แม้ว่าราคา Ethereum (ETH) จะปรับตัวลดลง 3% ในสัปดาห์ที่ผ่านมา ท่ามกลางความตึงเครียดในตะวันออกกลางที่ส่งผลกระทบต่อตลาดคริปโตโดยรวม แต่นักวิเคราะห์และเทรดเดอร์ชื่อดังหลายรายกลับมองเห็นโอกาสครั้งใหญ่ โดยเฉพาะ Merlijn the Trader ที่มีผู้ติดตามเกือบ 400,000 คน ได้ออกมาคาดการณ์ราคาไว้อย่างน่าสนใจว่า ETH อาจมีโอกาสพุ่งทะยานสู่ระดับ $12,000 ได้ในระยะกลาง
Ethereum อาจซ้ำรอย Bitcoin? บทวิเคราะห์จาก Merlijn the Trader
Merlijn the Trader ได้จุดประกายความหวังให้กับนักลงทุน Ethereum โดยเปรียบเทียบสถานการณ์ปัจจุบันของ ETH ที่กำลังสะสมกำลังบริเวณราคาประมาณ $2,000-$3,000 กับเส้นทางราคาของ Bitcoin (BTC) ในปี 2020 ซึ่งในขณะนั้น BTC มีราคาอยู่ที่ประมาณ $8,000 ก่อนที่จะเกิดการพุ่งทะยานครั้งประวัติศาสตร์
นอกจากการวิเคราะห์รูปแบบราคาแล้ว อีกหนึ่งปัจจัยที่สนับสนุนมุมมองเชิงบวกคือ สัญญาณกระทิงจากการเข้าช้อนซื้อของวาฬ Ethereum ซึ่งบ่งชี้ถึงความเชื่อมั่นจากนักลงทุนรายใหญ่
เช่นเดียวกับสถาบันการเงินยักษ์ใหญ่อย่าง BlackRock ที่เข้าซื้อ ETH อย่างต่อเนื่อง ซึ่งส่งผลให้ตลาด Futures มีความคึกคักเป็นอย่างมาก
เขาคาดการณ์ว่ารูปแบบราคาของ Ethereum ในปัจจุบันมีความคล้ายคลึงกับ Bitcoin ในอดีตอย่างมาก และเชื่อว่าหากประวัติศาสตร์ซ้ำรอย Altcoin อันดับหนึ่งตัวนี้อาจถูกผลักดันให้ราคาทะลุระดับ $12,000 ได้ภายใน 2 ปีข้างหน้า ซึ่งถือเป็นเป้าหมายที่ท้าทายและน่าจับตามองอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่ถือครอง ETH
ความเชื่อมั่นในศักยภาพของ Ethereum ไม่ได้จำกัดอยู่แค่นักเทรดเท่านั้น แต่ยังรวมถึงบริษัทในตลาดที่ล่าสุดได้มี บริษัทใหญ่ที่เปลี่ยนมาโฟกัส Ethereum Staking ซึ่งสะท้อนถึงความน่าสนใจของระบบนิเวศโดยรวม
วิเคราะห์กราฟ Ethereum ระยะสั้น: สัญญาณ Golden Cross และแนวต้านสำคัญ
เมื่อพิจารณาจากกราฟทางเทคนิคในกรอบเวลา 4 ชั่วโมง จะเห็นว่าราคา Ethereum สามารถกลับมายืนเหนือโซนสำคัญที่ $2,400 ได้สำเร็จ หลังจากเผชิญแรงเทขายอย่างหนักเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา การฟื้นตัวนี้มาพร้อมกับสัญญาณกระทิงอย่าง ‘Golden Cross’ ซึ่งเกิดจากเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ (EMA) 9 วัน ตัดขึ้นเหนือเส้น EMA 21 วัน สนับสนุนมุมมองเชิงบวกในระยะสั้น

ในขณะที่โมเมนตัมยังคงดูดี โดยดัชนี Relative Strength Index (RSI) ได้ไต่ระดับขึ้นมายืนเหนือเส้นค่าเฉลี่ย 14 วัน อย่างไรก็ตาม นักลงทุนยังคงต้องจับตาแนวต้านสำคัญที่ระดับ $2,560 และ $2,680 หาก Ethereum สามารถทะลุผ่านไปได้ ก็มีโอกาสสูงที่จะกลับไปทดสอบจุดสูงสุดเดิมของเดือนมิถุนายนที่บริเวณ $2,900 อีกครั้ง
มุมมองจากนักวิเคราะห์ท่านอื่นก็ชี้ไปในทิศทางเดียวกัน โดยมองว่ามี แนวต้านสำคัญของ Ethereum ที่อาจพุ่งสู่ $4,000 หากสามารถทะลุผ่านจุดที่กำหนดไปได้สำเร็จ
จับตาโปรเจกต์ Ethereum Wallet น้องใหม่ที่น่าสนใจ – Best Wallet
ท่ามกลางการฟื้นตัวของตลาด อีกหนึ่งโปรเจกต์ที่น่าสนใจคือ Best Wallet (BEST) ซึ่งเพิ่งปิดการระดมทุนรอบพรีเซลไปได้อย่างสวยงามด้วยยอดเงินเกือบ 14 ล้านดอลลาร์ Best Wallet วางตำแหน่งตัวเองเป็น Wallet ยุคใหม่ที่โดดเด่นด้วยการรองรับสินทรัพย์จากกว่า 60 บล็อกเชน และมีค่าธรรมเนียม Swap ที่ต่ำสำหรับผู้ถือโทเคน $BEST
แผนการเติบโตของระบบนิเวศยังรวมถึงการเปิดตัว Decentralized Exchange (DEX) และบัตรเดบิตสำหรับใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน นอกจากนี้ยังมีเครื่องมือสำหรับนักลงทุนอย่าง ‘Upcoming Tokens‘ ที่ช่วยคัดกรองเหรียญพรีเซลที่มีศักยภาพ ช่วยให้นักลงทุนซื้อเหรียญในช่วยพรีเซลอย่าง Solaxy (SOLX) และ Pepe Unchained (PEPU) ซึ่งได้ให้ผลตอบแทนที่ประสบความสำเร็จแก่นักลงทุนรายย่อยอย่างน่าประทับใจ ถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับนักลงทุนที่มองหาโอกาสใหม่ๆ ในตลาดคริปโต
สรุป: Ethereum มีโอกาสไปต่อ แม้ตลาดระยะสั้นยังผันผวน
โดยรวมแล้ว แม้ตลาดคริปโตในระยะสั้นจะยังคงมีความไม่แน่นอน แต่บทวิเคราะห์จากเทรดเดอร์ผู้มีประสบการณ์ชี้ให้เห็นถึงศักยภาพการเติบโตที่มหาศาลของ Ethereum ในระยะยาว โดยมีเป้าหมายสูงสุดถึง $12,000 การเปรียบเทียบกับวัฏจักรของ Bitcoin ในอดีตถือเป็นสัญญาณบวกที่น่าสนใจ อย่างไรก็ตาม นักลงทุนควรจับตาสัญญาณทางเทคนิคและแนวต้านสำคัญในระยะสั้น เพื่อประกอบการตัดสินใจลงทุนอย่างรอบคอบ
บล็อกเชนและสินทรัพย์ดิจิทัล, Web3, วิเคราะห์แนวโน้มราคาสินทรัพย์, โทเค็นโนมิกส์ Tanawat Thanichapol เป็นนักวิเคราะห์คริปโตและที่ปรึกษาบล็อกเชนอิสระจากประเทศไทยที่มีประสบการณ์กว่า 7 ปี จบหลักสูตรด้านเศรษฐกิจดิจิทัลจาก MIT Initiative on the Digital Economy (IDE) เขาเคยร่วมงานกับสตาร์ทอัพคริปโตในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และปัจจุบันเขียนบทความวิเคราะห์ตลาด รวมถึงพัฒนาบอทช่วยเทรดให้กับสื่อสายคริปโตหลายแห่ง เขาเชี่ยวชาญด้านโทเค็นโนมิกส์ การวิเคราะห์ on-chain และการจับสัญญาณแนวโน้มในตลาดสินทรัพย์ดิจิทัล สนใจเป็นพิเศษในด้านการเงินแบบกระจายศูนย์และอนาคตของ We