี 2025) มีรายงานว่ามีการเผา Shiba Inu ไปแล้วกว่า 1 ล้านล้านโทเค็นและหากแนวโน้มนี้ยังคงดำเนินต่อไป ก็มีความเป็นไปได้ที่ราคาจะได้รับแรงหนุนในอนาคต
กลยุทธ์ที่แนะนำสำหรับนักลงทุนคือการติดตามพัฒนาการของการใช้งานในระบบนิเวศและปริมาณการเผาโทเค็นที่เกิดขึ้นจริงควบคู่ไปกับการเข้าซื้อแบบแบ่งสัดส่วนเมื่อราคายังอยู่ในระดับที่เหมาะสมและเน้นการถือครองในระยะกลางถึงยาวเพื่อรับโอกาสจากการเติบโตอย่างยั่งยืนของโครงการ
แม้ว่าเหรียญ Shiba Inu จะเคยสร้างปรากฏการณ์ราคาพุ่งขึ้นอย่างรุนแรงในปี 2021 และได้รับความนิยมในฐานะเหรียญมีม แต่การลงทุนในเหรียญประเภทนี้ยังคงต้องใช้ความระมัดระวังสูง ผู้ที่กำลังพิจารณาจะลงทุนควรทำความเข้าใจความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องอย่างรอบด้าน และตัดสินใจอย่างรอบคอบ
จุดที่ควรพิจารณาเป็นพิเศษ
เช่นเดียวกับเหรียญมีมและเหรียญ ICO อื่น ๆ Shiba Inu มีความผันผวนของราคาสูงมาก โดยเฉพาะเมื่อได้รับกระแสจากเครือข่ายสังคมออนไลน์หรือบุคคลที่มีอิทธิพล เช่น อีลอน มัสก์ซึ่งเคยส่งผลให้ราคาพุ่งขึ้นอย่างรวดเร็วในปี 2021
อย่างไรก็ตาม หลังจากจุดสูงสุดเหรียญก็เข้าสู่ช่วงขาลง และมีเสียงวิจารณ์ว่า “อาจสายเกินไปสำหรับการลงทุน” แล้ว ด้วยเหตุนี้ นักลงทุนควรติดตามข่าวสารอย่างใกล้ชิด และวางแผนบริหารความเสี่ยงให้รอบคอบ เช่น การใช้เงินเย็น การตั้งเป้าหมายชัดเจน และการพิจารณาใช้ประโยชน์จากแพลตฟอร์มอย่างเหมาะสม
เมื่อเปรียบเทียบกับเหรียญหลักอย่าง Bitcoin หรือ Ethereum จะพบว่า Shiba Inu ยังมีข้อจำกัดด้านการนำไปใช้งานจริง โดยแม้จะมีการพัฒนา Shibarium และบริการภายในระบบนิเวศ เช่น DeFi, NFT หรือเกม Metaverse แต่การนำไปใช้ในชีวิตจริงยังค่อนข้างจำกัด และยังคงถูกใช้เป็นสินทรัพย์เพื่อการเก็งกำไรมากกว่า
หากต้องการลงทุนระยะยาว นักลงทุนควรติดตามว่าโครงการสามารถพัฒนาระบบนิเวศได้ต่อเนื่องหรือไม่ และมีความยั่งยืนในแง่การใช้งานจริงเพียงใด
เหรียญมีมอย่าง Shiba Inu มักเป็นเป้าหมายของมิจฉาชีพที่ใช้ความนิยมของเหรียญเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือปลอม ๆ และหลอกลวงนักลงทุน โดยรูปแบบที่พบได้บ่อย ได้แก่:
เพื่อลดความเสี่ยง นักลงทุนควรเลือกใช้แพลตฟอร์มที่น่าเชื่อถือเท่านั้น หลีกเลี่ยงลิงก์ที่ไม่น่าไว้ใจ และตรวจสอบทุกข้อมูลก่อนตัดสินใจลงทุน
การซื้อเหรียญ Shiba Inu สามารถทำได้ภายในไม่กี่ขั้นตอน แม้คุณจะเป็นมือใหม่ที่ไม่เคยซื้อคริปโตมาก่อนก็สามารถทำตามได้อย่างง่ายดาย
ในส่วนนี้ เราจะแนะนำวิธีการซื้อ Shiba Inu โดยใช้แอป Best Wallet ซึ่งรวมทั้งกระเป๋าคริปโตและฟังก์ชันของกระดานเทรดไว้ในที่เดียว สะดวก ปลอดภัย เหมาะสำหรับผู้เริ่มต้น
ขั้นตอนการซื้อเหรียญ Shiba Inu:
ดาวน์โหลดและติดตั้งแอป Best Wallet จาก App Store หรือ Google Play จากนั้นทำการสร้างบัญชีและจดบันทึก “Recovery Phrase” ไว้อย่างปลอดภัย
เปิดแอปและเข้าสู่หน้าแรก ค้นหาเหรียญ Shiba Inu (SHIB) จากรายการและเลือกเพื่อเข้าสู่หน้ารายละเอียด
เลือกจำนวนที่ต้องการซื้อและเลือกวิธีชำระเงิน เช่น บัตรเครดิต/เดบิต หรือการแลกเปลี่ยนจากเหรียญอื่น จากนั้นยืนยันการทำรายการ เหรียญ Shuba Inu จะถูกโอนเข้ากระเป๋าคริปโตของคุณโดยอัตโนมัติ
เพียง 3 ขั้นตอนง่าย ๆ คุณก็สามารถถือครองเหรียญ Shiba Inu ได้อย่างรวดเร็ว ไม่ว่าคุณจะเพิ่งเริ่มต้นหรือมีประสบการณ์ในโลกคริปโตมาก่อน Best Wallet เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่สะดวกและเหมาะกับการเริ่มต้นลงทุน
สามารถศึกษาวิธีการใช้งานเพิ่มเติมได้ที่หน้ารีวิว Best Wallet ฉบับเต็ม
บทความนี้ได้วิเคราะห์เหรียญ Shiba Inu อย่างครอบคลุมทั้งในด้านการพัฒนาเชิงเทคนิค คาดการณ์แนวโน้มราคา และปัจจัยสำคัญที่อาจส่งผลต่อมูลค่าในระยะยาว
ผู้เชี่ยวชาญหลายรายประเมินว่าช่วงระหว่างปี 2025 ถึง 2030 จะเป็นช่วงที่ราคา Shiba Inu มีแนวโน้มสูงขึ้น โดยเฉพาะภายในสิ้นปี 2025 ที่คาดว่าอาจมีการปรับตัวขึ้นจากระดับราคาปัจจุบัน จากข้อมูลล่าสุด ยังมีการประกาศโครงการต่าง ๆ ที่สนับสนุนการเพิ่มมูลค่าเหรียญอย่างต่อเนื่อง
หากคุณกำลังสนใจเหรียญ Shiba Inu การพิจารณาเข้าซื้อก่อนที่ตลาดคริปโตจะเข้าสู่ช่วงขาขึ้นในปี 2025 อาจเป็นโอกาสในการสร้างผลตอบแทนที่น่าสนใจ โดยเฉพาะหากเข้าซื้อในช่วงราคาที่ยังไม่สูงมากนัก