การลงทุนในคริปโตมีความเสี่ยงสูง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลและตัดสินใจด้วยตนเอง เนื้อหาในเว็บไซต์จัดทำเพื่อให้ข้อมูล ไม่ใช่คำแนะนำการลงทุน โปรดอ่านนโยบายบรรณาธิการสำหรับรายละเอียดเพิ่มเติม
บทความนี้อาจมีลิงก์พันธมิตร ซึ่งทางเว็บไซต์อาจได้รับค่าตอบแทนหากผู้อ่านคลิกหรือลงทะเบียนผ่านลิงก์ดังกล่าว โดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมสำหรับผู้อ่าน หากคุณยังคงใช้ไซต์นี้ต่อไป แสดงว่าคุณยอมรับข้อกำหนดและเงื่อนไขของเรา
Pi Network เป็นสกุลเงินดิจิทัล (Cryptocurrency) ที่สามารถขุด (Mining) ได้ง่ายผ่านสมาร์ทโฟน โดยไม่จำเป็นต้องใช้อุปกรณ์พิเศษหรือมีความรู้เชิงเทคนิค ทำให้ได้รับความสนใจจากผู้ใช้งานจำนวนมากทั่วโลก ด้วยจุดเด่นด้านความสะดวกและการเข้าถึงง่าย จึงกลายเป็นหนึ่งในโครงการที่ถูกพูดถึงอย่างต่อเนื่อง
โดยเมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2025 Pi Network ได้เข้าสู่เฟส “Open Mainnet” อย่างเป็นทางการ ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญของโครงการ นอกจากจะเปิดโอกาสให้ผู้ใช้สามารถเชื่อมต่อกับแอปพลิเคชันแบบกระจายอำนาจ (dApp) ได้โดยตรงแล้ว ยังรองรับการเชื่อมโยงกับเครือข่ายบล็อกเชนอื่นๆ ผ่านระบบ Bridge ได้อีกด้วย
บทความนี้จะพาไปสำรวจการคาดการณ์ราคา รวมถึงศักยภาพของ Pi Network ในอนาคต หลังจากที่เข้าสู่ช่วงพัฒนาสำคัญ พร้อมอัปเดตความคืบหน้าล่าสุดของโครงการ
ราคาต่ำสุด | ราคาเฉลี่ย | ราคาสูงสุด | |
2025 | 0.50ดอลลาร์ | 1.25ดอลลาร์ | 2.00ดอลลาร์ |
2026 | 0.80ดอลลาร์ | 2.40ดอลลาร์ | 4.00ดอลลาร์ |
2030 | 1.50ดอลลาร์ | 4.75ดอลลาร์ | 8.00ดอลลาร์ |
ในส่วนนี้จะแนะนำภาพรวมของปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อราคาและการเคลื่อนไหวที่คาดการณ์ได้ในแต่ละปี 2025, 2026 และ 2030
ปี 2025 ถือเป็น “ปีแห่งการเริ่มต้นอย่างจริงจัง” ของ Pi Network หลังจากการเปิดตัว Open Mainnet เมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นการเปลี่ยนผ่านครั้งสำคัญที่เปิดทางให้เครือข่ายสามารถเชื่อมต่อกับแอปพลิเคชันแบบกระจายอำนาจ (dApp) และระบบ Bridge กับบล็อกเชนภายนอกได้อย่างเสรี ส่งผลให้โครงการเข้าสู่ระยะของการขยาย Ecosystem อย่างเป็นรูปธรรม
ในเวลาเดียวกัน เหรียญ Pi ได้เริ่มมีการซื้อขายแบบสปอตในตลาดกลางหลายแห่ง เช่น OKX, MEXC และ Bitget โดยทันทีที่เปิดตัว แรงเก็งกำไรระยะสั้นได้ไหลเข้าสู่ตลาดอย่างรวดเร็ว ดันราคาเหรียญขึ้นไปแตะระดับสูงสุดชั่วคราวที่ 2.90 ดอลลาร์ อย่างไรก็ตาม หลังจากนั้นราคาได้ปรับตัวลงมาอยู่ที่ราว 0.40 ดอลลาร์ เนื่องจากแรงขายทำกำไรและปัญหาด้านสภาพคล่องที่ยังไม่มั่นคง ปัจจุบันราคาเคลื่อนไหวอยู่ในช่วงประมาณ 1.00 ดอลลาร์
สำหรับการคาดการณ์ทิศทางราคาของ Pi ตลอดทั้งปี 2025 มีปัจจัยหลัก 3 ประการที่ควรจับตาอย่างใกล้ชิด ได้แก่:
การที่ปัจจัยเหล่านี้จะพัฒนาไปในทิศทางใด จะส่งผลโดยตรงต่อความเคลื่อนไหวของราคาในปีนี้ หากการขยายตลาดและการสร้าง Use Case ดำเนินไปได้ด้วยดี ราคาของ Pi ก็มีโอกาสขยับขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่หากเกิดความล่าช้าในด้านเทคนิคหรือการดำเนินงาน อาจกดดันราคาให้ลดลงมาแตะระดับ 0.50 ดอลลาร์อีกครั้ง
โดยสรุป แนวโน้มราคาของเหรียญ Pi ในปี 2025 ถูกประเมินให้อยู่ในช่วงต่ำสุดที่ 0.50 ดอลลาร์ ระดับเฉลี่ยประมาณ 1.25 ดอลลาร์ และอาจแตะระดับสูงสุดที่ 2.00 ดอลลาร์ หากปัจจัยบวกสนับสนุนอย่างเพียงพอ
ปี 2026 ถูกมองว่าเป็นช่วงเวลาชี้วัดสำคัญของ Pi Network ในการเปลี่ยนผ่านจาก “โครงการที่เน้นการขุดเหรียญ” ไปสู่ “ระบบเศรษฐกิจที่มีความต้องการใช้งานจริง” อย่างเต็มรูปแบบ หากการพัฒนาในปี 2025 โดยเฉพาะฟังก์ชัน Pi Wallet และระบบ Bridge ดำเนินไปอย่างราบรื่น ประกอบกับจำนวนผู้ใช้งานและปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง การประเมินมูลค่าของเหรียญ Pi จะเริ่มเปลี่ยนจากมุมมองเชิงเทคนิคไปสู่การพิจารณาด้านการใช้งานจริงมากยิ่งขึ้น
แนวโน้มความสนใจของผู้ใช้อาจเปลี่ยนจากคำถามที่ว่า “สามารถขุดเหรียญได้เท่าไหร่” มาเป็น “สามารถนำ Pi ไปใช้ที่ไหนและอย่างไร” ซึ่งสะท้อนถึงการเปลี่ยนจุดโฟกัสของตลาดไปสู่มูลค่าการใช้งานในโลกจริง ปัจจัยสำคัญที่จะกำหนดทิศทางราคาของ Pi ในปี 2026 สามารถสรุปได้ 3 ด้านหลัก ได้แก่:
หากปัจจัยทั้งสามสามารถผสานกันได้อย่างลงตัว เหรียญ Pi ก็มีแนวโน้มที่จะได้รับการประเมินใหม่ในฐานะโทเค็นที่มี Use Case จริง เช่น การชำระเงินและการโอนเงินข้ามระบบ แทนที่จะเป็นเพียงสินทรัพย์ที่เน้นการขุดและถือเพื่อเก็งกำไร ความผันผวนที่รุนแรงเหมือนในปี 2025 ก็อาจค่อยๆ ลดลง กลายเป็นตลาดที่มีเสถียรภาพมากขึ้น
โดยรวม การคาดการณ์ราคาของเหรียญ Pi ในปี 2026 อยู่ในช่วงประมาณ 0.80 ดอลลาร์ในระดับต่ำ ระดับเฉลี่ยที่ราว 2.40 ดอลลาร์ และมีโอกาสแตะระดับสูงสุดที่ 4.00 ดอลลาร์ หากปัจจัยบวกสนับสนุนในหลายด้าน
เมื่อมองไปข้างหน้าในระยะยาวถึงปี 2030 ปัจจัยชี้ชะตาสำคัญของ Pi Network คือความสามารถในการยืนหยัดในฐานะ “โครงการคริปโตเคอร์เรนซีที่ยั่งยืน” หลังจากเปิดใช้งาน Mainnet มาอย่างต่อเนื่องกว่า 5 ปี หาก Pi สามารถพัฒนาให้กลายเป็นสกุลเงินที่ถูกใช้จริงในชีวิตประจำวัน และเป็นรากฐานของบริการออนไลน์หลากหลายรูปแบบ ก็มีโอกาสสูงที่มูลค่าของเหรียญจะเติบโตขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
รูปแบบการใช้งานในชีวิตจริง เช่น การชำระเงินผ่านสมาร์ทโฟน การทำธุรกรรมอัตโนมัติผ่านอุปกรณ์ IoT การชำระค่าสินค้าในเกม หรือการซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลอย่าง NFT ถือเป็นตัวแปรสำคัญ หาก Use Case เหล่านี้ขยายตัวและถูกนำมาใช้ในวงกว้าง ย่อมส่งเสริมให้โครงการมีความน่าเชื่อถือและเพิ่มความต้องการใช้งานเหรียญอย่างต่อเนื่อง
โดยภาพรวม ปัจจัยที่จะมีอิทธิพลต่อราคาของ Pi ในปี 2030 สามารถแบ่งออกเป็น 3 ด้านหลัก ได้แก่:
หาก Pi Network สามารถผ่านบททดสอบเหล่านี้ได้ เหรียญ Pi ก็มีแนวโน้มจะได้รับการประเมินใหม่ในฐานะ Utility Coin ที่มีบทบาทจริงในเศรษฐกิจดิจิทัล โดยเฉพาะหากสามารถตอบโจทย์การใช้งานในระบบการค้าโลกและสร้างผลของ Network Effect ได้สำเร็จ ความต้องการเหรียญในระบบนิเวศจะเป็นแรงผลักดันสำคัญต่อราคาที่เพิ่มขึ้น
ทิศทางนี้คล้ายกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับ Ethereum ซึ่งประสบความสำเร็จจากการเติบโตของ dApp และระบบ DeFi หาก Pi สามารถสร้าง Ecosystem ที่มีความเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับการใช้งานจริงได้อย่างเป็นรูปธรรม ก็อาจกลายเป็นอีกหนึ่งโครงการที่มีบทบาทสำคัญในวงการคริปโต
Pi Network (PI) คือสกุลเงินดิจิทัลรุ่นใหม่ที่พัฒนาขึ้นโดยทีมงานจากมหาวิทยาลัย Stanford ตั้งแต่ปี 2019 โดยมีเป้าหมายหลักคือการสร้างเศรษฐกิจแบบกระจายอำนาจ (Decentralized Economy) ที่เปิดโอกาสให้ทุกคนสามารถมีส่วนร่วมได้ง่าย แม้ไม่มีความรู้เฉพาะทางหรืออุปกรณ์ราคาแพง ด้วยแนวคิด “ขุดเหรียญผ่านสมาร์ทโฟน” เพียงเปิดแอปและแตะหน้าจอวันละครั้ง
เมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2025 Pi Network ได้ก้าวเข้าสู่ช่วง Open Mainnet อย่างเป็นทางการ ซึ่งถือเป็นหมุดหมายสำคัญของโครงการ เพราะเป็นช่วงที่เครือข่ายสามารถเชื่อมต่อกับแอปพลิเคชันแบบกระจายอำนาจ (dApp) และระบบ Bridge กับบล็อกเชนอื่นได้อย่างเต็มรูปแบบ ส่งผลให้ Ecosystem ของ Pi เริ่มขยายตัวอย่างจริงจังมากขึ้น
ขณะเดียวกัน เหรียญ Pi ก็เริ่มมีการซื้อขายแบบสปอตในตลาดกลางบางแห่ง เช่น OKX และ MEXC โดยราคาซื้อขายในปัจจุบันเคลื่อนไหวอยู่ที่ราว 1 ดอลลาร์ ทั้งนี้ ผู้ใช้งานยังสามารถขุดเหรียญผ่านแอปได้ทุกวัน และเมื่อผ่านกระบวนการยืนยันตัวตน (KYC) แล้ว จึงสามารถโอนเหรียญเข้าสู่กระเป๋า Mainnet เพื่อซื้อขายในตลาดได้
ด้วยแนวคิดที่รวม “การเข้าถึงได้ง่าย”, “ประหยัดพลังงาน” และ “ชุมชนเป็นแกนกลาง” เข้าไว้ด้วยกัน Pi Network วางตำแหน่งตัวเองให้เป็นมากกว่าเหรียญทดลอง แต่คือสกุลเงินดิจิทัลที่มุ่งหวังการนำไปใช้งานจริงในโลกอนาคต
การเปิดตัว Open Mainnet และการเริ่มต้นเข้าร่วมตลาดซื้อขาย ทำให้ Pi ค่อยๆ พัฒนาจากโครงการที่เน้นการทดลอง มาเป็นสกุลเงินดิจิทัลที่ใช้งานได้จริง โดยเน้นการเริ่มต้นจากสมาร์ทโฟน สะท้อนถึงความตั้งใจที่จะเปลี่ยนโลกของคริปโตให้เปิดกว้างสำหรับทุกคน และยังคงได้รับความสนใจจากผู้ใช้และนักลงทุนทั่วโลกอย่างต่อเนื่อง
ในเดือนพฤษภาคม 2025 ราคาเหรียญ Pi (PI) เคลื่อนไหวอยู่ในช่วง 0.90–1.30 ดอลลาร์ โดยช่วงเวลาดังกล่าวมีปริมาณการซื้อขายเพิ่มขึ้นแตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่เปิดตัวอย่างเป็นทางการ สะท้อนถึงการฟื้นตัวของความสนใจในตลาด และการเข้ามาของนักลงทุนหน้าใหม่ที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
หนึ่งในปัจจัยที่ส่งผลชัดเจนต่อราคาคือการเคลื่อนไหวของนักลงทุนรายใหญ่ที่เข้าซื้อเหรียญ Pi จำนวนประมาณ 70 ล้านเหรียญผ่านตลาด OKX การทำธุรกรรมขนาดใหญ่นี้ส่งผลให้ราคาปรับขึ้นทันทีแตะระดับ 1.30 ดอลลาร์ในช่วงสั้น อย่างไรก็ตาม ด้วยสภาพคล่องของตลาดที่ยังจำกัด ราคาจึงยังมีความผันผวนสูงตามแรงซื้อรายใหญ่และข่าวที่กระทบจิตวิทยาตลาด
ขณะเดียวกัน ในเวทีประชุมระดับโลก “Consensus 2025” ซึ่งจัดขึ้นตั้งแต่วันที่ 14 พฤษภาคมที่ผ่านมา มีรายงานว่าผู้ร่วมก่อตั้งโครงการ Pi Network เตรียมเปิดเผยแผนการขยาย Ecosystem ครั้งสำคัญในอนาคต การรายงานดังกล่าวส่งผลต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุน และกระตุ้นแรงซื้อในตลาดอย่างมีนัยสำคัญ
ในสภาพตลาดที่ยังคงผันผวน นักลงทุนจึงควรให้ความสำคัญกับกลยุทธ์การซื้อขายอย่างระมัดระวัง โดยเฉพาะการใช้คำสั่ง Limit Order และการกระจายพอร์ตเพื่อลดความเสี่ยง ข้อมูลล่าสุดจากแอป Pi Network และตลาดซื้อขายต่างๆ ควรได้รับการติดตามอย่างสม่ำเสมอเพื่อการตัดสินใจที่มีประสิทธิภาพ
โดยเฉพาะในช่วงที่หลายฝ่ายเริ่มตั้งคำถามถึงภาวะ “ฟองสบู่คริปโต” ในปี 2025 นักลงทุนควรใช้วิจารณญาณในการประเมินสถานการณ์ เพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบจากความผันผวนระยะสั้น และรักษาเสถียรภาพของพอร์ตในระยะยาว
ในส่วนนี้จะอธิบายองค์ประกอบสำคัญ 3 ประการที่จะตัดสินว่าอนาคตของ Pi Network จะสดใสหรือผิดหวัง การเข้าใจจุดเหล่านี้จะเป็นเกณฑ์ในการประเมินโอกาสอนาคตของเครือข่าย Pi
หนึ่งในบททดสอบสำคัญของ Pi Network คือความสามารถในการขยายการเข้าถึงตลาดหลักให้ได้มากที่สุด หลังจากเปิดตัว Mainnet แม้ว่าแพลตฟอร์มอย่าง MEXC จะเริ่มเปิดให้ซื้อขายแบบ Spot แล้ว แต่การเข้าร่วมตลาดระดับ Tier-1 อย่าง Binance ยังไม่เกิดขึ้น สภาพคล่องของตลาดจึงยังอยู่ในระดับจำกัด และราคายังขาดเสถียรภาพ
การเข้าสู่ตลาดชั้นนำระดับโลกจะขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายด้าน ทั้งความน่าเชื่อถือของโครงการ ความพร้อมทางเทคนิค การปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ และการยอมรับจากผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในอุตสาหกรรม หากกระบวนการพิจารณายังล่าช้าหรือมีข้อจำกัด ความเชื่อมั่นจากนักลงทุนก็อาจลดลงตามไปด้วย
ในทางกลับกัน หาก Pi สามารถเข้าร่วมตลาด Tier-1 ได้สำเร็จ จะส่งผลให้ปริมาณการซื้อขายเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ พร้อมทั้งยกระดับความน่าเชื่อถือของโครงการ การที่ราคาจะเริ่มสะท้อนมูลค่าที่แท้จริงก็จะเกิดขึ้นเมื่อเข้าสู่ช่วงการสร้างฐานผู้ใช้อย่างจริงจัง ซึ่งจะช่วยเชื่อมโยงดีมานด์ของตลาดกับจำนวนผู้ถือครองได้มากยิ่งขึ้น
การเข้าถึงตลาดเป็นเพียงจุดเริ่มต้นของ Pi Network เท่านั้น หากต้องการสร้างคุณค่าอย่างแท้จริง โครงการจำเป็นต้องสร้างระบบนิเวศ (Ecosystem) ที่มีการใช้งานเหรียญ Pi ในโลกจริงได้อย่างต่อเนื่อง เพราะหากเหรียญถูกถือไว้เพื่อเก็งกำไรเพียงอย่างเดียว ก็ยากที่จะสร้างความยั่งยืนในระยะยาว
รูปแบบการใช้งานที่ชัดเจน เช่น การชำระเงินผ่าน Pi Pay ทั้งในร้านค้าออนไลน์และออฟไลน์ การซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลใน NFT Marketplace การใช้เป็นสกุลเงินภายในเกม หรือการให้รางวัลในชุมชน ล้วนเป็นตัวอย่างของ Use Case ที่สามารถสร้างความต้องการใช้งาน Pi อย่างแท้จริง และลดการพึ่งพากระแสเก็งกำไร
หาก Use Case เหล่านี้ไม่สามารถขยายตัวได้อย่างเป็นรูปธรรม การปล่อยเหรียญจากระบบ Mining และการปลดล็อกในอนาคตอาจกลายเป็นแรงกดดันต่อราคามากขึ้นเรื่อยๆ ในระยะยาว มูลค่าของ Pi จะถูกกำหนดจากความสามารถในการสร้างพื้นที่ใช้งานจริงให้กับผู้ใช้อย่างต่อเนื่อง
หนึ่งในจุดแข็งที่สำคัญของ Pi Network คือจำนวนผู้ใช้ทั่วโลกที่มีมากกว่าหลายสิบล้านคน อย่างไรก็ตาม จำนวนเพียงอย่างเดียวไม่เพียงพอที่จะสร้างมูลค่าให้กับเหรียญ สิ่งสำคัญคือการเปลี่ยนผู้ใช้นั้นให้กลายเป็นพลังขับเคลื่อนของเครือข่ายอย่างแท้จริง
กิจกรรมต่างๆ เช่น การเปิดร้านค้าออนไลน์ที่รับ Pi การจัดอีเวนต์ชุมชนที่ใช้เหรียญเป็นสื่อกลาง การผสานเหรียญเข้ากับระบบรางวัลในเกมหรือแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย รวมถึงการมีส่วนร่วมของผู้ใช้ในกระบวนการกำกับดูแล (Governance) จะเป็นตัววัดว่าเครือข่ายสามารถสร้างวงจร “ใช้–สร้าง–สนับสนุน” ได้หรือไม่
หากชุมชนสามารถสร้างแรงสนับสนุนที่แข็งแกร่ง เหรียญ Pi อาจกลายเป็นเครื่องมือทางการเงินที่มีการใช้งานจริงในระดับสากล ไม่เพียงจำกัดแค่การขุดเพื่อสะสมไว้เท่านั้น คล้ายกับกรณีของ Dogecoin ที่ได้รับแรงหนุนจากความเคลื่อนไหวของผู้ใช้อย่างต่อเนื่อง Pi เองก็ต้องการพลังจากชุมชนในลักษณะเดียวกัน เพื่อรักษาโมเมนตัมในอนาคต
ณ เดือนพฤษภาคม 2025 เหรียญ Pi ได้เริ่มเข้าร่วมตลาดกลางหลายแห่ง และสามารถแลกเปลี่ยนเป็นเงินสดได้จริงผ่านกระบวนการที่ใช้คู่แลกเปลี่ยนหลักอย่าง Pi → USDT (Tether) → สกุลเงินท้องถิ่น เช่นดอลลาร์ อย่างไรก็ตาม ผู้ใช้งานควรตระหนักว่า ค่าธรรมเนียม และ จำนวนถอนขั้นต่ำ มีความแตกต่างกันไปในแต่ละตลาด จึงควรศึกษากฎเกณฑ์อย่างละเอียด พร้อมติดตามประกาศล่าสุดจากแอป Pi Network อย่างเป็นทางการก่อนดำเนินการ
เพื่อให้การแลกเปลี่ยนเป็นเงินสดดำเนินไปอย่างปลอดภัยและราบรื่น มีข้อควรพิจารณาหลักที่ผู้ใช้งานควรให้ความสำคัญดังนี้:
ทั้งนี้ เงื่อนไขการแลกเปลี่ยนเป็นเงินสดของเหรียญ Pi อาจมีการเปลี่ยนแปลงในอนาคต ตามพัฒนาการของโครงการและสถานการณ์ตลาดโลก จึงควรตรวจสอบข้อมูลจากแหล่งทางการอยู่เสมอ และเริ่มต้นใช้งานด้วยความระมัดระวัง โดยเฉพาะในช่วงที่ระบบและตลาดยังอยู่ระหว่างการปรับตัว
หนึ่งในคำถามที่นักลงทุนคริปโตหลายคนมักตั้งคำถามคือ “จะหาเหรียญที่มีแนวโน้มเติบโตในอนาคตแบบ Pi Network ได้อย่างไร” เพราะการได้เข้าร่วมตั้งแต่ช่วงต้นของโครงการใหม่ที่มีศักยภาพสูง หรือที่มักถูกเรียกในวงการว่า “เหรียญสมบัติ” นั้นอาจสร้างผลตอบแทนมหาศาลหากประสบความสำเร็จ แต่ท่ามกลางโครงการนับพันในตลาดคริปโต การค้นหาเหรียญที่มีศักยภาพจริงๆ ไม่ใช่เรื่องง่าย
หนึ่งในวิธีที่ช่วยให้ค้นหา Altcoin ที่น่าสนใจได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น คือการใช้ฟีเจอร์ “Upcoming Tokens” จากแอปกระเป๋าเงินดิจิทัลที่ชื่อว่า Best Wallet ซึ่งกำลังได้รับความนิยมในหมู่นักลงทุนสาย Early Adopter
ฟีเจอร์ Upcoming Tokens ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถเข้าถึงข้อมูลโครงการใหม่ที่ยังไม่เป็นที่รู้จักในวงกว้าง และกำลังอยู่ในช่วง Pre-sale ได้อย่างรวดเร็ว จุดเด่นของฟีเจอร์นี้อยู่ที่:
Best Wallet รองรับการใช้งานทั้งบน iOS และ Android และสามารถเชื่อมต่อกับเครือข่าย Blockchain ได้มากกว่า 60 แห่ง นอกจากนี้ ยังมีฟีเจอร์ที่ครบครันทั้งการซื้อเหรียญด้วยสกุลเงินปกติ (Fiat), การจัดการพอร์ตสินทรัพย์ และระบบความปลอดภัยที่ได้มาตรฐาน ทำให้สามารถใช้งานเป็นกระเป๋าเงินดิจิทัลแบบ “One-stop” ได้อย่างแท้จริง
ดังนั้น หากคุณกำลังมองหาโอกาสลงทุนในโครงการใหม่ที่อาจกลายเป็น “เหรียญดาวรุ่ง” อย่างที่ Pi Network เคยเป็น การติดตามข้อมูลผ่านแอปอย่าง Best Wallet อาจเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจและช่วยย่นเวลาในการค้นหาได้อย่างมีประสิทธิภาพ
บทความนี้ได้สำรวจภาพรวมของ Pi Network (PI) ตั้งแต่โอกาสในการเติบโต การเคลื่อนไหวของราคา ไปจนถึงสถานการณ์การเข้าร่วมตลาดของหนึ่งในสกุลเงินดิจิทัลที่ได้รับความสนใจมากที่สุดในปี 2025 ซึ่งมีจุดเด่นคือการขุดเหรียญผ่านสมาร์ทโฟนได้อย่างง่ายดาย
ณ เดือนพฤษภาคม 2025 Pi Network ได้เข้าสู่เฟส Open Mainnet อย่างเป็นทางการ และเริ่มมีการซื้อขายในตลาดกลาง เช่น OKX, MEXC และ Bitget โดยราคาเคลื่อนไหวในช่วงประมาณ 0.90–1.30 ดอลลาร์ อย่างไรก็ตาม โครงการยังไม่เข้าจดทะเบียนในตลาดระดับ Tier-1 อย่าง Binance และราคายังขาดเสถียรภาพในระยะสั้น
ทิศทางในอนาคตของ Pi จะขึ้นอยู่กับการพัฒนาบริการที่ใช้งานได้จริง เช่น ระบบชำระเงิน Pi Pay, NFT Marketplace และการขยาย Use Case ในชีวิตประจำวัน หากสามารถเพิ่มจำนวนผู้ใช้งานและการนำไปใช้อย่างเป็นรูปธรรมได้มากขึ้น ย่อมส่งผลให้มูลค่าเหรียญมีเสถียรภาพและมีแนวโน้มเติบโตในระยะยาว
สำหรับผู้ที่สนใจเข้าลงทุนใน Pi Network สิ่งสำคัญคือการติดตามข้อมูลอย่างเป็นทางการของโครงการและข่าวสารจากตลาดอย่างต่อเนื่อง พร้อมให้ความสำคัญกับการจัดการความเสี่ยงอย่างรอบคอบ เพราะแม้จะเป็นเหรียญที่เริ่มต้นจากสมาร์ทโฟน แต่ก็มีศักยภาพที่จะเติบโตเป็นสกุลเงินดิจิทัลที่มีบทบาทสำคัญในอนาคต