Home » Bitcoin อยู่ในมือใครมากที่สุด? อัปเดตสัดส่วนการถือ BTC ที่คุณต้องอึ้ง!

Bitcoin อยู่ในมือใครมากที่สุด? อัปเดตสัดส่วนการถือ BTC ที่คุณต้องอึ้ง!

26.07.2025 5:40 2 นาทีที่อ่าน Tanawat Thanichapol
Disclosure

บทความนี้อาจมีลิงก์พันธมิตร ซึ่งทางเว็บไซต์อาจได้รับค่าตอบแทนหากผู้อ่านคลิกหรือลงทะเบียนผ่านลิงก์ดังกล่าว โดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมสำหรับผู้อ่าน หากคุณยังคงใช้ไซต์นี้ต่อไป แสดงว่าคุณยอมรับข้อกำหนดและเงื่อนไขของเรา


แบ่งปัน: หุ้น

การลงทุนในคริปโตมีความเสี่ยงสูง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลและตัดสินใจด้วยตนเอง เนื้อหาในเว็บไซต์จัดทำเพื่อให้ข้อมูล ไม่ใช่คำแนะนำการลงทุน เนื้อหาบางส่วนอาจมี Affiliate Links ซึ่งเราอาจได้รับค่าคอมมิชชั่น โปรดอ่าน Affiliate Disclaimer และนโยบายบรรณาธิการสำหรับรายละเอียดเพิ่มเติม

Bitcoin อยู่ในมือใครมากที่สุด? อัปเดตสัดส่วนการถือ BTC ที่คุณต้องอึ้ง!

Bitcoin อยู่ในมือใครมากที่สุด? เจ้าของ BTC ที่แท้จริงคือกลุ่มไหน? เป็นสิ่งที่หลายคนในวงการคริปโตสงสัยมาตลอด ล่าสุด บริษัทบริการทางการเงิน River ได้เผยแพร่ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับ “การกระจายตัวของการถือครอง BTC” ซึ่งแสดงให้เห็นภาพรวมที่น่าประหลาดใจ

ข้อมูลดังกล่าวชี้ว่าผู้ถือครองส่วนใหญ่ไม่ใช่สถาบันการเงินยักษ์ใหญ่หรือรัฐบาล แต่กลับเป็นนักลงทุนรายย่อยที่ครองสัดส่วนมากถึง 67% ของอุปทานทั้งหมด

การค้นพบนี้ตอกย้ำว่า BTC ยังคงเป็นสินทรัพย์ของประชาชนอย่างแท้จริง แม้ว่า Wall Street จะเริ่มหันมาให้ความสนใจมากขึ้นเรื่อยๆ ก็ตาม

วิเคราะห์สัดส่วนการถือครอง BTC: รายย่อยยังคงเป็นเจ้าตลาด!

จากข้อมูลของ River ณ วันที่ 14 กรกฎาคม 2025 พบว่านักลงทุนรายย่อย (Individuals) เป็นกลุ่มที่ถือครอง BTC มากที่สุด โดยมีจำนวนสูงถึง 14.06 ล้าน BTC หรือคิดเป็น 67.0% ของอุปทานทั้งหมด ตัวเลขนี้แสดงให้เห็นถึงพลังของมวลชนที่เข้ามาลงทุนใน BTC ตลอด 15 ปีที่ผ่านมา ซึ่งเป็นการตัดหน้ากลุ่มทุนขนาดใหญ่จาก Wall Street ไปก่อนแล้ว

ในทางกลับกัน กลุ่มสถาบันและองค์กรต่างๆ ยังคงมีสัดส่วนการถือครองที่น้อยกว่ามาก โดยแบ่งเป็นกลุ่มธุรกิจ (Businesses) ถือครอง 1.15 ล้าน BTC (5.5%), กองทุนและ ETF ถือครอง 1.43 ล้าน BTC (6.8%) และกลุ่มรัฐบาล (Governments) ถือครองเพียง 314,000 BTC (1.5%)

การกระจายตัวของการถือครอง Bitcoin (BTC)
ที่มา: X @River

เมื่อรวมกันแล้ว กลุ่ม “Wall Street, รัฐบาล และบริษัท” ถือครอง BTC เพียง 13.8% เท่านั้น ข้อมูลนี้ชี้ให้เห็นว่าหากกลุ่มทุนขนาดใหญ่ต้องการเข้ามาสะสม BTC เพิ่มเติม พวกเขาจะต้อง “จ่ายในราคาที่สูงขึ้น” เพื่อแย่งชิงส่วนแบ่งจากนักลงทุนรายย่อย

เปิดข้อมูลเชิงลึก: ใครถือครอง Bitcoin ที่เหลืออีกบ้าง?

นอกเหนือจากกลุ่มผู้ถือครองหลักแล้ว รายงานของ River ยังได้จำแนกประเภทการถือครอง BTC ส่วนที่เหลือไว้อย่างน่าสนใจ เพื่อให้เห็นภาพรวมของอุปทานทั้งหมด 21 ล้านเหรียญได้ชัดเจนยิ่งขึ้น โดยประกอบไปด้วยหมวดหมู่ต่างๆ ดังนี้

กลุ่ม “Satoshi/Patoshi” ซึ่งคาดว่าเป็น BTC ที่ถูกขุดในช่วงแรกเริ่มโดยผู้สร้างนิรนาม มีจำนวนประมาณ 968,000 BTC (4.6%)

นอกจากนี้ยังมี BTC ที่ถูกระบุว่าเป็น “เหรียญที่สูญหาย” (Lost Bitcoin) ซึ่งประเมินจาก UTXO ที่ไม่มีการเคลื่อนไหวเป็นเวลานาน อยู่ที่ 1.57 ล้าน BTC (7.5%)

และอีก 1.11 ล้าน BTC (5.3%) คือเหรียญที่ “ยังไม่ได้ถูกขุด” ซึ่งเป็นส่วนที่เหลือจากอุปทานสูงสุด การแยกประเภทสินทรัพย์เหล่านี้ออกจากอุปทานหมุนเวียน ยิ่งเป็นการเน้นย้ำถึงความขาดแคลนของ BTC ที่มีให้ซื้อขายในตลาดปัจจุบัน

จับตาบทบาทรัฐบาลและสถาบันต่ออนาคตของ BTC

แม้ว่าสัดส่วนการถือครอง BTC ของภาครัฐจะยังน้อย แต่ก็เป็นที่น่าจับตาไม่น้อย โดยข้อมูลระบุว่ารัฐบาลสหรัฐอเมริกาเป็นผู้ถือครองรายใหญ่ที่สุดที่ประมาณ 198,000 BTC ตามมาด้วยจีน (ประมาณ 194,000 BTC) และสหราชอาณาจักร (ประมาณ 61,000 BTC) ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเหรียญที่ได้มาจากการยึดทรัพย์สิน

ในขณะเดียวกัน การเข้ามาของสถาบันการเงินและบริษัทต่างๆ ได้เร่งตัวขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในปี 2025 ผ่านการจัดตั้งกองทุน Bitcoin Treasury และการอนุมัติ Spot ETF ในสหรัฐฯ ซึ่งเป็นช่องทางให้เงินทุนมหาศาลไหลเข้าสู่ตลาด BTC ได้ง่ายขึ้น

การแข่งขันเพื่อสะสม BTC ที่มีอยู่อย่างจำกัดนี้ คาดว่าจะทวีความรุนแรงขึ้น และอาจส่งผลให้ราคา BTC ปรับตัวสูงขึ้นในระยะยาวตามกลไกอุปสงค์และอุปทาน

Bitcoin Hyper: เหรียญ L2 ที่อาจเข้ามาเปลี่ยนอนาคตของเครือข่ายบิทคอยน์

Bitcoin Hyper เหรียญ crypto ที่มีโอกาสไปได้ไกล

จากการวิเคราะห์แนวโน้มการถือครอง BTC ที่รายย่อยยังคงเป็นกำลังสำคัญ นักลงทุนจำนวนมากเริ่มมองหาโอกาสต่อยอดในระบบนิเวศของ BTC โดยเฉพาะโปรเจกต์ Layer-2 ที่กำลังมาแรงอย่าง Bitcoin Hyper ($HYPER) ซึ่งได้รับความสนใจอย่างล้นหลาม ด้วยยอดระดมทุนทะลุ 4 ล้านดอลลาร์ในเวลาอันสั้น

HYPER คือโปรเจกต์ Layer-2 ที่สร้างบนเทคโนโลยี Solana Virtual Machine (SVM) เพื่อแก้ปัญหาความช้าและค่าธรรมเนียมสูงของเครือข่าย Bitcoin โดยตรง ทำให้สามารถใช้งานในโลก DeFi, dApps และ Meme Culture ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ด้วยความเร็วในการประมวลผลหลายหมื่นรายการต่อวินาทีและค่าธรรมเนียมที่ต่ำมาก

โปรเจกต์นี้ไม่เพียงแต่เป็นแนวคิด แต่มาพร้อมระบบนิเวศที่ใช้งานได้ทันที เช่น Meme Coin Factory และระบบ DeFi สำหรับ BTC โดยเฉพาะ

ช่วง Presale ของ $HYPER เปิดโอกาสให้นักลงทุนรายย่อยเข้าถึงได้อย่างเท่าเทียม โดยไม่มีรอบพิเศษสำหรับกองทุนใหญ่ และยังสามารถนำไป Stake เพื่อรับผลตอบแทนสูงได้ทันที นี่จึงเป็นโอกาสสำหรับผู้ที่เชื่อมั่นในอนาคตของระบบนิเวศบิทคอยน์​

บล็อกเชนและสินทรัพย์ดิจิทัล, Web3, วิเคราะห์แนวโน้มราคาสินทรัพย์, โทเค็นโนมิกส์ Tanawat Thanichapol เป็นนักวิเคราะห์คริปโตและที่ปรึกษาบล็อกเชนอิสระจากประเทศไทยที่มีประสบการณ์กว่า 7 ปี จบหลักสูตรด้านเศรษฐกิจดิจิทัลจาก MIT Initiative on the Digital Economy (IDE) เขาเคยร่วมงานกับสตาร์ทอัพคริปโตในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และปัจจุบันเขียนบทความวิเคราะห์ตลาด รวมถึงพัฒนาบอทช่วยเทรดให้กับสื่อสายคริปโตหลายแห่ง เขาเชี่ยวชาญด้านโทเค็นโนมิกส์ การวิเคราะห์ on-chain และการจับสัญญาณแนวโน้มในตลาดสินทรัพย์ดิจิทัล สนใจเป็นพิเศษในด้านการเงินแบบกระจายศูนย์และอนาคตของ We

Telegram

แบ่งปัน: หุ้น
มากกว่า Bitcoin - ข่าวล่าสุดวันนี้
ยังไม่มีความคิดเห็น!

ที่อยู่อีเมลของคุณจะไม่ถูกเผยแพร่