ราคา Bitcoin (BTC) ยังคงแข็งแกร่ง ถึงแม้จะมีความผันผวน ล่าสุดซื้อขายกันเหนือระดับ 107,500 ดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 6.7% ในรอบสัปดาห์ ท่ามกลางการจับตามองนโยบายการคลังของสหรัฐฯ ที่กำลังเป็นประเด็นร้อน ซึ่งอาจส่งผลกระทบโดยตรงต่อตลาดสินทรัพย์ดิจิทัล
สำหรับผู้ที่สนใจในความแข็งแกร่งของราคา Bitcoin และกำลังพิจารณาที่จะเริ่มต้นลงทุน การศึกษาข้อมูลเบื้องต้นเป็นสิ่งสำคัญ ซึ่งมี คู่มือวิธีซื้อบิทคอยน์สำหรับผู้เริ่มต้น ที่อธิบายขั้นตอนไว้อย่างละเอียด
นโยบายการคลังสหรัฐฯ และท่าทีของ Trump ปัจจัยหนุน Bitcoin
สถานการณ์การเมืองในสหรัฐฯ กลับมาเป็นที่น่าสนใจอีกครั้ง หลังจากอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ออกมาแสดงความคิดเห็นผ่าน Truth Social โดยเรียกร้องให้ฝ่ายอนุรักษ์นิยมในพรรครีพับลิกันหลีกเลี่ยงการตัดลดค่าใช้จ่ายที่มากเกินไป และมุ่งเน้นไปที่การชนะการเลือกตั้งอีกครั้ง พร้อมยืนยันว่าการเติบโตทางเศรษฐกิจจะสามารถชดเชยการขาดดุลงบประมาณได้
ความเห็นดังกล่าวมีขึ้นในขณะที่กำลังมีการถกเถียงเกี่ยวกับร่างกฎหมายภาษีและการใช้จ่ายขนาดใหญ่เกือบ 900 หน้า ซึ่งรวมถึงการขยายมาตรการลดหย่อนภาษีปี 2017 อย่างถาวร การยกเว้นภาษีสำหรับทิป ค่าล่วงเวลา และสินเชื่อรถยนต์บางประเภท รวมถึงการเพิ่มเครดิตภาษีสำหรับบุตรเป็น 2,200 ดอลลาร์ อย่างไรก็ตาม ร่างกฎหมายนี้ยังคงเผชิญกับความเห็นต่างภายในพรรคเองและถูกต่อต้านจากพรรคเดโมแครต
ความไม่แน่นอนทางการคลัง ผลักดันความต้องการ Bitcoin
ความไม่แน่นอนเกี่ยวกับนโยบายการคลังและแนวโน้มหนี้สาธารณะที่อาจเพิ่มขึ้นถึง 36.2 ล้านล้านดอลลาร์ ได้กระตุ้นให้นักลงทุนหันมาสนใจสินทรัพย์ที่มีจำนวนจำกัด (Hard Assets) มากขึ้น
วิล เคลเมนเต (Will Clemente) นักวิเคราะห์คริปโตเคอร์เรนซีชื่อดัง ได้แสดงความเห็นผ่าน X (Twitter) ว่า “ในสถานการณ์เช่นนี้ เป็นเรื่องยากที่จะถือพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ระยะยาว และไม่มีเหตุผลใดที่จะไม่ถือ Bitcoin หรือทองคำ” ซึ่งสะท้อนถึงความกังวลต่อภาวะเงินเฟ้อที่อาจเกิดจากการขยายตัวทางการคลัง นโยบายการเงินที่ผ่อนคลาย และการเสื่อมค่าของสกุลเงิน ทำให้ Bitcoin ซึ่งมีอุปทานจำกัดกลายเป็นสินทรัพย์ที่น่าสนใจในฐานะเครื่องมือป้องกันความเสี่ยงจากเงินเฟ้อ
มุมมองนี้สอดคล้องกับนักลงทุนรายใหญ่หลายคนที่เริ่มมองเห็นคุณค่าของ Bitcoin มากขึ้น แม้แต่ มหาเศรษฐีที่เสียดายที่ไม่ได้ลงทุนใน BTC ก็ยังต้องกลับมาทบทวนมุมมองของตนเอง
แนวโน้มตลาด Bitcoin และอิทธิพลจากกองทุน ETF
ขณะที่วุฒิสภากำลังเร่งสรุปร่างกฎหมายให้ทันก่อนวันหยุดวันที่ 4 กรกฎาคม ทิศทางของนโยบายการคลังจะยังคงเป็นปัจจัยสำคัญที่ขับเคลื่อนความเชื่อมั่นของตลาดต่อไป
สำหรับ Bitcoin แม้ว่าในระยะสั้นอาจมีความผันผวนจากข่าวสารทางการเมือง แต่ในระยะยาว ปัจจัยพื้นฐานของตลาดกระทิงยังคงแข็งแกร่ง โดยได้แรงหนุนจากความกังวลเรื่องวินัยทางการคลังที่หละหลวมและคาดการณ์เงินเฟ้อที่สูงขึ้น นอกจากนี้ ความต้องการจากกองทุน Bitcoin ETF ที่ยังคงมีเข้ามาอย่างต่อเนื่องก็เป็นอีกหนึ่งแรงส่งสำคัญที่ช่วยพยุงราคาไว้ นักลงทุนจึงจำเป็นต้องติดตามพัฒนาการของนโยบายการคลังสหรัฐฯ อย่างใกล้ชิด
วิเคราะห์กราฟ Bitcoin รายสัปดาห์: เทรนด์ขาขึ้นยังคงแข็งแกร่ง
ในภาพรวมระยะยาว กราฟรายสัปดาห์แสดงให้เห็นถึงแนวโน้มขาขึ้นที่แข็งแกร่งของ Bitcoin อย่างชัดเจน การเกิด Golden Cross เมื่อเดือนตุลาคม 2023 ซึ่งเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 20 สัปดาห์ (20W MA) ตัดผ่านเส้น 100 สัปดาห์ (100W MA) ขึ้นไป ได้วางรากฐานของตลาดกระทิงรอบนี้ ประกอบกับการอนุมัติ Bitcoin ETF ในสหรัฐฯ ที่ดึงดูดเม็ดเงินจากนักลงทุนสถาบันเข้ามามหาศาล และผลักดันราคาให้ทำจุดสูงสุดใหม่ที่ 111,900 ดอลลาร์ในเดือนพฤษภาคม 2025 
ปัจจุบัน ราคาเคลื่อนไหวอยู่บริเวณ 108,000 ดอลลาร์ โดยมีโซน 100,000 ดอลลาร์เป็นแนวรับสำคัญที่แข็งแกร่ง ตราบใดที่ราคายังยืนเหนือโซนนี้ได้ แนวโน้มขาขึ้นในระยะยาวยังคงไม่เปลี่ยนแปลง โดยมีแนวต้านถัดไปที่โซน 110,000 – 120,000 ดอลลาร์ หากสามารถปิดเหนือโซนนี้ได้ เป้าหมายต่อไปคือ 130,000 ดอลลาร์
นอกจากภาพรวมรายสัปดาห์แล้ว สัญญาณจากแพลตฟอร์มซื้อขายชั้นนำก็เป็นอีกปัจจัยที่น่าสนใจ โดยล่าสุดมี การวิเคราะห์ราคา Bitcoin และสัญญาณกระทิง จากฝั่ง Coinbase ที่ช่วยยืนยันแนวโน้มเชิงบวก
เจาะลึกกราฟ Bitcoin รายวัน: จับตาแนวต้านสำคัญเพื่อทะลุ New High
เมื่อพิจารณาในกรอบเวลารายวัน จะเห็นความผันผวนในระยะสั้นที่ซับซ้อนมากขึ้น แม้จะเกิด Golden Cross ในช่วงต้นเดือนพฤษภาคม แต่ราคาเผชิญแรงกดดันจากความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์และนโยบายการค้าของสหรัฐฯ ทำให้ราคาย่อตัวลงมาทดสอบแนวรับ 100,000 ดอลลาร์ในช่วงปลายเดือนมิถุนายน 
แนวต้านระยะสั้นที่สำคัญคือบริเวณ 110,750 ดอลลาร์ หากราคา Bitcoin สามารถปิดเหนือระดับนี้ได้อย่างมั่นคง จะเป็นการส่งสัญญาณบวกและเพิ่มโอกาสในการกลับไปทดสอบจุดสูงสุดเดิมที่ 111,900 ดอลลาร์อีกครั้ง ในทางกลับกัน หากราคากลับลงมาหลุดแนวรับ 100,000 ดอลลาร์ อาจมีความเสี่ยงที่จะปรับฐานลงไปยังโซน 95,000 – 96,000 ดอลลาร์ ขณะที่ดัชนี RSI อยู่ที่ระดับ 60 ซึ่งยังไม่เข้าสู่ภาวะซื้อมากเกินไป แต่หากลดลงต่ำกว่า 50 อาจเป็นสัญญาณเตือนถึงแรงขายในระยะสั้น
การย่อตัวในระยะสั้นถือเป็นเรื่องปกติของตลาด ซึ่งข้อมูลในอดีตสามารถให้มุมมองที่เป็นประโยชน์ได้ โดยมี ข้อมูลเชิงลึกการฟื้นตัวของ Bitcoin หลังวิกฤต จาก Binance Research ที่แสดงให้เห็นถึงโอกาสในการเข้าซื้อช่วงตลาดปรับฐาน
สรุป: นโยบายสหรัฐฯ หนุน Bitcoin ท่ามกลางความต้องการ ETF ที่ร้อนแรง
โดยสรุป ราคา Bitcoin ยังคงอยู่ในแนวโน้มขาขึ้นที่แข็งแกร่งในระยะยาว โดยได้รับแรงหนุนจากปัจจัยมหภาคอย่างนโยบายการคลังของสหรัฐฯ ที่กระตุ้นความต้องการสินทรัพย์ป้องกันความเสี่ยงจากเงินเฟ้อ และอุปสงค์ที่ต่อเนื่องจากกองทุน ETF ในทางเทคนิค แนวรับสำคัญที่ 100,000 ดอลลาร์ยังคงทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ และหากสามารถทะลุแนวต้าน 110,750 ดอลลาร์ไปได้ ก็มีโอกาสสูงที่จะสร้างจุดสูงสุดใหม่ต่อไป นักลงทุนควรจับตาปัจจัยเหล่านี้อย่างใกล้ชิดเพื่อประกอบการตัดสินใจ
จากปัจจัยทั้งหมดที่กล่าวมา ทำให้นักลงทุนหลายคนเกิดคำถามว่า ลงทุนบิทคอยน์ตอนนี้ยังทันหรือไม่ ซึ่งการวิเคราะห์แนวโน้มในอนาคตจะช่วยให้เห็นภาพที่ชัดเจนยิ่งขึ้น
พิชญา รัตนวงศ์ เป็นนักข่าวและนักวิเคราะห์ด้านคริปโตเคอเรนซีและเทคโนโลยีบล็อกเชน ผู้มีความเชี่ยวชาญในการถ่ายทอดข้อมูลที่ซับซ้อนให้เข้าใจง่ายสำหรับผู้อ่านทุกระดับ ไม่ว่าจะเป็นนักลงทุนมือใหม่หรือผู้เชี่ยวชาญในวงการ ด้วยประสบการณ์กว่า 8 ปีในสายงานข่าวการเงินดิจิทัลและการกำกับดูแล Web3 พิชญาเคยร่วมงานกับทั้งสื่อในประเทศและต่างประเทศ เช่น Bangkok Biz, Asia Blockchain Review และ BeInCrypto
เธอมุ่งมั่นในการเชื่อมโยงข้อมูลข่าวสารระหว่างผู้กำหนดนโยบาย ผู้พัฒนาเทคโนโลยี และนักลงทุน พร้อมส่งเสริมความรู้ความเข้าใจเรื่องกฎระเบียบคริปโตในบริบทไทย-อาเซียน ผลงานของเธอมีจุดเด่นด้านการวิเคราะห์ข่าว DeFi การลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัล และการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของ Web3 ที่กำลังเปลี่ยนโฉมเศรษฐกิจดิจิทัลของภูมิภาค