เมื่อ Arthur Hayes นักกลยุทธ์มหภาคผู้ร่วมก่อตั้ง BitMEX และปัจจุบันอยู่ที่ Maelstrom ได้ส่งสัญญาณถึงความเป็นไปได้ที่บิทคอยน์จะถอยลงไปยังโซน 90,000 ดอลลาร์ ก็เรียกความสนใจจากตลาดได้ทันที เขาอธิบายว่าแนวโน้มนี้มีรากฐานมาจากแผนของกระทรวงการคลังสหรัฐฯ ที่จะเติมเงินเข้าบัญชีหลักของตน (Treasury General Account) ซึ่งอาจดึงสภาพคล่องออกจากระบบการเงินชั่วคราว และกดดันสินทรัพย์เสี่ยงต่าง ๆ
แต่ Hayes ยืนยันว่า ความผันผวนในระยะสั้นนี้คือเวทีที่จะนำไปสู่การพุ่งขึ้นอย่างรุนแรงสู่เป้าหมาย 1 ล้านดอลลาร์ ซึ่งเกิดจากกระแสการเงินภาครัฐมากกว่าสัญญาณจากเฟด สำหรับนักลงทุนที่กำลังพิจารณาก้าวต่อไป การเข้าใจพลวัตนี้จึงสำคัญมาก และอาจชี้ทางไปสู่การมองหาคริปโตที่ควรซื้อตอนนี้
Hayes ชี้ บิทคอยน์มีโอกาสแตะ $1M จากกระแสการเงินภาครัฐ ระยะสั้นอาจถอยลง $90K
แม้บิทคอยน์อาจร่วงลงใกล้ 90,000 ดอลลาร์ในไม่ช้า แต่ Arthur Hayes นักลงทุนสายมหภาคเชื่อว่าแรงขับจากการเงินภาครัฐจะผลักดันให้มันพุ่งไปสู่เป้าหมายระยะยาวระดับ 1 ล้านดอลลาร์อย่างน่าเหลือเชื่อ Hayes อธิบายเมื่อวันที่ 2 กรกฎาคมว่า เส้นทางระยะสั้นของบิทคอยน์ขึ้นอยู่กับแผนของกระทรวงการคลังสหรัฐฯ ในการเติมเงินเข้าบัญชี Treasury General Account (TGA)
หลังจากเพิ่งขยายเพดานหนี้ กระทรวงฯ ต้องออกพันธบัตรใหม่เพื่อเติมยอดเงินในบัญชี TGA การกระทำนี้จะดูดเงินสดออกจากระบบการเงิน ซึ่งอาจทำให้สภาพคล่องลดลงในระยะสั้น และส่งผลกดดันราคาสินทรัพย์ต่าง ๆ รวมถึงบิทคอยน์
Hayes วางแผนไว้ 2 สถานการณ์ในระยะสั้นคือ ถ้าการเติม TGA ดูดดอลลาร์ออกจากระบบอย่างหนัก บิทคอยน์อาจร่วงลงมาที่ $90,000–$95,000 และถ้ามันกลายเป็นเรื่องเล็กน้อย (“nothingburger”) บิทคอยน์ก็อาจเคลื่อนไหวอยู่แถว $100,000 โดยไม่สามารถทะลุจุดสูงสุดเดิมที่ $112,000 ได้
เขาเน้นว่านี่ไม่ใช่คำพยากรณ์ถึงการดิ่งหนัก แต่เป็นการเตือนให้ระวังล่วงหน้าก่อนถึงการประชุม Jackson Hole ของเฟดในเดือนสิงหาคม ซึ่งอาจเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญ
แม้จะมีความระวังในระยะสั้น Hayes เตือนอย่างชัดเจนว่าอย่าเพิ่งถอยห่างจากตลาด เขาเห็นว่าอนาคตของบิทคอยน์ยังสดใสมาก เพราะการเงินภาครัฐของสหรัฐฯ กำลังแอบเติมเชื้อเพลิงให้ตลาด แม้เฟดยังไม่ลดดอกเบี้ยอย่างเป็นทางการ
Hayes บอกว่านักลงทุนที่รอให้เฟดส่งสัญญาณชัดเจนก่อนค่อยลงมือ อาจจะพลาดโอกาสครั้งใหญ่ เพราะบิทคอยน์จะ “นำหน้าตลาด” ในการตอบสนองต่อการขยายสภาพคล่อง โดยอาจพุ่งขึ้น 10 เท่าแตะ $1,000,000 ภายในปี 2028 ขณะที่ดัชนี Nasdaq 100 อาจพุ่ง 5 เท่าแตะ 100,000
Stablecoin จะเป็นหัวใจของกระแสสภาพคล่องรอบใหม่
Hayes ชี้ให้เห็นว่า stablecoin จะเป็นแกนหลักของคลื่นสภาพคล่องที่กำลังมา เขาอ้างถึงกลยุทธ์ของรัฐมนตรีคลัง Scott Bessent ที่อาจเปิดทางให้ธนาคารขนาดใหญ่ที่ “ใหญ่เกินจะล้ม” สามารถออก stablecoin ได้เอง และหากยกเลิกดอกเบี้ยเงินสำรอง ก็อาจมีเงินสูงถึง $10.1 ล้านล้านเหรียญไหลเข้าสู่ตลาดตั๋วเงินคลังในระยะยาว ซึ่งสุดท้ายจะส่งผลให้สินทรัพย์เสี่ยงอย่างบิทคอยน์พุ่งตาม
คริปโตที่น่าซื้อตอนนี้
ในขณะที่นักลงทุนกำลังพิจารณาความเสี่ยงจากการดูดสภาพคล่องผ่านพันธบัตร และรอฟังการแถลงของเฟดที่ Jackson Hole ก็ชัดเจนว่า การเลือกตำแหน่งลงทุนที่ว่องไวและมีโอกาสเติบโตสูงอาจให้ผลตอบแทนที่ดีกว่า ความเชื่อมโยงระหว่างนโยบายการคลังและกระแสเงินในโลกดิจิทัลเป็นเหตุผลที่ควร “คว้าโอกาส” และนี่คือคริปโตที่น่าซื้อตอนนี้
Best Wallet Token
ในฐานะที่กระเป๋าคริปโตคือประตูหลักสำหรับเงินทุนใหม่ แพลตฟอร์ม Best Wallet ใช้ค่าธรรมเนียมและสิ่งจูงใจด้านการ staking เพื่อดึงดูดการเติบโตตามแรงขับจากนโยบายการคลัง โดยตัวแพลตฟอร์มนี้ขับเคลื่อนด้วยเหรียญ Best Wallet ($BEST) มอบสิทธิ์เข้าร่วมขายโทเค็นที่ให้ผลตอบแทนสูง, รางวัลจาก staking และสิทธิ์ออกเสียงในระบบนิเวศที่เติบโตขึ้น
ผู้ถือ $BEST จะได้สิทธิ์เข้าถึงโครงการเหรียญมีมก่อนใคร รับผลตอบแทนจาก staking 100% และได้ลดค่าธรรมเนียมต่าง ๆ บนเครือข่ายที่รองรับ
เรื่องความปลอดภัยก็ให้ความสำคัญ ผู้ใช้ควบคุมกุญแจส่วนตัวได้เอง 100% ไม่มีบุคคลที่สามเข้าถึงได้ นอกจากนี้ยังมีระบบความปลอดภัยขั้นสูง เช่น การยืนยันตัวตน 2 ชั้น และมีประกันคุ้มครองหากเกิดการเจาะระบบ อีกทั้งยังมีฟีเจอร์ใหม่ ๆ ที่กำลังตามมา เช่น การป้องกัน MEV และระบบตรวจจับการโกงที่ดีขึ้น นักพัฒนาจะเพิ่มประสิทธิภาพความปลอดภัยและการควบคุมให้ผู้ใช้อย่างต่อเนื่อง
ด้วยโฟกัสที่ “ยูทิลิตี้” และ “สิทธิ์ครอบครองเอง” Best Wallet จึงกลายเป็นผู้ท้าชิงตัวจริงในตลาดกระเป๋าคริปโต และเป็นหนึ่งในโครงการขายโทเค็นที่มาแรงที่สุดของปี 2025
Snorter
เหรียญ altcoin ที่เปิดตัวอย่างเงียบ ๆ แต่เริ่มได้รับความสนใจจากการร่วงของตลาดที่มีสภาพคล่องต่ำ Snorter มีไดนามิกของอุปทานที่แน่นหนา ทำให้เป็นตัวเลือกที่น่าจับตามองเมื่อตลาดโดยรวมเริ่มฟื้น และยังเป็นหนึ่งในเหรียญที่น่าลงทุนในปี 2025 นี้อีกด้วย
Snorter ($SNORT) คือบอทเทรดสาย Solana ที่เปิดพรีเซลเมื่อเดือนมิถุนายน และระดมทุนได้แล้วกว่า 1.5 ล้านดอลลาร์ ถือเป็นสัญญาณของความสนใจที่เพิ่มขึ้นในตลาด
Snorter ถูกสร้างมาเพื่อความเร็วและความแม่นยำ ช่วยให้ผู้ใช้จับจังหวะ meme coin ที่นักเทรดทั่วไปมองไม่เห็น และเริ่มโดดเด่นในวงการบอทเทรด
จุดขายใหญ่คือระบบตรวจจับ scam ที่กรองสัญญาโทเค็นโดยใช้ฐานข้อมูล blacklist และการทดสอบ honeypot แบบเรียลไทม์ โดยในเวอร์ชันเบต้า ระบบนี้สามารถตรวจพบ scam ได้ถึง 85% ช่วยลดความเสี่ยงจาก rug pull และโทเค็นปลอม อีกทั้งSnorter ยังมีฟีเจอร์ stop-loss และ take-profit เพื่อควบคุมความเสี่ยงโดยไม่ต้องเฝ้ากราฟทั้งวัน
ผู้ใช้ควบคุมทุกคำสั่งผ่าน Telegram ซึ่งเปลี่ยนแอปให้กลายเป็นเทอร์มินัลเทรดเต็มรูปแบบ ลดอุปสรรคให้มือใหม่เข้าสู่โลกคริปโตและ DeFi นอกจากการดักโทเค็นอัตโนมัติแล้ว ยังมีระบบ copy trading ที่ให้ผู้ใช้ติดตามการเทรดของนักเทรดชั้นนำแบบเรียลไทม์
แม้เปิดตัวบน Solana แต่ Snorter ถูกออกแบบให้ขยายได้ รองรับ Ethereum, BNB Chain, Polygon และ Base ในลำดับถัดไป ซึ่งความสามารถในการทำงานข้ามเครือข่ายนี้ ทำให้ Snorter ว่องไวต่อเทรนด์ และเป็นหนึ่งในบอทที่ล้ำหน้าที่สุดในตอนนี้
TOKEN6900
เกิดจากมุกมีม TOKEN6900 ที่เจริญเติบโตในช่วงเศรษฐกิจคึกคัก และความภูมิใจที่ “ไม่มีฟังก์ชันอะไรเลย”
TOKEN6900 ($T6900) คือเหรียญ meme บน Ethereum ที่เปิดพรีเซลด้วยเป้าหมายระดมทุน 5 ล้านดอลลาร์ก่อนขึ้นตลาด โดยวางตำแหน่งตัวเองว่าเป็น “S&P 500 เวอร์ชันล้อเลียน” สำหรับเทรดเดอร์ขี้เล่นในยุคออนไลน์
โครงการนี้ถูกสร้างโดยนักพัฒนาและแฟน meme แบบไม่เปิดตัว ไม่มี CEO ไม่มีบริษัทจดทะเบียน ซึ่งสอดคล้องกับแนวทาง “แอนตี้ระบบ” แต่ก็ทำให้นักลงทุนไม่สามารถเรียกร้องความรับผิดชอบได้
แม้จะนิรนาม ทีมพัฒนาก็เปิดตัวแพลตฟอร์ม Web3 จริง, ปล่อยสัญญา ERC-20 และผ่านการตรวจสอบภายนอก ถือว่าไม่แปลกในวงการ meme coin แต่ก็ยังสร้างความระแวงให้กับนักลงทุนที่ระวังตัว
โทเคโนมิกส์ของ TOKEN6900 ได้แก่: 40% ใช้ทำการตลาด, 10% สำหรับสภาพคล่องในตลาดแลกเปลี่ยน, 15% เพื่อพัฒนา และ 24.9993% ภายใต้หมวด “Does Anyone Have a Dolphin” ที่ในเอกสารขาวก็ไม่อธิบายไว้ และอีก 5% ใช้แจก airdrop เผาเหรียญ และโบนัส ส่วนทีม dev ถือครองเหรียญจำนวน 6,900 เหรียญ หรือ 0.0007% ของ supply ล็อกไว้ 5 ปี ในนาม “Dev Moon Bag”
โครงการนี้ไม่อ้างว่ามีประโยชน์อะไร และประกาศชัดว่าทำงานด้วย “จินตนาการร่วมของ meme ล้วน ๆ” ความโปร่งใสแบบกล้าได้กล้าเสียนี้ ทำให้เกิดคำถามว่า ความซื่อตรงเพียงอย่างเดียวเพียงพอจะทำให้โครงการนี้น่าเชื่อถือหรือไม่ ในตลาดที่เต็มไปด้วยคำสัญญาลวงและเทคโนโลยีที่โอเวอร์ TOKEN6900 กลับพลิกเกมด้วยการไม่เสนออะไรเลย ไม่มี roadmap ไม่มีแผนพัฒนา และไม่อวดอ้างอนาคต
บางคนบอกว่า ความตรงไปตรงมานี้คืออากาศบริสุทธิ์ในโลกคริปโต บางคนกลับมองว่าเป็นมุขตบตาอีกรูปแบบหนึ่ง แต่ 99Bitcoins ยูทูบเบอร์สายคริปโตชื่อดังชี้ว่า TOKEN6900 อาจสร้างผลตอบแทนได้มหาศาล
ไม่ว่าจะมองว่า TOKEN6900 คือการสะท้อนความโกลาหลในวงการคริปโตอย่างซื่อสัตย์ หรือเป็นแค่กิมมิกอีกชิ้น ก็ขึ้นอยู่กับมุมมองของแต่ละคน แต่ที่แน่ ๆ มันกำลังเขย่าวงการ meme coin ด้วยคำถามเรื่อง “ความชอบธรรม”
สรุป
คำเตือนของ Hayes เรื่องการถอยลง $90,000 สะท้อนให้เห็นถึงความเปราะบางของตลาดต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพคล่องจากกระทรวงการคลัง แต่การคาดการณ์บิทคอยน์แตะ $1 ล้าน ยังชี้ให้เห็นถึงภาพใหญ่: นโยบายการคลังคือปัจจัยลับที่อาจจุดชนวนรอบกระทิงครั้งใหม่ในโลกคริปโต
บทนี้จึงย้ำว่า กระแสการเงินระดับมหภาคสามารถนำหน้าการดำเนินนโยบายของเฟดได้ และการปรับพอร์ตอย่างชาญฉลาดคือกุญแจ หากเรามองหาโทเค็นที่เติบโตได้ท่ามกลางกระแสสภาพคล่องที่ผันผวน ก็อาจพบ “คริปโตที่น่าซื้อตอนนี้” ได้ทันเวลา
พิชญา รัตนวงศ์ เป็นนักข่าวและนักวิเคราะห์ด้านคริปโตเคอเรนซีและเทคโนโลยีบล็อกเชน ผู้มีความเชี่ยวชาญในการถ่ายทอดข้อมูลที่ซับซ้อนให้เข้าใจง่ายสำหรับผู้อ่านทุกระดับ ไม่ว่าจะเป็นนักลงทุนมือใหม่หรือผู้เชี่ยวชาญในวงการ ด้วยประสบการณ์กว่า 8 ปีในสายงานข่าวการเงินดิจิทัลและการกำกับดูแล Web3 พิชญาเคยร่วมงานกับทั้งสื่อในประเทศและต่างประเทศ เช่น Bangkok Biz, Asia Blockchain Review และ BeInCrypto
เธอมุ่งมั่นในการเชื่อมโยงข้อมูลข่าวสารระหว่างผู้กำหนดนโยบาย ผู้พัฒนาเทคโนโลยี และนักลงทุน พร้อมส่งเสริมความรู้ความเข้าใจเรื่องกฎระเบียบคริปโตในบริบทไทย-อาเซียน ผลงานของเธอมีจุดเด่นด้านการวิเคราะห์ข่าว DeFi การลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัล และการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของ Web3 ที่กำลังเปลี่ยนโฉมเศรษฐกิจดิจิทัลของภูมิภาค